พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 40

“เขาถามว่าคุณร้องไห้เหรอ?” เสียงแหบห้าวของลุคกดลงที่หลังของเธอ เขาจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ริมฝีปากของเขาขยับไปตามกระดูกสันหลังและเอื้อมไปที่ติ่งหูของเธอ “บอกผมหน่อยสิว่าคุณกำลังร้องไห้อยู่รึเปล่า?”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ตามมาด้วยแสงฟ้าแลบ

เบียงก้าฉวยโอกาสนั้นตะคอกใส่เขา “คุณมันไอ้อันธพาล!”

"ก็ถูกของคุณนะ ในที่สาธารณะ ผมเป็นสุภาพบุรุษสำหรับทุกคน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะเป็นอันธพาลเฉพาะกับคุณ” ลุคกัดหูของเธอจากด้านหลังและเลียเธอไปมา

มือข้างหนึ่งของเขาเอื้อมไปรอบเอวเรียวของเธอพร้อม ๆ กันกับเอื้อมมือไปสัมผัสสะดือท้องที่ของเธอ

นิ้วโป้งที่หยาบกระด้างของชายคนนั้นลูบไล้สะดือของเธอไปมา…

เบียงก้าทนไม่ได้กับวิธีที่เขาลูบไล้เธอเช่นนี้ และเธอก็ต่อสู้กับนิ้วของเขาที่สะดือของเธอตามสัญชาตญาณ นั่นคือเหตุผลที่เธอโค้งตัวกลับขึ้นมาและเงยศีรษะขึ้น

ด้วยวิธีนี้ เธอทำให้มันง่ายขึ้นมากสำหรับลุคที่จะกดร่างของเขากับเธอ…

ฌองยังคงมอบความรักให้เธออยู่ข้างนอก “วันนั้นพี่ไม่มีเวลาว่างเลย เบียงก้า และพี่ไม่ควรพูด พูดเรื่องพวกนั้น พี่ขอโทษนะ แต่เธอไม่รู้หรอก ว่าแม่ต่อว่าพี่ในวันนั้นว่ายังไงบ้าง! ท่านเรียกพี่ว่าคนไร้ค่า บอกว่าพี่รั้งผู้หญิงของพี่ไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!

“ผู้หญิงในละแวกของบ้านเธอบอกแม่ของพี่ว่าเธอพาแฟนกลับบ้านและก็แสดงสนิทสนมกันตรงชั้นล่างของตึก เมื่อพี่เชื่อมโยงเรื่องนั้นกับดอกไม้ที่เธอได้มา พี่… พี่รู้สึกปวดหัวราวมาก มันราวกับว่าใจพี่กำลังจะแตกสลายไป!

“ดอกไม้นำเข้านั่นมันต้องราคาเท่าไหร่กัน? พี่ไม่รู้เลย แต่พี่รู้ว่าพี่จะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยกับอะไรแบบนั้น พอคิดดูดี ๆ ว่าตอนนี้พี่มีรายได้เท่าไร พี่อิจฉาจริง ๆ! อิจฉาที่มีคนอื่นให้เธอได้มากกว่าพี่!”

ฌองหยุดประเดี๋ยวหนึ่ง หลังจากการระบายความรู้สึกครั้งนั้นโดยคิดว่าเบียงก้ากำลังฟังเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง

“แม่ของพี่โกรธเพียงเพราะท่านชอบเธอในฐานะลูกสะใภ้มากเกินไป แม้ว่าเราสองคนเพิ่งจะหมั้นกัน แต่แม่ท่านก็ถือว่าตัวเองเป็นแม่สามีของเธอแล้ว ช่วยบอกพี่ที ว่าแม่สามีที่ไหนจะทนได้ถ้าให้ชายอีกคนแอบเข้าไปในบ้านของลูกสะใภ้ของเธอน่ะ”

ไม่คงมีเสียงตอบกลับจากอีกฝั่งของประตู มีเพียงเสียงของร่างกายที่กระทบกับแผงประตูเท่านั้น มันทำให้เขาคิดว่าเธอยังคงสะอื้นอยู่อีกด้านหนึ่ง

“เบียงก้า เธอร้องไห้เสร็จแล้วช่วยออกมาได้ไหม? เธอก็แค่ต้องอธิบายให้แม่ฟังและขอโทษ...”

มือและร่างกายของเบียงก้าแนบชิดไปกับประตู แทบไม่มีช่องว่างระหว่างตัวเธอกับไม้ เธอไม่มีพื้นที่ให้ขยับเลย ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลัง…

ชายด้านหลังเธอพยายามท้าทายสติที่มั่นคงของเธอ

คำพูดของฌองลอยเข้าหูเธอ

เบียงก้าคิดในใจอย่างขมขื่น 'ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันแทบไม่เคยสนิทสนมกับลุค ครอว์ฟอร์ด และเราแค่พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำในละแวกบ้านเท่านั้น'

อันที่จริง เธอทะเลาะกับลุคในวันนั้นด้วยซ้ำ

สำหรับผู้หญิงที่ชื่อเดซี่คนนั้น เธอยังพูดกับลุคด้วยท่าทางที่เย็นชาและไม่พอใจของเขา แล้วเธอจะกลับมาบอกว่าพวกเขาสนิทสนมกันได้อย่างไร?

ส่วนที่น่าเศร้าที่สุดคือ มีคนที่หลงเชื่อคำโกหกของคนแปลกหน้าไปเสียแล้ว

ไม่ใช่แค่คุณนายแลงดอนเท่านั้นที่เชื่อพวกเขา แต่ฌองก็เช่นกัน

แม้ว่าเธอจะละเว้นความเข้าใจผิดนั้นทิ้งไป เบียงก้าก็ไม่เคยลืมว่าฌองพูดอะไรไว้อีก เธอไม่เคยลืมว่าเขาเคยกล่าวหาเธอ ว่าเธอเป็นเมียน้อยของชายต่างชาติสมัยอยู่ต่างประเทศ…

ขณะที่กล่าวหาเธอในเรื่องนี้ เขาไม่ได้ให้โอกาสเธออธิบายด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจด้วยตัวเองว่าเธอต้องทำเช่นนั้น และนั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอเรียนจบและกลับมายังประเทศนี้ได้...

ที่แย่ไปกว่านั้น หลักฐานเพียงอย่างเดียวที่อยู่เบื้องหลังการกล่าวอ้างที่ไร้สาระทั้งหมดของฌอง ไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่คำโกหกของมาลี เรย์น

มันง่ายมากเลยสินะที่จะทำให้ฌองเชื่อว่าเธอเป็นคนเลวร้ายที่สุด เฮ้อ...

เบียงก้าไม่รู้ว่ามาลีเก่งเรื่องโกหกหรือว่าจริง ๆ แล้วฌองเองต่างหากที่โง่เง่า

เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นกับเธอ เธอรู้สึกว่าความเศร้าโศกเข้าโอบกอดจิใจเอาไว้

ก่อนที่เธอจะจมดิ่งลงไปในความเศร้าสร้อยนั้น เธอกำลัง...

ลุคลงโทษเธอเพราะเรื่องนี้

“อ่า… ไม่… โอ้… อ่า!”

เบียงก้าแทบจะมลายภายใต้ลมหายใจของเขา

ดวงตาของลุคแดงดุจไฟเผา เขามองลงมาที่ร่างของเธอ ขณะที่ร่างกายของเธอกดอยู่ระหว่างร่างกายของเขากับประตู

เนินที่อ่อนนุ่มบนหน้าอกของเธอนั้นกระจ่างใส่กว่าประตูสีขาวเสียอีก

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงของฌองจากด้านนอกห้องเลย วินาทีที่เธอล้มลง เขากลับตัวเธออย่างแรงและทำให้เธอปะทะกับหน้าของเขา

ขณะที่เบียงก้าถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับชายคนนั้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนรุ่มและไม่รู้อะไรเลย...

ตอนนี้เธอควรจะเผชิญหน้ากับตัวเองอย่างไร?

ทันใดนั้น เบียงก้าก็พบว่าตัวเองน่าละอายอย่างยิ่ง

แม้ว่าฌองจะดูถูกเธอหลายครั้งและเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของเธอทั้งที่นี่และตอนนี้ ในขณะที่ฌองพยายามอย่างยิ่ง ที่จะกอบกู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ด้วยคำพูดของเขาแต่ เธอกลับกำลังทำสิ่งที่ไม่น่าดูกับผู้ชายอีกคนที่อยู่หลังประตู...

ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงระเรื่อ และบนผิวบริเวณคอของเธอเป็นสีชมพู

ริมฝีปากของเธอเป็นสีดอกกุหลาบและอวบอิ่ม

และบวมเล็กน้อยจากการจูบก่อนหน้านี้

มือมหึมาของลุคปล่อยข้อมือเธอและจับที่ด้านหลังศีรษะของเธอแทน เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่ากลืนเธอเข้าไปทั้งตัว ริมฝีปากบางของเขากดทับปากสีแดงอันสั่นเทาของเธอ

ลิ้นของเขาลอดเข้าไปในปาดเธอด้วยท่าทางที่จะครอบงำ และสำรวจเธออย่างบ้าคลั่ง

“อืมมมมม…” ในที่สุดเบียงก้าก็ปล่อยมือของเธอ ส่ายศีรษะขณะที่เธอประท้วงและทุบเขาด้วยหมัดของเธอ

อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เธอจะสามารถเอาชนะความแข็งแกร่งของเขาได้

“คุณคงต้องการสิ่งนี้เหมือนกัน…ตอนนี้ยังจะส่ายหัวอยู่อีกเหรอ?”

“ไม่…” เบียงก้าส่ายหัว น้ำตาไหลรินจากดวงตา

เธอใช้ชีวิตไปตามแบบที่เธอคิดว่ามันเป็นชีวิตที่ไม่มีอะไรมากมายตลอดทั้งห้าวันที่ผ่านมา เธอแทบจะไม่ได้ดูหนังโรแมนติกที่เหมาะกับครอบครัวเสียด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่เธอจะทนต่อการโจมตีอย่างกะทันหันเช่นนี้ได้

ลุคจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างของเขาก็ไม่ยอมหยุดหย่อน

“โอ้ …” เบียงก้าเริ่มสูญเสียสติไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

เธอยืนอยู่ด้วยปลายเท้าของเธอ ความปรารถนาของร่างกายของเธอดูเหมือนจะโยนความคิดที่มีเหตุผลของเธอออกไปนอกหน้าต่างเสียแล้ว

เสียงครวญครางของเธอดังก้องเต็มทั้งสองหูเธอ

เธอไม่รู้ว่าตัวเธอได้เชื้อเชิญเขาเข้ามารึเปล่า

เธอต้องการสิ่งนั้นมากขึ้น

ทันใดนั้นเอง ลุคดึงนิ้วของเขากลับไปแล้วอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขน

เขาหันกลับมาและก้าวได้ไม่ถึงสองก้าว เมื่อเธอเอาแขนโอบรอบคอของเขาตามสัญชาตญาณ เขาก็ก้มลงและกดเธอลงบนเตียงอย่างแนบแน่น

ผ้าปูที่นอนใหม่สีขาวล้วน เธอเพิ่งใส่เปลี่ยนในวันนี้หลังจากกลับจากโรงพยาบาล ผ้าปูสว่างไสวในขณะที่ร่างกายสีขาวราวกับหิมะของเธอดูอ่อนแอและไร้ที่พึ่ง ใคร ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธออ่อนไหวมากในตอนนี้

“ไม่… ออกไป…” เบียงก้าเบือนหน้าหนี ตอนนี้ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่และหวาดน่ากลัว

ฌองระบายความในใจออกมาคนเดียวอยู่นาน แต่เมื่อรู้สึกว่าประตูอีกด้านหยุดนิ่ง เขาก็ขมวดคิ้วและพยายามฟังอย่างตั้งใจ

“เบียงก้า เธอเป็นอะไรไหม?”

ปัง! ปัง! ปัง! ฌองใช้มือทุบประตู

“พูดอะไรหน่อยสิเบียงก้า! อย่าทำให้พี่กลัว! ตอบพี่หน่อย!"

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ฌองขู่ว่าจะทุบประตู

เบียงก้าเกือบจะน้ำตาไหล ดวงตาที่เปียกปอนของเธอมองไปยังประตูที่บอบบางนั้น และรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ฌองกระแทกประตู และเธอก็กลัวว่าประตูบานนั้นจะกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา...

ลุคคิดว่าเธอกลัวฌองจะเข้ามามากแค่ไหน สีหน้าท่าทางของเธอก็มืดบอดลงทันที และปฏิกิริยาของเธอเหมือนดังกับเปลวไฟที่ถูกน้ำสาด เขาคว้าข้อเท้าสีขาวราวหิมะของเธอด้วยมือข้างหนึ่งแล้วดึงเธอขึ้นมาหาเขา

"อา!" เบียงก้ารู้สึกว่าจิตใจของเธอได้แหลกสลายอย่างสมบูรณ์

มือของฌองหยุดอยู่ที่ประตู จากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้เรี่ยวแรงจากขาทั้งหมดเตะเข้าที่ประตูแทน

ปัง!

“ใครอยู่ในนั้น? ไปลงนรกซะ!!” ฌองคำรามเหมือนสัตว์ร้าย

เขาไม่ใจเย็นอีกต่อไป และการวิเคราะห์ทั้งหมดของเขาทำให้เขาสรุปได้ว่าเธอซ่อนชายคนหนึ่งไว้ในนั้น เขาเตะที่ประตูในขณะที่เขาคำราม

“เธอมันนางแพศยา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก