พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 87

"เธอไม่ควรจะรับสายด้วยสภาพแบบนี้นะ" อลิสันเดาได้ทันทีว่าใครโทรมา

เบียงก้าก้มหน้าลงในขณะที่น้ำตายังคงไหลออกมา

“เช็ดน้ำตาแล้วไปกับฉัน” อลิสันไม่ได้พูดอะไรปลอบโยนเธอ เธอเพียงแค่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาแล้วยื่นให้เบียงก้าราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอจะสามารถทำได้

เบียงก้าไม่รับกระดาษทิชชู่ที่อลิสันยื่นให้ เธอสูดหายใจเข้าและปาดน้ำตาบนใบหน้า จากนั้น เธอก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาล

ใบหน้าอันเศร้าโศกของเบียงก้า ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายภายในโรงพยาบาล แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเพราะสถานที่นี้คือโรงพยาบาล

ลิฟต์ในโรงพยาบาลว่างเปล่าในตอนบ่าย

ในไม่ช้า เบียงก้าก็ขึ้นมาถึงชั้นที่พ่อของเธอเข้ารับการรักษาอยู่

"ฉันจะไปห้องน้ำ"

เบียงก้ารู้ดีว่าเธอจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพ่อและไม่ให้เขาเห็นเธอในสภาพเช่นนี้ได้

อลิสันยืนรออยู่ที่ด้านนอกประตูอย่างเงียบ ๆ

เบียงก้าล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็น เธอมองดูตัวเองในกระจกที่มีดวงตาแดงก่ำและสีหน้าที่หมองคล้ำ คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อยในขณะที่เธอพยายามสงบสติอารมณ์แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับเธอเลย

เมื่อเบียงก้าเดินออกมา อลิสันก็พูดกับเธอว่า “ถ้าเธอไม่อยากทำให้อาการของพ่อเธอแย่ลง เธอก็ควรจะมีความสุขให้มากกว่านี้หน่อยนะ”

เบียงก้ามองดูผู้หญิงคนนั้น เธอคิดกับตัวเองว่า 'คุณจะให้ฉันมีความสุขได้ยังไง?'

จากนั้นพวกเธอก็เดินเข้าไปข้างใน

เมื่อเควินได้เห็นหน้าลูกสาว ใบหน้าของเขาก็ดูมีความสุข แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาได้เห็นอลิสันที่เดินตามเธอมา ใบหน้าของเขาก็ซีดลงในทันที

“พ่อคะ” เบียงก้าทักทายเขา

ท่าทีของเควินในขณะที่เขาจ้องมองไปที่อลิสัน ราวกับสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังที่เขามีต่ออดีตภรรยา

เบียงก้าต้องยอมรับว่ามันคือความจริงที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ฉันมาที่นี่เพื่อบอกบางอย่างกับคุณ” อลิสันพูดกับเควิน “ในตอนแรก ฉันเคยคิดว่าฉันจะไม่มารบกวนพวกคุณไปตลอดชีวิต แต่แล้ว ฉันก็ได้พบกับบีโดยบังเอิญ บีเป็นคนมีเหตุมีผลมากจนทำให้ฉันชื่นชอบเธอจริง ๆ และเมื่อฉันได้รู้ว่านามสกุลของเธอคือเรย์น ฉันก็รู้สึกดีกับเธอมากขึ้นไปอีก”

ในขณะที่พูดเช่นนั้น อลิสันก็เดินเข้ามาโอบไหล่เบียงก้าด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “ลูกสาวของฉันโตขึ้นมาก ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะสายสัมพันธ์แม่ ลูกของเราที่ทำให้เราได้พบกันอีก ในเมื่อตอนนี้คุณเองก็ไม่สบายและชายชราคนนั้นก็เพิ่งจะกลับมาจากญี่ปุ่น ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าบีกำลังลำบาก ฉันหวังก็ว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าเธอจะได้รู้จักแม่ของเธอในตอนนี้”

เบียงก้าไม่ได้ห้ามในสิ่งที่อลิสันกำลังพูด เพราะเธอกังวลเรื่องพ่อของเธอ

เควินจ้องมองพวกเธออย่างตกตะลึง

เขารู้สึกประหลาดใจที่ จู่ ๆ อลิสันก็ยอมรับลูกสาวของเขา อย่างไรก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับลูกสาวของเขาถ้าหากว่าเธอจะไม่คัดค้านในสิ่งที่อลิสันต้องการ ในฐานะพ่อของเธอ เขาจะไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเพื่อห้ามไม่ให้เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ

“เอาละ คุยกันดี ๆ นะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก” อลิสันกล่าวในขณะที่เธอตบไหล่เบียงก้าเบา ๆ ราวกับว่าเธอกำลังเตือนบางอย่างกับเบียงก้า

'อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด'

เมื่อเธอออกไป เควินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเรียกเธอเบา ๆ “บี มาหาพ่อสิ พ่อถามอะไรหน่อย...”

“คุณพ่อ อย่าพึ่งพูดอะไรเลยตอนนี้” เบียงก้าไม่ต้องการถูกบังคับให้รำลึกถึงความเจ็บปวดของการถูกทอดทิ้งผ่านคำพูดพ่อของเธอ

ในตอนนี้ เธอเพียงต้องการอยู่เงียบ ๆ

เธอไม่เคยคิดเลยว่า การรู้ว่าใครคือแม่ผู้ให้กำเนิดนั้นจะสำคัญมาก จนมาวันนั้น

ปัญหาในตอนนี้ ไม่ใช่การยอมรับแม่ของเธอหรือไม่

“ก็ได้ พ่อจะให้เวลาลูก พ่อจะอยู่เงียบ ๆ” เควินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเพียงแค่คิดว่าลูกสาวของเขากำลังตกตะลึงและไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้

เบียงก้านิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน

“ลูกเลือกได้ลูกว่าจะยอมรับแม่ที่ให้กำเนิดลูกคนนี้รึเปล่า…แต่พ่อคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยลูกจะไม่ต้องอยู่คนเดียวถ้าหากว่าพ่อไม่สามารถอยู่เคียงข้างลูกได้อีกต่อไป” เควินพูดในสิ่งที่อยู่ภายในใจโดยไม่ลังเล

เขาเพียงแค่หวังว่าลูกสาวของเขาจะได้เห็นข้อดีและข้อเสียได้อย่างชัดเจน

ในที่สุดเบียงก้าก็ตอบสนอง เธอส่ายหน้าและลืมตาขึ้น เธอถามพ่อของเธอว่า “ในตอนนั้นที่เพื่อนบ้านเคยนินทากันว่า หลังจากที่แม่ได้ให้กำเนิดหนูแล้วเธอก็หนีไปอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่ง แต่แล้วทำไมเธอถึงมีลูกชายที่แก่กว่าฉันตั้งสี่ปีได้ล่ะ?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุด เบียงก้าก็ไขความยุ่งเหยิงที่อยู่ภายในใจออก

แต่แล้วเธอก็ไม่คาดคิดว่า เธอจะได้เห็นใบหน้าของเควินที่แสดงออกมาราวกับว่าเขารู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี “ที่จริงแล้ว...

“ในตอนที่แม่ของลูกอยู่กับพ่อตอนนั้น จริง ๆ แล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เธอเคยถูกใครบางคนขืนใจจนเธอตั้งท้อง และชายผู้นั้นก็ยังไม่ยอมรับผิดชอบต่อเธอและลูกในท้องของเธออีกด้วย...

“ต่อมา พ่อก็ได้รู้ว่าคนที่ทำร้ายแม่ของเธอคือนักธุรกิจที่ร่ำรวยและมีอำนาจคนนั้น และในตอนนั้นแม่ของลูกก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย

“พ่อกังวลว่า ลูกนอกสมรสของตระกูลที่ร่ำรวยจะได้รับการยอมรับจากพวกเขาในไม่ช้า และพ่อก็กังวลว่าแม่ของลูกจะกลับไปหาสัตว์ร้ายตัวนั้นเพราะลูกชายคนนั้น”

เควินหยุดพูดและไม่ได้พูดอะไรต่อ

เพราะในที่สุด สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เขากังวลก็เกิดขึ้นจริง ๆ

ลูกชายนอกสมรสถูกพาตัวกลับไปยังตระกูลที่ร่ำรวย และแม่ของเธอที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นก็เลือกที่จะทิ้งคนธรรมดาอย่างพ่อของเธอที่เป็นคนช่วยรักษาบาดแผลใจให้กับเธอเพื่อกลับไปหาเศรษฐีคนนั้นโดยไม่ลังเล

...

เบียงก้าไม่รู้ว่าเธอกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่

เธอเป็นเหมือนศพเดินได้ที่ได้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว ในเวลานี้ เธอกำลังทำอาหารเย็นให้คุณปู่กับนีน่า

นีน่าจ้องมองเบียงก้าในขณะที่เธอตักข้าวเข้าปากและถามขึ้นว่า “วิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างไปแล้วเหรอ?”

"เปล่า กินเยอะ ๆ สิ" เบียงก้าฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอฉีกยิ้มแห้ง ๆ

“เฮ้อ อย่ายิ้มเลย มันดูแปลก ๆ แปลกกว่าตอนที่เธอร้องไห้อีก” นีน่าพอจะเดาได้ว่ามีบางอย่างที่กำลังรบกวนจิตใจของเบียงก้าอยู่

เนื่องจากว่าเธอทั้งสองไม่อยากทำให้คุณปู่คิดมาก พวกเธอจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ที่โต๊ะอาหาร

ในที่สุด หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เบียงก้าก็เดินออกมาล้างจาน เธอก้มหน้าลงตลอดเวลา

นีน่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วและถามเธอว่า “เธอเพิ่งจะร้องไห้มาใช่ไหม?”

“อาการของพ่อฉันยังไม่ดีขึ้นเลย” ในที่สุดเบียงก้าก็พบข้อแก้ตัว

“เป็นเพราะเรื่องนั้นจริง ๆ รึเปล่า?” นีน่าไม่เชื่อคำพูดของเธอ

เบียงก้ากลัวว่าเธอจะไม่สามารถปิดบังนีน่าได้อีกต่อไปถ้าหากว่าเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไร เมื่อล้างจานเสร็จ เธอก็บอกลานีน่าก่อนที่นีน่าจะไป

นีน่าจะย้ายกลับบ้านในคืนนี้

คุณปู่ของเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ระเบียงและกำลังเล่นกับนกที่อยู่ในกรง

นีน่าซื้อนกมาให้คุณปู่ในตอนบ่ายและแขวนกรงนกเอาไว้ที่ระเบียง

เบียงก้าพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ในขณะที่เธอเปิดประตูและส่งนีน่าออกไปจากห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า ทันทีที่นีน่าจากไป เบียงก้าก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ได้อีกต่อไป

แกร๊ก!

เธอได้ยินเสียงของกุญแจที่กำลังไขประตู จากนั้นประตูก็เปิดออก

ชายที่มีใบหน้าที่ซีดเซียวเดินเข้ามา

ลุคอยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนัง เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง เขาขมวดคิ้วในขณะที่เดินเข้ามา ในมือของเขามีกุญแจรถและกุญแจบ้านของเบียงก้าที่เธอได้ให้นีน่าไว้

เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน น้ำตาในดวงตาของเบียงก้าก็หลั่งไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก