กลับมาที่โรงพยาบาล
เบียงก้าจ้องที่ถุงช้อปปิ้งเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะไปแปรงฟัน
พ่อและลูกชายอยู่เพียงครู่เดียวและกลับไปหลังจากนั้น
หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนและนอนบนเตียงเดี่ยวสีขาวของโรงพยาบาล เธอบีบหว่างนิ้วเป็นเวลานาน เพราะเธอหลับไม่ลงจริง ๆ
เธอพลิกตัวพลิกตัวไปมา แต่กลับนอนไม่หลับเลย
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เบียงก้ากำลังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในวัยยี่สิบสี่ปีที่มีคนสละเสื้อโค้ดให้แก่เธอโดยไม่ลังเลเมื่อเธอรู้สึกหนาว
เธอคงโกหกเป็นแน่ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
ลุคพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลเตรียมขับรถกลับคฤหาสน์
พวกเขาหยุดรถลงเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง
จากนั้นลุคก็เปิดกระจกรถเพื่อสูบบุหรี่ เขาคีบบุหรี่ไว้หว่างนิ้ว เขาหยิบเคาะขี้บุหรี่เป็นครั้งคราว ดวงตาลึกของเขาจ้องมองตรงไปข้างหน้าและค่อย ๆ หรี่ลง
“พ่อครับ พ่อเคยสอนผมว่าการแอบฟังโทรศัพท์ของคนอื่นมันหยาบคายมากนิครับ” บริเวณเบาะนั่งนิรภัยด้านหลัง ลานี่คร่ำครวญขณะที่กัดริมฝีปากเล็ก ๆ ของเขา “แต่พ่อกลับบอกให้ผมรับสายคุณบี…”
ลุคเคาะขี้บุหรี่แล้วไม่พูดอะไร
ลานี่กล่าวต่อ “แต่เราทั้งคู่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากคุณบีเลย…”
ลุคปัดบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ในรถแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อขอให้ลูกหยิบขึ้นมา จะได้รู้ว่าเป็นคนไม่ดีที่โทรหาเธอรึเปล่า”
“โห...” แค่นั้นเอง
เด็กชายเกาศีรษะด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย
…
เบียงก้าค้างคืนที่โรงพยาบาล
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณหมอมาตรวจร่างกายเธอและบอกว่าอาทิตย์หน้าเธอควรพักผ่อนให้ดีกว่านี้
เธอถูกสั่งห้ามไม่ให้โต้รุ่งอีก
เบียงก้าพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ คุณหมอ”
หมอเก็บเครื่องมือแพทย์ของเธอหลังจากนั้น
“คุณหมอจอยซ์ ฉันขอออกจากโรงพยาบาลและกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ไหมคะ?” เธอไม่อยากอยู่โรงพยาบาลต่อไป ค่าห้องพยาบาลระดับไฮเอนด์นั้นสูงเกินไป เห็นได้ชัดว่าเจสันจัดการห้องนี้ให้เธอ
การรับประทานอาหารกับชาร์ลอตต์ ชอว์เป็นส่วนหนึ่งของงานเธอตามที่บริษัทได้มอบหมาย ดังนั้นบริษัทจึงได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของเธอด้วย
แต่เธอไม่ชอบบรรยากาศที่โรงพยาบาลเลย
“คุณต้องการออกจากโรงพยาบาลก็ได้นะคะ เราจะจัดยาล่วงหน้าไว้ให้คุณสองถึงสามวัน คุณสามารถนำกลับบ้านได้” เมื่อพูดจบ หมอพยักหน้าให้เบียงก้าอย่างสุภาพ เบียงก้าเคยอยู่ในโรงพยาบาลหลายครั้งในชีวิตของเธอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการรักษาที่ดีจากแพทย์เช่นนี้
เบียงก้ารีบจัดการขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ทานอาหารกลางวัน
ระหว่างทางกลับบ้านในรถไฟใต้ดิน นีน่าโทรหาเธอเพื่อแสดงความเป็นกังวล เบียงก้ารับรองกับเธอว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
“เกี่ยวกับพี่ชายของฉัน…” นีน่าพยายามเริ่มหัวข้ออื่น
“อ่อ ฉันถึงสถานีของฉันแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกันวันหลังนะ”
เบียงก้าหาข้ออ้างมาขัดจังหวะนีน่าก่อนจะเธอพูดต่อ
เธอเลิกกับฌองอย่างชัดเจนแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันอีก
ส่วนว่าพวกเขาจะยังคงเป็นเพื่อนกันต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ เธอปล่อยให้เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตา
ขณะที่นั่งรถไฟกลับมาบ้าน เบียงก้ารู้สึกเจ็บบริเวณเอวจนแทบจะทนไม่ไหว
แพทย์บอกว่านี่เป็นหนึ่งในผลที่ตามมาของยานั่น
เมื่อกลับถึงบ้าน เบียงก้าทำความสะอาดห้องของเธอก่อนแล้วค่อยปูผ้าปูที่นอนใหม่
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอรู้สึกเหนื่อยมาก จึงฟุบตัวนอนอยู่บนเตียงและไม่อยากที่จะลุกขึ้น
กว่าเธอจะทันรู้ตัว เธอก็เผลอหลับไป
ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงฟ้าร้องดังลั่น
“ครื้น!”
เบียงก้าสะดุ้งตื่น
เมื่อลืมตาขึ้น เธอเห็นว่าทุกสิ่งรอบตัวมืดสนิท
ข้างนอกมืดหมดแล้ว
สายฝนเทกระหน่ำลงมา
เบียงก้าเรียกสติตนเองและพักหายใจหายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนลุกจากเตียงไปเปิดไฟ
ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
เบียงก้าเดินไปที่ประตูด้วยความรู้สึกสับสนและระแวง "นั่นใครคะ?"
"ผมเอง" นั่นคือเสียงที่ทุ้มและต่ำของลุค
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
เบียงก้ามองผ่านออกไปจากช่องมองและเห็นว่าชายคนนั้นเปียกโชกไปหมด เขาถือถุงพลาสติกปิดผนึกไว้ในมือ และมีกล่องยาอยู่หลายกล่อง เธอรู้จักยานั้นดี
ตอนนั้นเองที่เบียงก้าจำได้แล้วว่าเธอลืมรับยาจากหมอ
หลังจากที่เธอกลับถึงบ้านและทำความสะอาดห้องของเธอ เธอเหนื่อยมากจนหลับไป แน่นอนว่าเธอลืมไปจนหมด
เธอรู้สึกผิดมาก ขณะที่เธอเปิดประตู
ลุคยื่นถุงปิดผนึกอย่างดีให้กับเธอและมองมาที่เธอ
เบียงก้ารับถุงยานั้น
ร่างกายของเขาเปียกโชกไปทั้งตัว เช่นเดียวกับด้านนอกของถุงยา แต่กล่องยาข้างในนั้นยังแห้งสมบูรณ์ไม่บุบสลาย
เบียงก้าเงยหน้าขึ้นและถามว่า “ข้างนอกฝนกำลังตกหนัก ทำไมถึงไม่กางร่มมาล่ะคะ”
“ผมเข้าไปได้ไหม?” ลุคถาม
"เชิญค่ะ"
เบียงก้ารู้สึกขอบคุณเขาที่นำยามาให้ เธอจึงหลีกทางและปล่อยให้เขาเดินเข้ามา
ลุคเดินเข้าไปในบ้านและถอดรองเท้าและสวมรองเท้าแตะแทน “ระหว่างทางที่มาที่นี่ผมไม่ทันคิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ แล้วพอมาถึงย่านนี้จู่ ๆ ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่เลย”
เบียงก้ารู้สึกแย่มากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฝนเริ่มตกแล้วพร้อมกับเสียงฟ้าร้องอันน่าสยดสยองเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ลุคสงบใจเย็นและสุขุมอยู่เช่นเคยแม้จะตัวเปียกโชก เขาเป็นตัวของตัวเองตามปกติในขณะที่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอียงไปด้านข้างเพื่อถามเธอว่า “จะเป้นอะไรไหมถ้าผมขออาบน้ำอุ่นที่นี่สักหน่อยน่ะ?”
เบียงก้าไม่ได้พูดอะไร
เนื่องจากเธอไม่ตอบ ลุคจึงเดินตรงไปยังห้องน้ำ
เบียงก้าเอ่ยถามอย่างเขินอาย “เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้าไปปั่นแห้งให้ คุณจะมีเสื้อผ้าสวมกลับไปด้วย ได้ไหมคะ?”
อย่างน้อยเขาก็สามารถสวมเสื้อผ้าชุดเดิมกลับได้
ชายคนดังกล่าวหันกลับมามองเธอแล้วพยักหน้า สายตาของเขาลึกเสียจนยากจะหยั่งถึง
เธอรีบดึงสายตากลับมา
แม้ว่าชายกับหญิงจะอยู่ด้วยกันตามลำพังในตอนกลางคืนก็ไม่เหมาะสม แต่ตัวเขากลับเปียกโชกเพียงเพราะนำยามาให้เธอ
ยานั้นมีความสำคัญต่อเธอมากเพราะยาปลุกกำหนัดนั้นมีผลเสียต่อรังไข่และมดลูกของเธอ ถ้าเธอไม่จัดการก้บผลกระทบเหล่านี้ด้วยยานี้ เธออาจจะต้องสูญเสียมดลูกไป
ลุคถอดเสื้อนอกออก เสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนเปียกโชกของเขาถูกฉาบไว้ที่ลำตัวที่กระชับ แม้จะมองไกล ๆ ก็ดูแข็งแกร่งและเร้าอารมณ์มาก
เบียงก้ากำลังมองเขาอยู่
แต่ในไม่ช้า เธอก็กลับมารู้สึกตื่นตระหนกและลดสายตาลงมา
ท่าทีของเธอแข็งทื่อ เธอเดินไปที่ห้องครัวและยัดขนมปังเข้าไปในปากเพื่อให้ท้องไม่ว่าง เธอเทน้ำให้และรับประทานยาเอาไว้
เมื่อเสร็จเรียบร้อย เบียงก้าก็เก็บยาส่วนที่เหลือ
หลังจากนั้น เธอเดินไปที่ประตูห้องน้ำ หยิบกางเกง เสื้อเชิ้ต และบ็อกเซอร์ของผู้ชาย...
เธอโดยนเสื้อผ้าพวกนั้นลงเครื่องซักผ้าแล้วปั่นให้แห้งก่อนจะรีดให้เรียบร้อย
เธอต้องใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที
ลุคสวมผ้าเช็ดตัวรอบเอว แผ่นหลังที่กว้างและแข็งแรงของเขา กล้ามเนื้อที่กระชับและชัดเจนตลอดจนรอยอันเย้ายวนรอบ ๆ ช่องท้องส่วนล่างของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงเลือดกำเดาไหลได้
นั่นคือเหตุผลที่เบียงก้าไม่กล้ามองมาทางของเขาอีก
ชายคนนั้นยืนอยู่ที่ระเบียงและสูบบุหรี่โดยไม่พูดอะไร
แต่สุดท้ายเขาก็เดินมาข้างหลังเธอและถามว่า “รีดผ้าเสร็จแล้วเหรอ?”
เบียงก้ารู้สึกกระวนกระวายใจทันที เธอหยิบเสื้อผ้าจากโต๊ะรีดผ้าและพูดเบา ๆ ว่า “ค่ะ คุณใส่ได้แล้ว…”
ลุคหยิบเสื้อและกางเกงของเขามาทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกอุ่นอยู่ ลมหายใจของเขาพัดบนผ่านใบหน้าของเธอขณะที่เขาพยักหน้า “ขอบคุณ”
เขาเดินไปใส่เสื้อผ้า
ฉับพลัน เบียงก้ารู้สึกประหลาดใจ มีใครกันมาเยี่ยมในเวลากลางคืนแบบนี้?
ลุคอยู่ในห้องนอนของเธอ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเลยว่าจะมีแขกโผล่มาหาเธอตอนนี้
เบียงก้าเหลือบมองชายคนนั้นอย่างกังวล เขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ประตู สิ่งต่าง ๆ คงจะเลวร้ายมากหากแขกตรงประตูเห็นเขาเข้า
เธอเดินไปที่ประตู หัวใจของเธอหล่นอยู่ที่ตาตุ่ม
เธอมองผ่านตาแมว…
เธอเห็นฌอง แลงดอนยืนอยู่ข้างนอก
เขาถือร่มไว้ในมือและพิงกำแพงขณะสูบบุหรี่ เขาจะกดกริ่งสองสามครั้งและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยมือที่ถือบุหรี่อยู่
สมองของเบียงก้าหยุดทำงานโดยทันที
เธอไม่ได้กลัวฌอง แต่เธอจะไม่ยอมให้ฌองเห็นลุคที่นี่ มิฉะนั้น มันจะเป็นสิ่งที่ตรงกับที่เดซี่พูดว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงของเจ้านายตัวเอง
“เบียงก้า เรย์น ผมรู้ว่าคุณอยู่บ้าน เปิดประตู!"
ปัง ปัง ปัง!!
ฌองถึงกับทุบประตูด้วยหมัดเหมือนคนบ้า
“ใครกันที่สร้างความโกลาหลวุ่นวายแบบนี้? นายบ้าไปแล้วรึเปล่า?”
เพื่อนบ้านตื่นขึ้นจึงตะโกนใส่เขา
ฌองหันกลับมา ท่าทางเย็นชาในขณะที่เขาพูดว่า “ไปให้พ้น ถ้าอยากรู้ว่าอะไรดีสำหรับคุณ คุณช่วยหันก้นแล้วกลับไปที่เตียงจะดีกว่า”
หญิงชราได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจตอนที่เขาพูด และเธอก็กลัวทันทีว่าจะทำให้คนขี้เมาที่ไร้เหตุผลคนนี้อารมณ์เสีย เธอบีบจมูกด้วยท่าทีที่รังเกียจและขมวดคิ้ว พร้อมกับปิดประตูอย่างแรง
“เบียงก้า ผมบอกให้คุณเปิดประตู เธอได้ยินไหม?"
ปัง ปัง ปัง!
เสียงของฌองเต็มไปด้วยความโกรธที่แทบจะอดกลั้นไว้ไม่อยู่ ราวกับว่าเขาสามารถระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ลุคต้องการจะออกไปข้างนอก แต่ทันใดนั้น เบียงก้าก็รีบเข้าไปในห้องนอนของเธอ และคว้าโทรศัพท์ของเธอซึ่งกำลังชาร์จอยู่ที่เตียง เธอก้มศีรษะลงและเลื่อนดูรายชื่อติดต่อด้วยความตื่นตระหนก
เขายังคงเคาะประตูของเธอต่อไป
นิติบุคคล นิติบุคคล!
เธอกำลังเลื่อนหาหมายเลขของนิติบุคคล ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือโทรหานิติบุคคลและแจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยมาพาฌองออกไป
ยิ่งเธอรนมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเลื่อนหาหมายเลขได้ยากมากขึ้น
ฌองส่งข้อความมาหาเธอผ่านทางวีแชท ซึ่งทำให้เธอตื่นตะหนกแล้วรู้สึกสะอิสะเอียนในขณะที่เลื่อนหารายชื่อผู้ติดต่อ มือของเธอสั่นระรัวไปหมด
“ถ้าเธอไม่เปิดประตู ผมจะเปิดเอง เธอไม่รู้เรื่องนี้ แต่เจ้าห้องเช่าให้กุญแจสำรองผมมา”
ทันใดนั้นเบียงก้าก็ได้ยินเสียงเปิดประตู
เบียงก้ามองไปยังลุค ครอว์ฟอร์ดที่ดูสุขุมและสงบเช่นเคย กลิ่นที่สะอาดและสดชื่นของเขาผ่านเข้ามาในจมูกของเธอ ขณะที่เธอพยายามทำให้เขาสบายใจและอ้อนวอนเขาอย่างจริงจัง “ขอร้องแหละค่ะ อยู่ตรงนี้ อย่าออกมานะ!”
เมื่อพูดจบ เธอจึงออกไปจัดการกับวิกฤติที่เกิดขึ้น
ลุคไม่คุ้นชินกับการ “แอบ” หรือ “ซ่อนตัว” แบบนี้ เขาจึงก้าวออกมา
มือของเบียงก้ากำลังจะเปิดประตูห้องนอน ทันใด ชายด้านหลังเธอพุ่งตัวเข้ามากอดเธอด้วยแขนอันใหญ่โต แล้วกดร่างของเธอกับประตูไม้สีขาว
"ทำอะไรคะเนี้ย? คุณไม่มีสิทธิมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ...” เธอโมโห
ทันทีที่เธอขยับตัว ก้นของเธอก็จะติดกับเป้าของเขา…
ดวงตาของลุคฉายแววความโกรธ เขาจึงขยับริมฝีปากบางมาแนบหูเธอและถามอย่างเย็นชาว่า “ผมน่าอายขนาดนั้นเลยหรอ?"
เธอไม่ได้หมายความเช่นนั้นสักหน่อย
แม้ว่าเธอจะประนีประนอมตลอดมา เธอทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ฌองคิดได้ถ้าเขาเห็นทั้งสองเช่นนี้ แต่เธอทำเป็นไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่นีน่าคิดไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ว่านีน่าจะเชื่อใจเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่แน่นอนว่าไม่มีใครที่เห็นสถานการณ์ในห้องตอนนี้และคิดว่าทั้งสองคนเพียงแค่พูดคุยหยอกล้อกันเท่านั้นหรอก
นอกจากนี้ เรื่องเพ้อฝันที่เดซี่โพนทะนาเอาไว้ได้กลับเป็นเชื้อไฟแห่งความเข้าใจผิดนี้ไปแล้ว
เบียงก้าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่สามารถพูดได้ทันท่วงที
ฌองเปิดประตูและเดินเข้าไป และโยนกุญแจลงบนพื้นอย่างโกรธเกรี้ยว
“ผมจะไปบอกเขาเองว่าคุณเป็นของใคร” ลุคจึงหันหลังให้เธอ
เธอแทบจะไม่หันมามองหน้าเขาเลยตอนที่ชายคนนั้นจูบเธอด้วยริมฝีปากที่ร้อนระอุของเขา
มันเป็นจูบแห่งการครอบครอง ความเจ็บปวด และลึกซึ้ง...
“อืม เอ่อ…” เธอสะดุ้งเล็กน้อย
ฌองเดินไปรอบ ๆ บ้านและจบลงที่หน้าประตูห้องนอน “ผมรู้ว่าคุณอยู่ในนั่น เบียงก้าคุยกันได้ไหม?"
เบียงก้ามองไปที่ชายตรงหน้าเธอด้วยสายตาอ้อนวอน เธอส่ายหัวอย่างดิ้นรน
กระนั้น ลุคจับข้อมืออันเรียวยาวของเธอไว้แน่นด้วยมืออันใหญ่โตของเขาด้วยความโกรธ เขาจับเธอไว้อย่างนั้นโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอต่อสู้ในขณะที่เขายังประเคนจูบอันร้อนแรงให้เธอ
มือใหญ่ของเขาดึงชุดนอนยาวถึงข้อเท้าของเธอออก…
เธอรู้สึกถึงลมที่พัดผ่านขาของเธอ
มือของชายคนนั้นสอดเข้าไปหว่างขาเธอ
เขาลูบไล้และบีบคั้นต้นขาด้านในของเธอ
ดวงตาของเธอเปื้อนน้ำตา เธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงเดียวที่เธอทำได้คือครางเบา ๆ “อ่า… อืม ฮ่า…”
หน้าต่างในห้องครัว ระเบียง และห้องนั่งเล่นเปิดกว้างทั้งหมด และเธอไม่รู้ว่าพายุข้างนอกจะปกปิดเสียงครวญครางของเธอได้หรือไม่ เธอกลัวว่าฌองจะได้ยินเสียงเธอ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก