"เธอไม่ควรจะรับสายด้วยสภาพแบบนี้นะ" อลิสันเดาได้ทันทีว่าใครโทรมา
เบียงก้าก้มหน้าลงในขณะที่น้ำตายังคงไหลออกมา
“เช็ดน้ำตาแล้วไปกับฉัน” อลิสันไม่ได้พูดอะไรปลอบโยนเธอ เธอเพียงแค่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาแล้วยื่นให้เบียงก้าราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอจะสามารถทำได้
เบียงก้าไม่รับกระดาษทิชชู่ที่อลิสันยื่นให้ เธอสูดหายใจเข้าและปาดน้ำตาบนใบหน้า จากนั้น เธอก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาล
ใบหน้าอันเศร้าโศกของเบียงก้า ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายภายในโรงพยาบาล แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเพราะสถานที่นี้คือโรงพยาบาล
ลิฟต์ในโรงพยาบาลว่างเปล่าในตอนบ่าย
ในไม่ช้า เบียงก้าก็ขึ้นมาถึงชั้นที่พ่อของเธอเข้ารับการรักษาอยู่
"ฉันจะไปห้องน้ำ"
เบียงก้ารู้ดีว่าเธอจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพ่อและไม่ให้เขาเห็นเธอในสภาพเช่นนี้ได้
อลิสันยืนรออยู่ที่ด้านนอกประตูอย่างเงียบ ๆ
เบียงก้าล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็น เธอมองดูตัวเองในกระจกที่มีดวงตาแดงก่ำและสีหน้าที่หมองคล้ำ คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อยในขณะที่เธอพยายามสงบสติอารมณ์แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับเธอเลย
เมื่อเบียงก้าเดินออกมา อลิสันก็พูดกับเธอว่า “ถ้าเธอไม่อยากทำให้อาการของพ่อเธอแย่ลง เธอก็ควรจะมีความสุขให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
เบียงก้ามองดูผู้หญิงคนนั้น เธอคิดกับตัวเองว่า 'คุณจะให้ฉันมีความสุขได้ยังไง?'
จากนั้นพวกเธอก็เดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเควินได้เห็นหน้าลูกสาว ใบหน้าของเขาก็ดูมีความสุข แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาได้เห็นอลิสันที่เดินตามเธอมา ใบหน้าของเขาก็ซีดลงในทันที
“พ่อคะ” เบียงก้าทักทายเขา
ท่าทีของเควินในขณะที่เขาจ้องมองไปที่อลิสัน ราวกับสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังที่เขามีต่ออดีตภรรยา
เบียงก้าต้องยอมรับว่ามันคือความจริงที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ฉันมาที่นี่เพื่อบอกบางอย่างกับคุณ” อลิสันพูดกับเควิน “ในตอนแรก ฉันเคยคิดว่าฉันจะไม่มารบกวนพวกคุณไปตลอดชีวิต แต่แล้ว ฉันก็ได้พบกับบีโดยบังเอิญ บีเป็นคนมีเหตุมีผลมากจนทำให้ฉันชื่นชอบเธอจริง ๆ และเมื่อฉันได้รู้ว่านามสกุลของเธอคือเรย์น ฉันก็รู้สึกดีกับเธอมากขึ้นไปอีก”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น อลิสันก็เดินเข้ามาโอบไหล่เบียงก้าด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “ลูกสาวของฉันโตขึ้นมาก ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะสายสัมพันธ์แม่ ลูกของเราที่ทำให้เราได้พบกันอีก ในเมื่อตอนนี้คุณเองก็ไม่สบายและชายชราคนนั้นก็เพิ่งจะกลับมาจากญี่ปุ่น ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าบีกำลังลำบาก ฉันหวังก็ว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าเธอจะได้รู้จักแม่ของเธอในตอนนี้”
เบียงก้าไม่ได้ห้ามในสิ่งที่อลิสันกำลังพูด เพราะเธอกังวลเรื่องพ่อของเธอ
เควินจ้องมองพวกเธออย่างตกตะลึง
เขารู้สึกประหลาดใจที่ จู่ ๆ อลิสันก็ยอมรับลูกสาวของเขา อย่างไรก็ตาม มันก็ขึ้นอยู่กับลูกสาวของเขาถ้าหากว่าเธอจะไม่คัดค้านในสิ่งที่อลิสันต้องการ ในฐานะพ่อของเธอ เขาจะไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเพื่อห้ามไม่ให้เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ
“เอาละ คุยกันดี ๆ นะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก” อลิสันกล่าวในขณะที่เธอตบไหล่เบียงก้าเบา ๆ ราวกับว่าเธอกำลังเตือนบางอย่างกับเบียงก้า
'อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด'
เมื่อเธอออกไป เควินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเรียกเธอเบา ๆ “บี มาหาพ่อสิ พ่อถามอะไรหน่อย...”
“คุณพ่อ อย่าพึ่งพูดอะไรเลยตอนนี้” เบียงก้าไม่ต้องการถูกบังคับให้รำลึกถึงความเจ็บปวดของการถูกทอดทิ้งผ่านคำพูดพ่อของเธอ
ในตอนนี้ เธอเพียงต้องการอยู่เงียบ ๆ
เธอไม่เคยคิดเลยว่า การรู้ว่าใครคือแม่ผู้ให้กำเนิดนั้นจะสำคัญมาก จนมาวันนั้น
ปัญหาในตอนนี้ ไม่ใช่การยอมรับแม่ของเธอหรือไม่
“ก็ได้ พ่อจะให้เวลาลูก พ่อจะอยู่เงียบ ๆ” เควินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเพียงแค่คิดว่าลูกสาวของเขากำลังตกตะลึงและไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้
เบียงก้านิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน
“ลูกเลือกได้ลูกว่าจะยอมรับแม่ที่ให้กำเนิดลูกคนนี้รึเปล่า…แต่พ่อคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยลูกจะไม่ต้องอยู่คนเดียวถ้าหากว่าพ่อไม่สามารถอยู่เคียงข้างลูกได้อีกต่อไป” เควินพูดในสิ่งที่อยู่ภายในใจโดยไม่ลังเล
เขาเพียงแค่หวังว่าลูกสาวของเขาจะได้เห็นข้อดีและข้อเสียได้อย่างชัดเจน
ในที่สุดเบียงก้าก็ตอบสนอง เธอส่ายหน้าและลืมตาขึ้น เธอถามพ่อของเธอว่า “ในตอนนั้นที่เพื่อนบ้านเคยนินทากันว่า หลังจากที่แม่ได้ให้กำเนิดหนูแล้วเธอก็หนีไปอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่ง แต่แล้วทำไมเธอถึงมีลูกชายที่แก่กว่าฉันตั้งสี่ปีได้ล่ะ?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุด เบียงก้าก็ไขความยุ่งเหยิงที่อยู่ภายในใจออก
แต่แล้วเธอก็ไม่คาดคิดว่า เธอจะได้เห็นใบหน้าของเควินที่แสดงออกมาราวกับว่าเขารู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี “ที่จริงแล้ว...
“ในตอนที่แม่ของลูกอยู่กับพ่อตอนนั้น จริง ๆ แล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เธอเคยถูกใครบางคนขืนใจจนเธอตั้งท้อง และชายผู้นั้นก็ยังไม่ยอมรับผิดชอบต่อเธอและลูกในท้องของเธออีกด้วย...
“ต่อมา พ่อก็ได้รู้ว่าคนที่ทำร้ายแม่ของเธอคือนักธุรกิจที่ร่ำรวยและมีอำนาจคนนั้น และในตอนนั้นแม่ของลูกก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย
“พ่อกังวลว่า ลูกนอกสมรสของตระกูลที่ร่ำรวยจะได้รับการยอมรับจากพวกเขาในไม่ช้า และพ่อก็กังวลว่าแม่ของลูกจะกลับไปหาสัตว์ร้ายตัวนั้นเพราะลูกชายคนนั้น”
เควินหยุดพูดและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เพราะในที่สุด สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เขากังวลก็เกิดขึ้นจริง ๆ
ลูกชายนอกสมรสถูกพาตัวกลับไปยังตระกูลที่ร่ำรวย และแม่ของเธอที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นก็เลือกที่จะทิ้งคนธรรมดาอย่างพ่อของเธอที่เป็นคนช่วยรักษาบาดแผลใจให้กับเธอเพื่อกลับไปหาเศรษฐีคนนั้นโดยไม่ลังเล
...
เบียงก้าไม่รู้ว่าเธอกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอเป็นเหมือนศพเดินได้ที่ได้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว ในเวลานี้ เธอกำลังทำอาหารเย็นให้คุณปู่กับนีน่า
นีน่าจ้องมองเบียงก้าในขณะที่เธอตักข้าวเข้าปากและถามขึ้นว่า “วิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างไปแล้วเหรอ?”
"เปล่า กินเยอะ ๆ สิ" เบียงก้าฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอฉีกยิ้มแห้ง ๆ
“เฮ้อ อย่ายิ้มเลย มันดูแปลก ๆ แปลกกว่าตอนที่เธอร้องไห้อีก” นีน่าพอจะเดาได้ว่ามีบางอย่างที่กำลังรบกวนจิตใจของเบียงก้าอยู่
เนื่องจากว่าเธอทั้งสองไม่อยากทำให้คุณปู่คิดมาก พวกเธอจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ที่โต๊ะอาหาร
ในที่สุด หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เบียงก้าก็เดินออกมาล้างจาน เธอก้มหน้าลงตลอดเวลา
นีน่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วและถามเธอว่า “เธอเพิ่งจะร้องไห้มาใช่ไหม?”
“อาการของพ่อฉันยังไม่ดีขึ้นเลย” ในที่สุดเบียงก้าก็พบข้อแก้ตัว
“เป็นเพราะเรื่องนั้นจริง ๆ รึเปล่า?” นีน่าไม่เชื่อคำพูดของเธอ
เบียงก้ากลัวว่าเธอจะไม่สามารถปิดบังนีน่าได้อีกต่อไปถ้าหากว่าเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไร เมื่อล้างจานเสร็จ เธอก็บอกลานีน่าก่อนที่นีน่าจะไป
นีน่าจะย้ายกลับบ้านในคืนนี้
คุณปู่ของเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกที่ระเบียงและกำลังเล่นกับนกที่อยู่ในกรง
นีน่าซื้อนกมาให้คุณปู่ในตอนบ่ายและแขวนกรงนกเอาไว้ที่ระเบียง
เบียงก้าพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ในขณะที่เธอเปิดประตูและส่งนีน่าออกไปจากห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า ทันทีที่นีน่าจากไป เบียงก้าก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ได้อีกต่อไป
แกร๊ก!
เธอได้ยินเสียงของกุญแจที่กำลังไขประตู จากนั้นประตูก็เปิดออก
ชายที่มีใบหน้าที่ซีดเซียวเดินเข้ามา
ลุคอยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนัง เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง เขาขมวดคิ้วในขณะที่เดินเข้ามา ในมือของเขามีกุญแจรถและกุญแจบ้านของเบียงก้าที่เธอได้ให้นีน่าไว้
เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน น้ำตาในดวงตาของเบียงก้าก็หลั่งไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก