พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 42

หลังจากที่ลุคจากไป เบียงก้ายังคงยืนจ้องประตูอยู่พักใหญ่

คำพูดของเขานั้นถูกต้อง เช่นเดียวกับการวินิจฉัยของแพทย์ ถึงกระนั้น เธอกลับไม่รู้ว่าเธอคิดถูกต้องไหม ทั้งร่างกายและความรู้สึกได้ทรยศเธอจนหมด

จะมีผู้หญิงที่ไหนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผู้ชายที่หล่อเหลาและประสบความสำเร็จเช่นเขา

ถึงกระนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เก่งกาจอย่างลุค ครอว์ฟอร์ด ใคร ๆ ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันทั้งนั้น พิจารณาว่าตัวเองมีสิทธิ์จะคิดอะไรกับเขาไหม ไหนจะผลที่ตามมาอีก

ถ้าไม่ใช่ชาร์ล็อต ชอว์ ผู้หญิงคนไหนจะคู่ควรกับเขากันล่ะ?

เบียงก้ารู้ตัวเองดี ดังนั้นเธอถึงต้องป้องกันตัวเองอยู่เสมอ จนกระทั่งวันนี้ที่เขาบังคับเธออย่างเอาแต่ได้ ร่างกายของเธอยอมแพ้และทรยศเธอ ราวกับว่าร่างกายของเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง...

“ถึงปากจะไม่พูด แต่ร่างกายจะเป็นคนบอกเอง” ช่างเป็นคำพูดที่เลือกปฏิบัติเสียจริง แต่วันนี้เธอต้องจำใจยอมรับว่ามันก็มีส่วนจริง

เธอเกลียดตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้

เธอเกลียดร่างกายของตัวเองที่ยอมจำนนต่อสัมผัสอันป่าเถื่อนของเขาอย่างง่ายดายอย่างนั้น

คืนนั้น เบียงก้าหลับไม่ลง

อย่างแรก เธอต้องทำความสะอาดผ้าปูที่นอนเสียใหม่ ก่อนที่จะต้องล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่ในใจของเธอยังว้าวุ่นเกินไป แถมประจำเดือนที่มาก่อนกำหนดของเธอยังทำให้ร่างกายเธอรู้สึกอึดอัดขึ้นอีกด้วย

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

บลองช์ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง แววตาเคร่งขรึมมองน้องสาวที่กำลังดื่มนมอยู่ที่ชั้นบน “ไม่ต้องรีบ ดื่มช้า ๆ หน่อย”

จากนั้น ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเดินกลับจากสวนเข้ามาในบ้าน เขามองไปรอบ ๆก่อนจะเอ่ยปากถาม “พ่อของเหลนยังไม่กลับอีกรึ?”

ปากของเรนนี่ไม่ว่างเพราะกำลังดื่มนมอยู่ เธอได้แต่ส่ายหัวให้ปู่ทวดของเธอ

“เขาไม่ได้อยู่ที่ทำงานด้วยซ้ำครับ” หลุย ครอว์ฟอร์ดนั่งลงบนโซฟาหนังสีดำ เขายกเท้าขึ้นวางที่โต๊ะกลางแล้ววางโทรศัพท์ลงขณะพูดกับชายอาวุโส “บางทีพี่ชายของผมอาจจะเลี้ยงหมาอยู่ข้างนอกนั่นก็ได้”

“หมางั้นรึ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดพิงไม้เท้าของตัวเองไว้ เขาไม่เห็นจะเข้าใจ ลุคเป็นหลานชายคนโตของเขา และเขามักจะทำอะไรประหลาด ๆเ สมอ ทำไมเขาถึงมีหมา? แล้วทำไมไม่เอามันมาเลี้ยงไว้ที่นี่?

ที่นี่มีสวนที่ใหญ่โตโอ่อ่า เขามีพื้นที่เหลือเฟือที่จะเลี้ยงสุนัขไว้ที่นี่

บลองช์มองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาซุกซน เขารีบเช็ดปากให้น้องสาวตัวน้อยก่อนจะวิ่งกลับไปยิ้มให้อาจนแก้มแทบปริ “อาหลุยซ์ครับ พ่อผมเลี้ยงหมาจริง ๆเหรอครับ?”

พ่อรักหมาจริง ๆ ด้วย!

“โถ่ถัง พวกคุณไม่เข้าใจ ผมหมายถึง พี่ชายของผมน่ะเลี้ยงกะ- ผมหมายถึง หมาตัวเมียน่ะ” หลุยซ์เกือบจะหลุดพูดคำหยาบออกมา แต่ที่นี่มีเด็กอยู่ถึงสองคน เพราะอย่างนั้นเขาจึงพูดออกมาไม่ได้

หรือถ้าหากเขาเผลอพูดมันออกมาดัง ๆ เขาก็คงไม่พ้นจะถูกปู่ตีด้วยไม้เท้าจนตายเป็นแน่!

คราวนี้เองที่ชายอาวุโสมองเห็นถึงช่องว่างระหว่างวัยกับหลานของตัวเอง แต่ถึงกระนั้น เขากลับเข้าใจถึงสิ่งที่หลานชายต้องการสื่ออยู่!

ผู้อาวุโสครอว์ฟอรดที่นั่งอยู่บนโซฟาและเคาะไม้เท้าลงกับพื้นหินอ่อน พลางครุ่นคิดอยู่ในใจลึก ๆ จริงอยู่ที่ลุคไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขามีลูกแล้วด้วย แต่กระนั้นที่ผ่านมาหลานชายคนนี้ก็ไม่เคยมีสนใจผู้หญิงคนไหน แต่อย่างไรเสีย...

เขาก็เป็นผู้ชาย และผู้ชายต่างก็มีความต้องการเรื่องอย่างว่าบ้าง

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดยังจำได้ว่าประธานชอว์โทรมาเมื่อกลางวัน ประธานยืนกรานว่าจะให้ลูกสาวของตัวเองแต่งเข้ามาในตระกูลครอว์ฟอร์ดให้ได้ แต่ในขณะเดียวกันนี้ หลานชายคนโตของเขากลับมีผู้หญิงอีกคนอยู่ข้างนอกนั่น

เขาควรจะทำเช่นไร?

วันต่อมา ท้องฟ้าหลังฝนตกนั้นช่างสดใส

เบียงก้าตื่นแต่เช้าตรู่

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะลาหยุดได้ ดังนั้นเธอจึงหยิบใบสั่งยาที่คุณหมอจอยส์ให้เธอไว้เมื่อคืนมาด้วยก่อนออกจากบ้าน

มีห้างสรรพสินค้าอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า ดังนั้นเบียงก้าจึงเดินตรงไปที่นั่น

นี่เป็นวันทำงาน จำนวนคนภายในร้านจึงบางตากว่าเมื่อเทียบกับช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

เบียงก้าเข็นรถเข็นไปที่ชั้นวาง เลือกซื้อน้ำตาลทรายแดงแล้ววางลงในรถเข็นก่อนที่จะเดินไปหาซื้อขิงสดต่อ

จากนั้นเธอก็ดันรถเข็นไปยังช่องที่มีผ้าอนามัยวางอยู่

เธอหยิบผ้าอนามัยสำหรับกลางคืนมา ในขณะที่มีเสียงเรียกชื่อเธอ “เบียงก้า… เบียงก้า เรย์น?” เบียงก้าหันไปมองตามเสียงเรียก

คน ๆ นั้นมาเพื่อเลือกซื้อผ้าเช็ดปากเช่นกัน เธอเห็นเบียงก้าก่อนจะชั่งใจว่าควรเรียกเธอรึไม่ เพราะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว นับแต่วันที่เธอกับเบียงก้าได้เจอกัน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะวิ่งเข้าหาเบียงก้า เธอกลับส่งเสียงเรียกเธออย่างแผ่วเบาแทน

ทันใดนั้นเบียงก้าหันมาเผชิญหน้ากับเธอ เธอได้ยินเรียกของผู้หญิงกรีดร้อง “เป็นเธอจริง ๆ ด้วย เบียงก้า?!”

เบียงก้ามองเธอด้วยแววตาว่างเปล่า

“ว้าว ตัวเป็น ๆ เลยนะเนี้ย!”

หญิงสาววิ่งเข้าหาเบียงก้า ก่อนจะสวมกอดเธอ

เธอกอดเบียงแน่นเสียจนหายใจไม่ออก...

จนในที่สุดหญิงสาวก็คลายกอดออก มีน้ำตาเอ่อคลอในตอนที่เธอเอ่ยปาก “จำฉันได้ไหม? เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันตอนประถมไง ฉันนั่งที่ท้ายห้องเพราะฉันสูงเกินไป แม่ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้เราไง แถมแม่ยังเคยให้ทุนเรียนเธอหนหนึ่งด้วย!”

เบียงก้าพยักหน้า “เธอคือคลอเดีย คลินตัน”

“เธอจำชื่อฉันได้ด้วยเหรอ?” คลอเดียดูห้าวนิด ๆ แต่ในตอนที่เธอได้สัมผัสกับอดีตเพื่อนร่วมห้อง เธอดูคล้ายจะร้องไห้

พวกเธอทั้งสองคนเคยเรียนอยู่ในห้องเดียวกันตลอดสามปีในช่วยประถม และยังเคยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ซื้อจากร้านค้าของโรงเรียนถ้วยเดียวกันด้วย

ในความเป็นจริง มิตรภาพภายในโรงเรียนเป็นเรื่องปกติวิสัย หากแต่ไม่ใช่สำหรับเบียงก้า เหตุเพราะเบียงก้าโดนรังแกอยู่ตลอด และคลอเดียเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าพอจะเป็นเพื่อนกับเธอ

ในขณะเดียวกันนั้น เพื่อนร่วมชั้นค่อนข้างกลัวคลอเดียอยู่ไม่น้อย เพราะเธอเป็นลูกสาวของคุณครู นั่นก็หมายความว่าเธอจะปลอดภัย ถ้าหากอยู่กับคลอเดีย

หลังจากซื้อของที่จำเป็นจนครบ พวกเธาพากันไปจ่ายเงินแล้วออกจากห้างสรรพสินค้า

เบียงก้าชวนคลอเดียไปที่บ้านของเธอ คลอเดียพยักหน้ารับ แล้วกลับไปพร้อมเธอ

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงระแววบ้าน คลอเดียก็พูดขึ้น “ขาทั้งสองข้างของแม่ฉันมีปัญหาเมื่อสองปีก่อนน่ะ เราสองคนถึงได้ย้ายมาที่นี่เพื่อรับการรักษา”

พ่อของคลอเดียก็มีอาชีพครูเช่นกัน แต่เขานอกใจแม่ของเธอไปหาครูสาว ๆ ในโรงเรียน พวกเขาจึงเลิกรากันไป

เบียงก้ารู้ว่าคลอเดียเปลี่ยนมาใช้นามสกุลแม่ของเธอตั้งแต่ประถม

“แล้วครูคลินตันเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” เบียงก้าเป็นกังวลกับสุขภาพของแม่ของคลอเดีย

คุณครูคลินตันใจดีกับเธอมาก

อีกด้านหนึ่ง มีข่าวลือหนาหูว่าครูคลินตันเป็นอาจารย์สอนพิเศษแบบตัวต่อตัวของรุ่นพี่ที่ชื่อครอว์ฟอร์ดที่อยู่โรงเรียนมัธยมข้าง ๆ ...

แต่เบียงก้าไม่ได้สนใจว่าชื่อจริงของรุ่นพี่คนนั้นคืออะไรกันแน่ เขาเป็นเพียงความทรงจำอันแสนเลือนลางของเธอเท่านั้น

เขาอยู่ห่างเธอไปไกล ซึ่งยากที่จะเข้าถึงตัวเธอ

ในตอนที่เธอได้พบกับลุค ครอว์ฟอร์ด เธออดที่จะเปรียบเทียบเขากับรุ่นพี่คนนั้นของเธอไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะตัดความเป็นไปได้ข้อไหนออกเพื่อมองหาความเป็นไปได้ ความแตกต่างเดียวที่เธอค้นพบคือรุ่นพี่ในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ในขณะที่อีกคนเป็นชายผู้ประสบความสำเร็จและเต็มไปด้วยวุฒิภาวะแบบผู้ใหญ่

“แม่ของฉันถูกตัดขาน่ะ” คลอเดียตอบหลังจากที่เงียบอยู่นาน

น้ำเสียงของเธอฟังดูหดหู่

เบียงก้าพยายามจะปลอบเธอ แต่คลอเดียส่ายศีรษะ แล้วบอกกับเบียงก้าว่าเธอไม่เป็นอะไร

เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูบ้านของเบียงก้า คลอเดียดูราวกับนึกบางสิ่งออกขึ้นมาทันที “สัปดาห์เราจะมีจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้แม่ด้วยล่ะ เธอต้องมานะ จะได้เจอกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเราไง”

อดีตเพื่อนร่วมชั้น...

คำ ๆ นั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแสนคลุมเครือ เบียงก้าก็อยากจะหลบหน้าพวกเขา

จิตใจของเธอยังคงบอบช้ำจากการถูกรังแกตอนเป็นนักเรียนอยู่เลย

คลอเดียไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร แล้วเดินตามเบียงก้าเข้าไปในห้องพร้อมทั้งยังกล่าวเสริม “เมื่อคืนฉันกับแม่ตรวจดูรายชื่อนักเรียนร่วมชั้นแล้วถึงพบว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยมาร่วมงานเลยสักครั้ง ลูกศิษย์คนอื่น ๆ ที่แม่ฉันเคยสอนที่เมืองนี้เคยมากันหมดแล้ว พวกเขามีอยู่ในทุกสายอาชีพ ตั้งแต่พนักงานส่งของไปจนถึงผู้บริหารในบริษัทชั้นนำ แม้แต่ตัวบิ้ก ๆ พวกนั้นยังมาเลยนะ”

เบียงก้านึกไปถึงรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ด...

ถ้ารุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดมาเข้าร่วมที่งานเลี้ยงในปีนี้ด้วย เธอจะรู้แน่ใจในทันทีว่ารุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดและ ลุค ครอว์ฟอร์ดเป็นคน ๆ เดียวกันรึเปล่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก