บลองช์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขามองไปมองพ่อร่างใหญ่ด้านหลังเขาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น เขาก็หันหลังกลับและส่ายหัวให้เบียงก้า “ไม่ครับ เราจะไปที่ห้างสรรพสินค้ากันครับ”
“ห้างสรรพสินค้าเหรอคะ? ไปทำไมคะ?"
ทันทีที่พูดแบบนั้น เบียงก้าจึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าไม่มีน้ำแร่ในตู้เย็นอีกแล้ว เด็กน้อยอาจกังวลว่าเธอจะไม่มีน้ำให้ดื่มเมื่อรู้สึกกระหาย
“เราไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เดี๋ยวฉันจะต้มน้ำเองค่ะ”
สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือให้พวกเขาสองคนจากไปโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เด็กชายส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “อืมคือ เอ่อ ผมกังวลว่าคุณจะไม่มีอะไรกินหรือดื่ม…”
เบียงก้าทำอะไรไม่ถูก เธอส่งสายตาหาลุคราวกับการส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ ในฐานะผู้ปกครองของเด็กน้อย เบียงก้าหวังในใจว่าเขาจะพาเด็กน้อยกลับไป
ลุคกลับลูบหัวลูกชายเบา ๆ แล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ลานี่กังวลมากจนเขาอาจจะยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่กับคุณคืนนี้เลยแหละ”
เบียงก้า “...”
ไม่มีอะไรที่เธอจะพูดต่อได้
บอกตามตรงว่า ถ้าชะตากรรมของเธอต้องผูกติดอยู่กับตระกูลครอว์ฟอร์ดจริง ๆ เธอหวังอย่างมากว่าเธอจะได้พบกับ บลองช์ ครอว์ฟอร์ดทุกครั้ง เพื่อที่เธอจะได้สัมผัสถึงประสบการณ์ความอบอุ่นในด้านการมีลูก
นั่นสามารถช่วยเธอจัดการกับบางสิ่งบางที่โศกเศร้าในใจและความสำนึกผิดที่เธอทอดทิ้งลูกน้อยไปเช่นนั้น
แม้จะเป็นเพียงภาพลวงตาในฐานะแม่ก็ตาม เธอยังคงปรารถนากลิ่นไอของสิ่งนี้อยู่ร่ำไป
สำหรับลุค ครอว์ฟอร์ด เบียงก้าภาวนาว่าจะไม่พบกับเขาอีก
แม้แต่ในที่ทำงาน คงจะดีที่สุดถ้าพวกเขาแบ่งแยกกันโดยสิ้นเชิงและไม่ต้องเผชิญหน้ากัน
เธอเพิ่งรู้จักชายผู้มั่งคั่งและมีอำนาจคนนั้นมาไม่ถึงครึ่งเดือน แต่เธอตกเป็นเป้าหมายของชาร์ลอตต์ ชอว์เรียบร้อยแล้ว ทายาทผู้เกิดมามีอำนาจและไม่เคยเข้าใจแนวคิดความผิดบาปต่อศีลธรรม
เบียงก้าไม่อยากจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่แย่ไปกว่านั้น ถ้าหากเธอยังข้องเกี่ยวกับลุค ครอว์ฟอร์ดต่อไป
…
เบียงก้าสวมใส่ชุดเดรสสีขาว เธอหยิบกระเป๋าเงินและออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับคู่หูพ่อลูก
ลุคเดินนำไปข้างหน้าของเธอ
เบียงก้ารักษาระยะห่างจากเขาโดยสัญชาตญาณ เธอเป็นเพียงนกกระจอกส่วนเขาเป็นถึงมังกรจักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาดูไม่เข้ากันเลยเวลายืนอยู่ข้าง ๆ กัน เธอไม่อยากทำให้ตัวเองรู้สึกลำบากใจ
มีร้านอยู่ตรงนอกโรงพยาบาล ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร
ดังนั้น ลุคจึงไม่ได้คิดที่จะขับรถไป
ขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนน เบียงก้าก็อ่อนไหวมากจนสังเกตเห็นว่าเธอดึงดูดสายตาเป็นครั้งคราว หลังจากที่ผู้คนผ่านไปมามองเธอ พวกเขาจะมองไปยังชายตรงหน้าเธอ เขาดูเหมือนเขาเดินออกจากนิตยสารด้านธุรกิจอย่างไรอย่างนั้น
ที่ทางเข้าห้องสรรพสินค้า
เบียงก้ารถเข็นสินค้าและตรงไปที่ประตู
ตลอดทางเดิน เนื่องจากความเป็นห่วง ลุคเหลือบมองกลับไปที่เบียงก้าแทบจะทุก ๆ สองถึงสามก้าว
ในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการเดินเคียงข้างเขา
เมื่อหันกลับมามองตอนนี้ เขาเห็นว่าเธอกำลังดันรถเข็นสินค้าขนาดใหญ่
นั่นคือตอนที่เขานึกได้ว่าการซื้อของก็ต้องใช้รถเข็น แม้ว่าเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เขาก็ต้องมองไปรอบ ๆ อย่างใจเย็นเพื่อดูว่าชายคนอื่นทำอย่างไรกันบ้าง
ลุคเดินไปหาเธอและบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ว่า "ผมจะเข็นให้เอง"
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข็นเองได้ค่ะ” เบียงก้าไม่กล้าที่จะปล่อยให้เขา
“คุณไม่เห็นเหรอว่าผู้ชายคนอื่นทำแบบนั้นกัน?” ลุคมองเธออย่างลึกซึ้ง ขณะที่เธอยังคงมึนงง มือขนาดใหญ่ของเขาจับที่ด้านหลังศีรษะของเธอ ขณะที่เขาดึงรถเข็นที่อยู่ข้างหน้าด้วยมืออีกข้างหนึ่งของเขา
เบียงก้ามองไปรอบ ๆ เธอและรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก
ใช่ ผู้ชายคนอื่น ๆ เป็นคนเข็นรถเข็น แต่ผู้ชายเหล่านั้นมักจะเป็นสามี มันเป็นเรื่องปกติที่สามีจะเข็นรถเข็นให้ภรรยาของตน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าพนักงานที่ต่ำต้อยของลุค
ถ้าพูดให้ถูก มันควรเป็นลูกจ้างที่เข็นรถเข็นให้เจ้านายมากกว่า แต่นายจ้างมาเข็นรถเข็นสินค้าให้ลูกจ้าง นี่มัน…
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ
เบียงก้าสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย เธอมองดูชายตัวสูงที่ยืนตรงหน้าเธอ ทั้งหมดที่เธอทำได้คือจับมือลูกชายของเขาและเดินตามเขาไป
ที คอร์ปอเรชั่น มีพนักงานนับไม่ถ้วนจากทั่วเมืองที่วุ่นวายแห่งนี้ เบียงก้าเดินไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวงเพราะกังวลว่าเธอจะชนกับหนึ่งในนั้นเข้า ไม่มีทางเลยที่เธอจะสามารถอธิบายเหตุผลต่าง ๆ ได้หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น...
เมื่อเดินเข้าไปภายในร้านมีคนที่จับจ่ายใช้สอยอยู่มากมาย
ลุคดันรถเข็นเข้าไปข้างใน แล้วเดินไปสองก้าวก่อนจะหันมามองไปที่เบียงก้าและบลองค์ มันค่อนข้างแออัดจริง ๆ และบ่อยครั้งที่หลาย ๆ คนเดินชนเบียงก้า
“เดินมาข้างหน้าผม” ชายหนุ่มสั่งด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เด็กชายลากเบียงก้าไปข้างหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก