พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 39

ทันใดนั้น ฌองก็เดินไปที่ประตูห้องนอนและพยายามหมุนลูกบิด

เขาหมุนลูกบิดสองสามครั้งแต่มันไม่ขยับ

ณ จุดนั้น ลุคล็อคประตูจากด้านใน แต่ทว่านี่เป็นเพียงแค่ลูกประตูธรรมดา ไม่ได้แข็งแรงมาก

หัวใจของเบียงก้าตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและไม่อาจกลับมาอยู่จุดเดิมได้อีก ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนบอกได้ว่าไม่มีเลือดไหลขึ้นมาเลี้ยงเลย...

ริมฝีปากของเธอถูกผนึกด้วยจูบอันเร่าร้อนของชายคนนั้น เธอทำได้เพียงมองดูชายผู้นั้นด้วยความเศร้าโศกลึก ๆ ในดวงตา เธอสั่นศีรษะอย่างสิ้นหวัง

ลุคจูบริมฝีปากของเธอนานเสียจนปล่อยใจไปกับจูบอันดูดดื่มนั้นขึ้นทุกที หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็ดึงลิ้นของเขาออกจากปากของเธอ แววตาของเขาเจิดจ้าด้วยเปลวเพลิงแห่งราคะที่ไม่สิ้นสุด

ใบหน้าอันหล่อเหลาด้านหนึ่งกำลังแนบอยู่กับแก้มข้างหนึ่งของเธอ ความอบอุ่นในร่างกายของพวกเขาหลอมรวมเข้าด้วยกัน และมือขนาดใหญ่ของเขาไม่ได้ทำให้ข้อมือของเธอคลายลงเลย ในทางกลับกัน อีกมือของเขาวางไว้หว่างขาของเขาออกแรงกดตรงนั้นมากขึ้น

“อย่านะคะ...”

เบียงก้าไม่อาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นได้อีก

เข่าของเธออ่อนแรง และเธอต้องพิงอะไรบางอย่าง แต่ในความงุนงงของเธอ เธอโผเข้ากอดแน่นซึ่งเขารั้งเธอไว้แน่นอยู่แล้ว

“ปล่อยฉันนะคะ… อย่าทำแบบนี้…”

ในที่สุดเธอก็หายใจสะดวกขึ้น เธอบังคับเสียงของเธอให้เป็นเสียงกระซิบที่แผ่วเบาที่สุดพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา

คนข้างนอกก็ไม่หยุดเช่นกัน

หลังจากที่ฌองเปิดประตูในครั้งแรกไม่สำเร็จ เขาจึงไม่ยอมแพ้ เขาคิดว่าเบียงก้าแค่แสดงอารมณ์โมโหและไม่ยอมพบเขาเท่านั้น เขารู้ว่าเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ตอนที่เหล้าเข้าปาก

เขาใช้เวลาสองสามนาทีเพื่อสงบสติอารมณ์และจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อที่เขาจะได้ตั้งสมาธิ เมื่อเขามองดูควันที่ลอยขึ้น อย่างไรเขาก็ยังหงุดหงิดมากขึ้นอีก!

เขายืนอยู่นอกประตูห้องนอนและพยายามหมุนลูกบิดประตูอีกสองสามครั้ง ราวกับว่าเขามีความแค้นกับการที่ประตูลงกลอนตรงหน้า!

ในที่สุด ฌองก็ขว้างก้นบุหรี่ลงกับพื้นและตะโกน “เบียงก้า เรน์น เธอคิดว่าพี่จะทำอะไรกับเธอไม่ได้แค่เพราะเธอล็อคประตูบาง ๆ ไว้แค่นี้เหรอ? อย่าเพิ่งลืมไปสิ เธอเป็นคู่หมั้นของพี่นะ!!”

เบียงก้ารู้สึกเจ็บตรงหน้าอก

เธอเสียใจที่ตกลงคบกับฌองเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เธอเสียใจที่ทิ้งความหวังไว้กับผู้ชายเมื่อปีที่แล้ว เธอรู้สึกเสียใจกับความเชื่อมั่นอันไร้เดียงสาว่าเธอยังคงมีโอกาสได้รับความสุข

นั่นคือความผิดพลาดทั้งหมดของเธอ

เหมือนลุคจะสามารถปิดกั้นฌองไว้ข้างนอกได้อย่างสมบูรณ์

เขาทำตัวราวกับว่าทั้งสองคนเป็นคน ๆ เดียวกัน ภายในบ้านหลังนี้ เขาจดจ่อกับการซึมซับร่างกายอันแสนหวานของเธออย่างเต็มที่

ชายคนนั้นไม่ปล่อยเธอไป เขาจ้องมองร่างกายส่วนล่างของเธอ

เป็นตอนที่ชายหนุ่มเห็นแปลงนาพื้นน้อยของเธออย่างเต็มสองตา

เบียงก้าพยายามดิ้นรน แต่เธอไม่กล้าที่จะกระแทกโดนประตูเพราะกลัวที่จะทำเสียงดังเกินไป จนทำให้ฌองเกิดความสงสัยขึ้นมา!

ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ไม่ต้องการให้ผู้ชายสองคนเห็นร่างกายของเธอพร้อม ๆ กันในเวลานี้!

เธอไม่ต้องการให้ฌองได้ยินหรือเห็นความอัปยศแบบที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ เธอไม่ต้องการถูกกล่าวหาว่าเป็น "ผู้หญิงเลว"

“ดูสิว่าตอนนี้คุณแต่งตัวยงไง ไม่รู้รึไงว่าตอนที่ผมจ้องมองคุณในสถาพแบบนี้แทบทำให้ผมเป็นบ้าอยู่แล้วนะ?” ลุคก้มศีรษะลงจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง สัมผัสของเขารุนแรงขึ้นและแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าเดิม

มือใหญ่โตของเขาแตะเธอที่หว่างขาของเธอ เมื่อมือที่แห้งและร้อนลุ่มของเขาเอื้อมถึงเธอ

เธอรู้สึกชุ่มฉ่ำและเหนียวเหนอะบริเวณนั่น

เธอกำลังปลดกายปล่อยใจให้เป็นไปตามใจนึก

ฌองอยู่ข้างนอก และสิ่งเดียวที่แยกพวกเขาออกจากกันคือประตูบาง ๆ เบียงก้าไม่กล้าขยับหรือกรีดร้อง และเสียงสะอื้นของเธอก็กลืนไปกับจูบอันร้อนแรงของลุค

ดวงตาของเธอเริ่มชุ่มชื้นและเปียกมากขึ้น แต่ชายคนนั้นก็ลูบไล้เธอแรงขึ้นอีก…

เบียงก้ารู้สึกเหมือนเป็นลูกไก่ในกำมือ

เธอไม่ได้ตั้งใจแต่งตัวแบบนี้เพื่อยั่วยวนเขาเสียหน่อย

ตอนอยู่คนเดียว เบียงก้าไม่คุ้นเคยกับการสวมเสื้อผ้านอน แต่วันนี้เธอสวมชุดนอนเพราะเธองีบหลับในตอนกลางวัน ชุดนี้แทบยาวถึงเท้า มันเป็นชุดที่เกือบจะเรียบร้อยที่สุดที่เธอมี

เธอไม่เคยคาดหวังให้ชายคนนี้ที่กำลังจูบเธอมาเยือน

เขาไม่ได้ให้โอกาสเธอได้อธิบาย ราวกับว่าเขาแน่ใจว่าเธอกำลังทำเช่นนี้เพื่อยั่วยวนเขา

นอกประตูที่ล็อกไว้ ฌองพิงที่ประตูและใช้เวลารวบรวมสติอยู่นานก่อนจะถามขึ้นว่า “พี่รู้ว่าเธออยู่ที่ประตู เบียงก้า หลังของพี่พิงอยู่กับประตูแล้วนะ เธอรู้สึกถึงพี่ไหมเบียงก้า? พี่รู้นะว่าเธอยังรักพี่อยู่…”

“พอได้แล้วนะคะ…” เธอหนีบขาทั้งสองเข้าหากัน และร่างกายเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง ขณะที่หลังของเธอพิงไปที่ประตู

ลุคละจากริมฝีปากของเธอ ดวงตาของเขาเปิดและเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่เขามองลงมาที่เธอ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของเขา

น้ำตารวมตัวกันมากขึ้นภายในดวงตาของเธอ เธอไม่สามารถร้องตะโกนได้เพราะนั่นจะทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงไปอีก สิ่งนี้อาจไม่สำคัญสำหรับผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิง...

เธอมองดูคิ้วที่เฉียบคมและรูปลักษณ์อันแข็งแรงของชายคนนั้นก่อนจะกลืนน้ำลาย ทั้งสองคนดูเหมือนจะถูกแช่แข็งอยู่ในกาลเวลา แต่ในขณะเดียวกัน เขามีออร่าอันทรงพลังอยู่รอบตัวเขา ซึ่งทำให้ยากสำหรับใครก็ตามที่กล้าที่จะท้าทายเขา

“หันไปสิ” เสียงของชายผู้นั้นดูมีนัยยะและลุ่มลึก

เบียงก้าอาจไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่เธอก็มอบตัวเองให้กับชายอีกคนหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน

เมื่อเขาพูดว่า "หันหลังไป" มันทำให้เธอนึกถึงคืนที่เจ็บปวดเหล่านั้น

ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอนอนอยู่บนเตียงนั้น เธอปล่อยให้ชายคนนั้นลุกล้ำเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตอนนี้เธอส่ายหัวและไม่สามารถพูดอะไรดังเกินไปได้ ถึงอย่างไรก็ตาม เธอก็รู้ว่ามันไม่สำคัญว่าเธอจะพูดอะไร ชายผู้นี้ไม่กลัวแม้แต่น้อย และเขาก็จะทำต่อไปตามที่เขาพอใจ…

เบียงก้าเอือมละอากับชีวิตที่ต้องเป็นหุ่นเชิดในสายตาของคนอื่นเช่นนี้ เธอกัดฟัน ถ้าวันนี้เขาทำอะไรกับเธอจริง ๆ เธอจะฟ้องเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะทำ

ก่อนหน้านี้ เธอกังวลเกี่ยวกับความคิดและความรู้สึกของพ่อของเธอ เธอจึงใช้ชีวิตที่มีโซ่ตรวนตรึงไว้

ต่อมาเมื่อพบคู่ครองที่ดี เธอเริ่มใส่ใจความคิดและความรู้สึกของเขามากขึ้น เธอจึงกังวลและกลัวทุกอย่าง ตอนนี้พ่อของเธอกลายเป็นพ่อของคนอื่นไป และคนรักของเธอก็กลายเป็นคนที่เหยียบย่ำความภาคภูมิใจของเธอมากกว่าใคร ๆ

หลังจากที่เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ในความสิ้นหวังของเธอ เธอก็พบอิสระมากขึ้น

ในที่สุด เธอตระหนักได้ว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ดังนั้น ในที่สุดเธอก็สามารถยืนขึ้นลุกขึ้นยืนอย่างไม่สนใจตาใด ๆ ที่มองมา

เธอไม่ต้องสนใจเรื่องที่คนอื่นจะคิดอีกต่อไป

“คุณปฏิเสธผมเพราะคนบ้าข้างนอกนั่นเหรอ?” ลุคมองเธออย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เขาบีบคางของเธอและก้มลงจูบเธอ

มันเป็นจูบเบา ๆ ที่สะอาดและสดชื่นราวกับน้ำ ก่อนที่เธอจะสัมผัสถึงลิ้นที่ร้อนผ่าวของเขาก่อนหน้านี้ ชายคนนั้นก็ละออกจากริมฝีปากของเธอแล้วพลิกตัวของเธอ

ตอนนี้แผ่นหลังของเบียงก้า กำลังเผชิญอยู่ต่อหน้าเขา

เขาจับข้อมือทั้งสองของเธอไว้ด้วยมืออันมหึมาของเขาข้างเดียว ยกขึ้นเหนือศีรษะแล้วกดเธอลงกับผนัง

ชายหนุ่มคนอยู่ด้านหลังเธออย่างแนบชิด เขาดึงชุดนอนของเธอขึ้นและถือมุมหนึ่งไว้ในมือ

ด้วยวิธีนี้ เขาเห็นเอวที่บอบบางของเธอ แผ่นหลังที่สวยงามและเรียวยาวของเธอก็เปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา

การหายใจของลุคเริ่มเริ่มไม่เป็นจังหวะ เขาก้มศีรษะลงและกดริมฝีปากบาง ๆ กับผิวที่เนียนนุ่มของเธอ…

“อ่า… ไม่นะ… อ่า!” เบียงก้าสั่นแปลก ๆ ขึ้นมาที่กระดูกสันหลังของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและคร่ำครวญ

ขณะที่ลุคกำลังรูดซิปลง ฌองรู้สึกว่าประตูขยับจากด้านนอกเล็กน้อย

ด้วยเหตุนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเบียงก้ายืนพิงประตูเหมือนกับที่เขาพิงอยู่

“เธอร้องไห้เหรอ?” ฌองก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิดและสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอามือข้างหนึ่งไปแตะประตูที่สั่นเทา เมื่อเขานึกภาพเบียงก้าอยู่อีกด้านหนึ่ง โดยพิงประตูขณะที่ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน เขารู้สึกปวดใจ

“ตอบพี่เถอะ เบียงก้า เธอร้องไห้เหรอ…?”

ฌองสาปแช่งตัวเอง เรียกตัวเองว่าคนไม่เอาไหนที่เขาทำผู้หญิงร้องไห้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก