พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 38

กลับมาที่โรงพยาบาล

เบียงก้าจ้องที่ถุงช้อปปิ้งเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะไปแปรงฟัน

พ่อและลูกชายอยู่เพียงครู่เดียวและกลับไปหลังจากนั้น

หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนและนอนบนเตียงเดี่ยวสีขาวของโรงพยาบาล เธอบีบหว่างนิ้วเป็นเวลานาน เพราะเธอหลับไม่ลงจริง ๆ

เธอพลิกตัวพลิกตัวไปมา แต่กลับนอนไม่หลับเลย

ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เบียงก้ากำลังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในวัยยี่สิบสี่ปีที่มีคนสละเสื้อโค้ดให้แก่เธอโดยไม่ลังเลเมื่อเธอรู้สึกหนาว

เธอคงโกหกเป็นแน่ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย

ลุคพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลเตรียมขับรถกลับคฤหาสน์

พวกเขาหยุดรถลงเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง

จากนั้นลุคก็เปิดกระจกรถเพื่อสูบบุหรี่ เขาคีบบุหรี่ไว้หว่างนิ้ว เขาหยิบเคาะขี้บุหรี่เป็นครั้งคราว ดวงตาลึกของเขาจ้องมองตรงไปข้างหน้าและค่อย ๆ หรี่ลง

“พ่อครับ พ่อเคยสอนผมว่าการแอบฟังโทรศัพท์ของคนอื่นมันหยาบคายมากนิครับ” บริเวณเบาะนั่งนิรภัยด้านหลัง ลานี่คร่ำครวญขณะที่กัดริมฝีปากเล็ก ๆ ของเขา “แต่พ่อกลับบอกให้ผมรับสายคุณบี…”

ลุคเคาะขี้บุหรี่แล้วไม่พูดอะไร

ลานี่กล่าวต่อ “แต่เราทั้งคู่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากคุณบีเลย…”

ลุคปัดบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ในรถแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อขอให้ลูกหยิบขึ้นมา จะได้รู้ว่าเป็นคนไม่ดีที่โทรหาเธอรึเปล่า”

“โห...” แค่นั้นเอง

เด็กชายเกาศีรษะด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เบียงก้าค้างคืนที่โรงพยาบาล

เช้าวันรุ่งขึ้น คุณหมอมาตรวจร่างกายเธอและบอกว่าอาทิตย์หน้าเธอควรพักผ่อนให้ดีกว่านี้

เธอถูกสั่งห้ามไม่ให้โต้รุ่งอีก

เบียงก้าพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ คุณหมอ”

หมอเก็บเครื่องมือแพทย์ของเธอหลังจากนั้น

“คุณหมอจอยซ์ ฉันขอออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ไหมคะ?” เธอไม่อยากอยู่โรงพยาบาลต่อไป ค่าห้องพยาบาลระดับไฮเอนด์นั้นสูงเกินไป เห็นได้ชัดว่าเจสันจัดการห้องนี้ให้เธอ

การรับประทานอาหารกับชาร์ลอตต์ ชอว์เป็นส่วนหนึ่งของงานเธอตามที่บริษัทได้มอบหมาย ดังนั้นบริษัทจึงได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของเธอด้วย

แต่เธอไม่ชอบบรรยากาศที่โรงพยาบาลเลย

“คุณต้องการออกจากโรงพยาบาลก็ได้นะคะ เราจะจัดยาล่วงหน้าไว้ให้คุณสองถึงสามวัน คุณสามารถนำกลับบ้านได้” เมื่อพูดจบ หมอพยักหน้าให้เบียงก้าอย่างสุภาพ เบียงก้าเคยอยู่ในโรงพยาบาลหลายครั้งในชีวิตของเธอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการรักษาที่ดีจากแพทย์เช่นนี้

เบียงก้ารีบจัดการขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ทานอาหารกลางวัน

ระหว่างทางกลับบ้านในรถไฟใต้ดิน นีน่าโทรหาเธอเพื่อแสดงความเป็นกังวล เบียงก้ารับรองกับเธอว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

“เกี่ยวกับพี่ชายของฉัน…” นีน่าพยายามเริ่มหัวข้ออื่น

“อ่อ ฉันถึงสถานีของฉันแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกันวันหลังนะ”

เบียงก้าหาข้ออ้างมาขัดจังหวะนีน่าก่อนจะเธอพูดต่อ

เธอเลิกกับฌองอย่างชัดเจนแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันอีก

ส่วนว่าพวกเขาจะยังคงเป็นเพื่อนกันต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ เธอปล่อยให้เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา

ขณะที่นั่งรถไฟกลับมาบ้าน เบียงก้ารู้สึกเจ็บบริเวณเอวจนแทบจะทนไม่ไหว

แพทย์บอกว่านี่เป็นหนึ่งในผลที่ตามมาของยานั่น

เมื่อกลับถึงบ้าน เบียงก้าทำความสะอาดห้องของเธอก่อนแล้วค่อยปูผ้าปูที่นอนใหม่

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอรู้สึกเหนื่อยมาก จึงฟุบตัวนอนอยู่บนเตียงและไม่อยากที่จะลุกขึ้น

กว่าเธอจะทันรู้ตัว เธอก็เผลอหลับไป

ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงฟ้าร้องดังลั่น

“ครื้น!”

เบียงก้าสะดุ้งตื่น

เมื่อลืมตาขึ้น เธอเห็นว่าทุกสิ่งรอบตัวมืดสนิท

ข้างนอกมืดหมดแล้ว

สายฝนเทกระหน่ำลงมา

เบียงก้าเรียกสติตนเองและพักหายใจหายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนลุกจากเตียงไปเปิดไฟ

ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น

เบียงก้าเดินไปที่ประตูด้วยความรู้สึกสับสนและระแวง "นั่นใครคะ?"

"ผมเอง" นั่นคือเสียงที่ทุ้มและต่ำของลุค

ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

เบียงก้ามองผ่านออกไปจากช่องมองและเห็นว่าชายคนนั้นเปียกโชกไปหมด เขาถือถุงพลาสติกปิดผนึกไว้ในมือ และมีกล่องยาอยู่หลายกล่อง เธอรู้จักยานั้นดี

ตอนนั้นเองที่เบียงก้าจำได้แล้วว่าเธอลืมรับยาจากหมอ

หลังจากที่เธอกลับถึงบ้านและทำความสะอาดห้องของเธอ เธอเหนื่อยมากจนหลับไป แน่นอนว่าเธอลืมไปจนหมด

เธอรู้สึกผิดมาก ขณะที่เธอเปิดประตู

ลุคยื่นถุงปิดผนึกอย่างดีให้กับเธอและมองมาที่เธอ

เบียงก้ารับถุงยานั้น

ร่างกายของเขาเปียกโชกไปทั้งตัว เช่นเดียวกับด้านนอกของถุงยา แต่กล่องยาข้างในนั้นยังแห้งสมบูรณ์ไม่บุบสลาย

เบียงก้าเงยหน้าขึ้นและถามว่า “ข้างนอกฝนกำลังตกหนัก ทำไมถึงไม่กางร่มมาล่ะคะ”

“ผมเข้าไปได้ไหม?” ลุคถาม

"เชิญค่ะ"

เบียงก้ารู้สึกขอบคุณเขาที่นำยามาให้ เธอจึงหลีกทางและปล่อยให้เขาเดินเข้ามา

ลุคเดินเข้าไปในบ้านและถอดรองเท้าและสวมรองเท้าแตะแทน “ระหว่างทางที่มาที่นี่ผมไม่ทันคิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ แล้วพอมาถึงย่านนี้จู่ ๆ ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่เลย”

เบียงก้ารู้สึกแย่มากเกี่ยวกับเรื่องนี้

ฝนเริ่มตกแล้วพร้อมกับเสียงฟ้าร้องอันน่าสยดสยองเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

ลุคสงบใจเย็นและสุขุมอยู่เช่นเคยแม้จะตัวเปียกโชก เขาเป็นตัวของตัวเองตามปกติในขณะที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอียงไปด้านข้างเพื่อถามเธอว่า “จะเป้นอะไรไหมถ้าผมขออาบน้ำอุ่นที่นี่สักหน่อยน่ะ?”

เบียงก้าไม่ได้พูดอะไร

เนื่องจากเธอไม่ตอบ ลุคจึงเดินตรงไปยังห้องน้ำ

เบียงก้าเอ่ยถามอย่างเขินอาย “เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้าไปปั่นแห้งให้ คุณจะมีเสื้อผ้าสวมกลับไปด้วย ได้ไหมคะ?”

อย่างน้อยเขาก็สามารถสวมเสื้อผ้าชุดเดิมกลับได้

ชายคนดังกล่าวหันกลับมามองเธอแล้วพยักหน้า สายตาของเขาลึกเสียจนยากจะหยั่งถึง

เธอรีบดึงสายตากลับมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก