พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 41

ความอัปยศอดสูของเบียงก้าพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินฌองเรียกเธอว่า “นางแพศยา!”

ลุคจับเข้าที่ข้อเท้าขาวดุจหิมะของเธอไม่ยอมปล่อย เธอพยายามหนีให้ห่างจากรสขมปร่าในปาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวนัยน์ตาแดงก่ำราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว

ดิ้นรนอยู่ไม่นานนัก ข้อเท้าที่ถูกเขาจับเอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

“โอ๊ย…” เธอร้องออกมา

ปัง!

ปัง!

ฌองเตะเข้ามาที่ประตูสองสามครั้ง

ประตูใกล้จะพังอยู่รอมร่อ เบียงก้าตกอยู่ในความกลัวจับขั้วหัวใจ เลือดหยดสุดท้ายไหลออกจากใบหน้าเธอไปจากใบหน้าซีดเผือดของเธอ

ในขณะที่เบียงก้ารู้สึกอับจนหนทางอยู่เช่นนั้น ริมฝีปากของเธอก็ถูกชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาช่วงชิงเอาไป

เสียงจากภายนอกยังคงดังอยู่

โสตประสาทของเบียงก้าเต็มไปด้วยเสียงหอบอันเย้ายวนและลมหายใจที่ร้อนระอุของผู้ชายคนนี้

ภายนอกห้องนอน

ฌองหันหลังกลับไปตามเสียงที่ได้ยินแล้วจึงเห็นชายในชุดเครื่องแบบตำรวจสี่คนอยู่ตรงหน้าเขา พ่วงมากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของระแวกนี้ พวกเขาเดินเข้ามาทางที่ประตูเปิดออก

“โปรดมากับพวกเราด้วยครับ!”

ฌองมองไปยังตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาเหลือบมองไปที่ประตูห้องนอนที่ใกล้จะพังเพราะฝีมือการเตะของตัวเอง เสียงของเขาดูต่อต้าน “ก็แค่คนรักมีปัญหากัน ตำรวจต้องเข้ามายุ่งเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“มีคนโทรแจ้งตำรวจว่าคุณทำลายทรัพย์ส่วนบุคคลของคนอื่น โปรดให้ความร่วมมือกับเราแต่โดยดี” หนึ่งในตำรวจเหล่านั้นกล่าวขณะเข้าไปจับกุมฌอง

...

อีกฟากหนึ่งของประตูเบียงก้าได้ยินทุกอย่างที่ตำรวจกล่าว...

ลุคปล่อยเธอไปนานแล้ว

เธอได้แต่หลบอยู่ใต้ผ้าห่ม และห่อตัวเองไว้จนแน่น ถึงแม้ว่าด้านนอกจะมีฝนตกหนัก แต่บรรยากาศภายในห้องกลับทั้งร้อนและอับชื้น เนื่องจากเครื่องปรับอากาศไม่ได้ถูกเปิดเอาไว้ ร่างทั้งร่างของเธอจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ...

ในพื้นที่อันแสนคับแคบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นของความเย้ายวน

เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหยุดลงดื้อ ๆ แต่ดีใจเหลือเกินที่เธอยังพอมีโชคเหลืออยู่บ้าง บางทีเขาอาจจะมีจิตสำนึกขึ้นมากระทันหันถึงได้ยอมหยุดการกระทำอันบ้าคลั่งนั้น...

หน้าต่างของห้องนอนเปิดออก

ลุคยืนอยู่หน้าหน้าต่าง ร่างสูงโปร่งของเขาไม่ขยับไปไหน เขาก้มลงและจุดบุหรี่ คิ้วของเขาขมวดมุ่นอยู่แวบหนึ่ง ก่อนตะกอนบุหรี่จะถูกเขี่ยทิ้งแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก

ใครบางคนที่ปลายสายรับโทรศัพท์ “พาคุณหมอจอยซ์มาที่นี่ ที่อยู่เดียวกับครั้งก่อน เร็วเข้า” ลุคพูด

เบียงก้าได้แต่เก็บงำความสงสัยของเธอไว้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโทรเรียกหมอ

ดร.จอยซ์คือแพทย์หญิงที่เคยรักษาเธอที่โรงพยาบาล

แล้วมันหมายความว่ายังไงที่ว่า “ที่อยู่เดียวกับครั้งก่อน” ?

เบียงก้ายังคงสงสัยอยู่ ว่าใครเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ?

เพื่อนบ้านของเธออย่างนั้นเหรอ?

ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นได้ว่านี่อาจจะเป็นฝีมือของลุคก็ได้ เขาลงมือได้อย่างแยบยลมาก

ลุคสูบบุหรี่เสร็จแล้วหันกลับมา เห็นว่าเธอยังคงอยู่ใต้ผ้าห่ม

ฝนยังคงโปรยปรายลงมา เขาเดินมาหาและดึงเธอขึ้นมาจากเตียง เขากระชากผ้าห่มของเธอออก

ร่างของเบียงก้าประจักษ์ต่อสายตาของเขา น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยถาม “นี่คุณจะทำอะไรเนี้ย..?”

ลุกไม่ได้ดูโกรธเมื่อเธอเรียกเขาว่าปีศาจ ในทางกลับกัน เขาปล่อยเธอลงแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ลุกขึ้นไปอาบน้ำ คุณหมอจอยซ์กำลังจะมาที่นี่”

หลังจากออกจากอ้อมแขนของเขา เบียงก้ากะพริบตาด้วยความงุนงง

“คุณมีเลือดออก” ลุครู้สึกผิดเล็กๆ

ห้วงความคิดของเบียงก้าว่างเปล่าไป

เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ในตอนที่เขาบอกว่าเธอมีเลือดออกเธอรู้ว่าเลือดของเธอออกมาจาก...

อาการตกเลือดเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เขาหยุดการกระทำชำเราเธอ แม้ว่าไฟราคะในกายของเขากำลังลุกโชนอยู่ก็ตาม

“เกิดอะไรขึ้น...?”

เบียงก้ารู้สึกหวาดกลัว

เธอลุกขึ้น แล้วนำผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้ ในตอนนั้นเธอหันไปมองเห็นจุดสีแดงหยดเล็กๆบนเตียง

ในตอนที่เขากำลังทำร้ายเธอไปพร้อม ๆ กับที่ฌองเตะเข้าที่ประตู เธอหวาดกลัวเกินกว่าที่จะสนใจอะไร

ตอนที่เธอเห็นเลือด เธอก็ตระหนักได้ว่ามันน่ากลัวเพียงใด

เบียงก้าคงจะไม่กลัวถ้าหากว่าเธอมีเลือดออกในเวลาอื่น เพราะนั่นเป็นเลือดเพียงไม่กี่หยด แต่ในตอนนี้เพิ่งจะผ่านมาไม่ถึงวันนับตั้งแต่ที่เธอโดนวางยา

เบียงก้ายังคงจำคำพูดของคุณหมอจอยได้

ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เธออาจจะตั้งครรถ์ไม่ได้อีก

ลุคไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำเพียงแค่ยืนอยู่อย่างสงบ หลังจากจ้องมองเธอ เขาก็หันกลับและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด การตกแต่งอย่างเรียบง่ายถูกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยฝีมือของฌอง

บนพื้นเต็มไปด้วยขี้บุหรี่และก้นบุหรี่ของเขาในทุกที่

เธอสูดหายใจเต็มปอด ก่อนปลอบตัวเองไม่ให้หวาดกลัว มันจะไม่เป็นไร เธอเชื่อว่ามันจะไม่เป็นไร เธอรู้สึกเจ็บที่เอวเล็กน้อยเท่านั้น นั่นเป็นสัญญาณที่ดีใช่รึเปล่า?

เธอสวมชุดนอนแล้วเข้าไปในห้องน้ำ

ก่อนที่จะเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า เธอไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน ดังนั้นจึงเปิดประตู แล้วเดินออกไปหาชุดนอนตัวใหม่

หลังจากที่เธอและลุคมีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งด้วยกันก่อนหน้านี้ ชุดนอนที่เธอใส่อยู่มีบางจุดที่สกปรกจนแทบรับไม่ได้

เบียงก้ากลับเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับชุดนอนตัวใหม่ในมือ

เธอใช้เวลานานในการล้างคราบเหนียวเหนอะออกจากร่างกาย เธอคุกเข่าแล้วนั่งลงไปกับพื้นห้องน้ำ แม้ว่าเธอจะอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ก็ไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับเขา

เมื่อคุณหมอจอยมาถึง เบียงก้าจึงเช็ดผมของตัวเองจนแห้งก่อนจะใส่ชุดนอนแล้วเดินออกมา

เจสัน ดอยล์ก็มาด้วย หากแต่เขายืนรออยู่ด้านนอก

“เราไปดูอาการของคุณในห้องเถอะค่ะ” คุณหมอจอยซ์พูดกับเบียงก้า

เบียงก้าพยักหน้ารับแล้วนำทางคุณหมอจอยเข้าไปในห้องนอน

การวินิจฉัยใช้เวลากว่ายี่สิบนาทีคุณหมอจอยถามเธอเพียงไม่กี่คำถามแต่เบียงก้า ได้แต่หน้าซีดสลับกับเขินอายในตอนที่เธอตอบคำถาม

ความอับอายเข้าครอบงำเธออีกครั้ง

คุณหมอจอยเก็บอุปกรณ์ลงกล่อง เธอก้มลงไปมองพลางเอื้อมมือไปปิดกล่อง และกล่าว “คุณไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ประจำเดือนมาก่อนกำหนดเท่านั้นเอง ฉันมีบางอย่างจะบอกเผื่อคุณจะสบายใจขึ้น”

เบียงก้าถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพยักหน้ารับ “ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” คุณหมอจอยซ์เดินออกมาด้านนอกโดยมีเบียงก้าเดินตามออกมา

เมื่อเดินมาถึงห้องนั่งเล่น คุณหมอจอยหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมา

เธอเขียนใบสั่งยาอย่างรวดเร็วและยื่นให้เบียงก้า “ซื้อส่วนผสมทุกอย่างที่ฉันเขียนไว้ให้ เป็นยาบำรุงสำหรับคุณ เคี่ยวแล้วดื่มมันวันละสามเวลานะคะ แต่คุณควรเว้นระยะการดื่มในเดือนถัดไปด้วยนะ ประจำเดือนคุณมาเร็วกว่าปกติเพราะว่าคุณตื่นเต้นจนเกินไป”

ใบหน้าของเบียงก้าขึ้นสีในทันที...

คุณหมอจอยเป็นหญิงวัยกลางคนดังนั้นเธอจึงมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่ามากมาย จึงไม่แปลกใจกับสิ่งที่คนหนุ่มสาวพวกนี้ทำต่อกัน

แต่ในฐานะแพทย์ เธอต้องให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างระมัดระวัง

การบอกเบียงก้าก็เหมือนกับการบอกลุคไปในตัว หรืออย่างน้อยคุณหมอจอยก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น

เมื่องานของเธอเสร็จแล้ว คุณหมอจอยซ์ยืนขึ้นและพยักหน้าให้ลุคก่อนที่จะเดินออกไป

“ขอบคุณที่มาครับ คุณหมอจอยซ์” ลุคเดินไปส่งเธอด้วยตัวเองที่หน้าประตู

เจสันยังคงรออยู่ด้านนอกดังเดิม

และเมื่อเขาเห็นว่าคุณหมอจอยซ์เดินออกมา เขาก็รีบนำกล่องเครื่องมือของเธอมาถือไว้ให้และพยักหน้าให้เจ้านายอย่างนอบน้อม เขายังพยักหน้าให้เบียงก้าด้วยก่อนที่จะกดปุ่มของลิฟต์แล้วเดินเข้าไป

ในวินาทีที่ประตูของลิฟท์ตัวที่สองปิดลง เบียงก้าก็รีบขวางไม่ให้ลุคปิดประตูด้วยมือของเธอเอง ก่อนจะกล่าวเสียงอ่อน “นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณควรจะกลับไปได้แล้วค่ะ”

ลุคยังคงรู้สึกผิดเพราะเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอตกเลือด เขากลัวการเผชิญหน้ากับเธอและกลัวคำพูดของตัวเอง

เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยต้องประสบอุบัติเหตุจนเกือบพิการ ในเวลานั้นเขากลัวมาก แต่ความกลัวในตอนนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความกังวลที่เขามีต่อเธอในวันนี้ เขาคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ

“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้กำลังโกหกตัวเองอีก คุณเอาแต่ปฏิเสธ ทั้งที่ร่างกายของคุณไม่ได้เป็นแบบนั้น จนเราต้องเรียกหมอ”

เบียงก้ารู้สึกเคือง เธอมองไปที่เขา “นี่คุณคิดว่า…”

สีหน้าของลุคเย็นชาราวกับธารน้ำแข็ง เขาจับคางของเธอแล้วเชิดหน้าเธอขึ้นเล็กน้อย คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อลามไปถึงหู “นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นเพราะถ้าเราทำแบบนั้นจริง ๆ คุณคงตายในอ้อมกอดผมไปแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก