พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 88

“เพื่อนคุณให้กุญแจผมมา” ลุคบอกเธอว่าเขาได้กุญแจมาอย่างไร

เบียงก้าพยักหน้าในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงแดงก่ำและบวมจากการร้องไห้

ลุคเดินเข้าไปหาเธอเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เบียงก้าตกใจและเดินถอยหลังออกไปหลายก้าว

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการให้ลุคเข้าใกล้เธอ

ลุคไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงจึงหลีกเลี่ยงเขา

เขาจำได้ว่า เมื่อคืนนี้ในตอนที่พวกเขาอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธจูบอันเร่าร้อนของเขาในรถก่อนที่จะเข้านอน ไม่เพียงเท่านั้น ท่าทีของเธอก็ยังตอบสนองต่อความต้องการของเขาเป็นอย่างดีอีกด้วย

เนื่องจากพวกเขาจะอยู่ในรถกับชายชราในตอนเช้า พวกเขาจึงไม่ได้คุยกันมากนัก เนื่องจากว่าชายชราอยู่ที่นั่นด้วย แต่พวกเขาก็ยังคงดูปกติและเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีเหินห่างกับเขาเลย

มันเพิ่งจะเริ่มขึ้นในตอนบ่าย ในตอนที่เขาพยายามโทรหาเธออยู่หลายรอบ แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเลย

เขาไม่มีทางเลือกอื่น ทางเดียวที่เขาจะทำได้คือการมาตามหาเธอที่บ้าน

เมื่อเขามาถึงในละแวกบ้านพักของเธอ เขาบังเอิญได้พบกับนีน่า

นีน่าไม่ลังเลที่จะพูดกับเขาว่า "บอสคะ ฉันรู้ว่าคุณกับบีกำลังคบหากันอยู่...แต่ทำไมวันนี้บีถึงได้ทำตัวแปลก ๆ ไปล่ะคะ? คุณสองคนมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า?"

ลุคเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาจึงรีบมาทันทีหลังจากที่การประชุมจบลง

จิตใจของเขากระวนกระวายในระหว่างที่เขาเข้าประชุม

เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบริษัท ที คอร์ปอเรชั่น

ฝ่ายเสนอที่เข้าร่วมประชุมได้ให้ความสำคัญกับการประชุมมาก แต่เจ้านายของพวกเขากลับขมวดคิ้วและจ้องมองออกไปภายนอกราวกับว่าจิตใจของเขากำลังล่องลอย

“นี่ก็ดึกแล้ว คุณมาทำอะไรที่นี่?” เบียงก้าพยายามปิดบังอารมณ์ เธอยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น

และที่สำคัญ มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่เธอจะบอกอะไรกับเขาในตอนนี้

คุณปู่ที่นั่งเล่นอยู่กับนกในกรงที่ระเบียงลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก เขาปิดประตูระเบียงและเดินกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อเขาได้เห็นลุคยืนอยู่เขาก็แปลกใจ เขาจึงถามหลานสาวว่า “บี ฌองมานิ ทำไมไม่ให้เขาเข้ามานั่งข้างในก่อน?”

เบียงก้าหันไปมองคุณปู่

ถึงแม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ถูกฝังอยู่ภายในหัวใจของเธอ แต่เธอก็ต้องคำนึงถึงข้อดีและข้อเสียก่อน เธอรู้ดีว่าในเวลานี้เธอควรจะทำอะไรหรือไม่ควรทำจะอะไร เธอจึงสามารถแยกแยะอารมณ์ของเธอได้

เธอจะต้องคำนึงถึงพ่อที่กำลังล้มป่วยและสุขภาพของคุณปู่ ดังนั้น เรื่องระหว่างเธอกับลุค เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถคุยกันภายหลังได้

“ฌอง เข้ามานั่งก่อนสิ” คุณปู่พูดกับหลานเขยของเขา

ลุคพยักหน้าและเดินเข้ามา

เบียงก้ามองดูเขาที่กำลังเดินไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและนั่งลง

“บี ไปเอาน้ำมาให้ฌองสิ” คุณปู่ที่นั่งอยู่อีกด้านของโซฟาสั่งหลานสาวที่ยังคงยืนนิ่ง

เบียงก้าไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงเดินไปที่ห้องครัวเพื่อเอาน้ำมาให้เขา

จากนั้น เธอก็ยื่นแก้วน้ำให้เขา

ลุครับแก้วน้ำมาและคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

เบียงก้าดึงมือของเธอออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเธอถูกไฟฟ้าช็อต

เมื่อชายชรานั่งอยู่ที่นั่นด้วย ลุคจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ เข้ารับแก้วน้ำมาและวางลงอย่างใจเย็น เขามองดูเบียงก้าด้วยใบหน้าที่มืดมน

ในขณะที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเบียงก้านั้นดูเยือกเย็น

“คุณร้องไห้เหรอ?” ลุคถามอย่างตรงไปตรงมา

“เปล่า” เบียงก้าปฏิเสธทันที

ชายผู้นั้นจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ล้ำลึก เขาถามต่อว่า “ถ้าคุณไม่ได้ร้องแล้วทำไมตาคุณถึงแดง? ดูบวมอีกต่างหาก”

“…” เบียงก้ารีบหันหน้าไปมองปู่ของเธออย่างเป็นกังวล เธอรีบแก้ตัวกับเขาทันทีว่า “เมื่อคืนนี้ ฉันนอนไม่หลับเพราะฉันไม่คุ้นเคยกับบ้านหลังเก่า ถ้าฉันนอนไม่หลับ ตาก็จะบวมแบบนี้”

เนื่องจากว่าสายตาของคุณปู่พร่ามัวเพราะความชรา เขาจึงไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของหลานสาวถ้าหากว่าเขาไม่ได้สวมแว่นตา เขาจึงคิดว่ามันเป็นการแต่งหน้าของเธอ

ที่ญี่ปุ่น ชายชราได้เห็นการแต่งหน้าของเด็กสาวมามากมาย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสายตาของเขาจะไม่ดีนัก แต่หูของชายชราก็ยังคงทำงานได้ดี เขาพอจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างหลานเขยกับหลานสาวของเขา เมื่อเขาฟังจากการพูดที่ฟังดูแปลก ๆ

“เชิญคุณคุยกับบีตามสบายนะ ฉันขอตัวกลับห้องก่อน ฉันคงจะนั่งรถนานเกินไปเลยรู้สึกปวดเมื่อย” เมื่อพูดจบ ชายชราก็เดินถือไม้เท้ากลับเข้าห้องไป

...

เมื่อคุณปู่เข้าห้องไป จึงมีแค่พวกเขาสองคนที่นั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น

ลุคคว้าข้อมือของเธอและลุกขึ้นยืน เขาไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธอีกในขณะที่เธอพยายามสะบัดข้อมือของเธอออกจากมือของเขา จากนั้น เขาก็พาเธอไปที่ห้องครัว

เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องครัว เบียงก้าก็เงยหน้าขึ้นมองดูลุค เธอพูดอย่างแผ่วว่า “ฉันไม่ชอบที่คุณทำแบบนี้”

ลุคมองดูเธอด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“คุณเอาแต่ใจเกินไป คุณมันเจ้าชู้ ฉันไม่ชอบทุกอย่างที่คุณทำ” ในขณะที่เบียงก้าพูด ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ เธอจ้องมองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยสายตาที่จริงจังด้วย ทักษะการแสดงของเธอที่สามารถเทียบได้กับนักแสดงมืออาชีพในเวลานี้ “ที่ฉันใช้เวลาสองวันที่ผ่านมากับคุณไม่ได้เป็นเพราะว่าฉันชอบคุณ ฉันเพียงต้องการเพื่อนแก้เหงาก็เท่านั้นเอง”

ลุคกำข้อมือของเธอด้วยมือใหญ่แน่น

“ทั้งหมดเป็นเพราะฌองที่ทรยศฉัน จึงทำให้ฉันอยากหาใครสักคนมาช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีให้ตัวเอง และผู้ชายที่เข้าหาฉันก็เป็นถึงประธานบริษัท มันจึงไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องปฏิเสธ เพราะนั่นจะทำให้เขาเห็นว่าฉันก็สามารถหาผู้ชายที่ดีกว่าเขาได้ ฉันเพียงต้องการเยาะเย้ยเขาและผู้หญิงคนใหม่ของเขาก็เท่านั้นเอง” เบียงก้าหัวเราะอย่างเสแสร้ง

“คุณหลอกใช้ผมเหรอ?” ลุคมองเห็นประกายน้ำตาภายในดวงตาของเธอจนทำให้เขามองเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง

"ใช่" เบียงก้าหลบตาเขา แต่เธอก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ “หลังจากที่ฉันแก้แค้นเขาแล้ว ฉันก็ได้รู้ว่าฌองและผู้หญิงของเขากำลังจะแต่งงานกันและพวกเขาก็ยังมีลูกด้วยกันอีก เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉันจึงเสียใจและรู้สึกสิ้นหวังมาก ความเศร้าโศกของฉันสามารถเทียบได้กับตอนที่ฉันรู้ว่าพ่อของฉันเป็นมะเร็งนั่นแหละ”

หลังจากที่เธอพูดเช่นนั้น เธอก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้นจนมือของเธอเริ่มสั่นเทา “ฉันอยากให้พวกนั้นตายไปซะ ทั้งฌองและผู้หญิงคนนั้น แล้วฉันก็จะตายตามพวกเขาไป สิ่งนี้มันทำให้ฉันเกลียดทุกคน ฉันจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาเป็นคนสำคัญในชีวิตของฉันอีกต่อไป ไม่แม้แต่คุณ”

“คุณคิดว่าผมจะเชื่อเรื่องไร้สาระที่คุณพูดเหรอ?” ลุคพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง เขาขมวดคิ้วและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ข้ออ้างของคุณมันฟังไม่ขึ้น และผมก็ไม่สนว่าคุณจะรักใคร ตราบเท่าที่ผมรู้ว่าผมรักคุณก็เพียงพอแล้ว”

เบียงก้าอ่อนล้าเกินกว่าที่จะแก้ตัวกับเขาอีกต่อไป เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่เชื่อเธออยู่ดี

เมื่อเบียงก้าได้ยินคำพูดที่จริงใจเหล่านั้น เธอก็รู้สึกหนาวสั่นและชาไปทั้งตัว

ในพื้นที่เล็ก ๆ ภายในห้องครัว กลิ่นตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของลุคนั้นหอมอบอวลไปทั่วทั้งพื้นที่

เบียงก้าไม่สามารถรักษาระยะห่างที่พวกเขาควรจะรักษาได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะปฏิเสธการจูบของเขาได้ แต่เสน่ห์ที่เร่าร้อนของชายผู้นี้เป็นเสมือนดั่งไวรัสที่แพร่กระจายไปทั่วจนเธอไม่อาจต้านทานได้

เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเธอติดเชื้ออย่างสมบูรณ์

เธอบอกกับตัวเองว่าเธอจะต้องอยู่ห่างจากเขา เธอจะต้องวิ่งหนีไปจากเขา แต่เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับชายผู้นี้จริง ๆ เธอก็ไม่สามารถต้านทานความคิดที่เธอคาดหวังเอาไว้ได้ 'จะเป็นยังไง ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของอลิสัน?'

อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของเธอนั้นมีเปอร์เซ็นต์น้อยเกินไป

ลุคเป็นคนฉลาด แล้วเขาจะไม่รู้ได้ยังไงถ้าหากว่าอลิสันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขาจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก