พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 90

ในตอนเช้า หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เบียงก้าก็ตรงไปทำงานที่บริษัท ที คอร์ปอเรชั่น

อลิสันโทรหาเธอในตอนเที่ยง

“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ลุคอารมณ์ไม่ดี?”

"ฉันไม่รู้" เบียงก้าไม่อยากได้ยินเสียงของอลิสันสักเท่าไหร่ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็ตาม

อลิสันลดเสียงต่ำและย้ำเตือนเธออีกครั้ง “ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจระหว่างข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ การเลิกรากับลุคอาจจะทำให้เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดนานหลายเดือน แต่ถ้าเธอบอกความจริงกับเขา ฉันเกรงว่าความเจ็บปวดจะคงอยู่ตลอดไป”

เบียงก้าพูดอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่รู้ว่าลุคควรจะรู้สึกโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มีแม่แบบคุณ”

หลังจากที่พูดจบ เบียงก้าก็วางสาย เธอกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างขุ่นเคือง

ซูมองเห็นเหตุการณ์จากด้านหลัง เธอสัมผัสได้ว่าเบียงก้าอารมณ์ไม่ดีและอ่อนไหวในเวลาเดียวกัน

เบียงก้าลุกขึ้นเพื่อเดินไปถ่ายเอกสาร

ในขณะที่ยืนอยู่หน้าเครื่องพิมพ์ เธอก็ครุ่นคิดในสิ่งที่เธอไม่ต้องการยอมรับ อลิสันเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้อย่างไร? เธอเลือดเย็นเกินไปและเธอก็ไม่เคยสนใจเลือดเนื้อของตัวเองเลย…

คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ถึงแม้ว่าเสือดุแต่มันก็จะไม่ยอมกินลูกของมัน

และถึงแม้ว่าอลิสันจะไม่กินเธอ แต่มันก็โหดร้ายเกินไป เธอปล่อยให้เบียงก้าต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เธอมอบให้เพียงลำพัง

แม่ผู้ให้กำเนิดที่เอาแต่ย้ำเตือนเธอ

ผู้หญิงคนนั้นเลือดเย็นและไม่แม้แต่จะปลอบโยนเธอสักคำ

“เธอลืมหยิบกระดาษที่เธอถ่ายเอกสารไว้รึเปล่า? เหม่อลอยไปถึงไหนแล้วเนี้ย?” ซูเดินเข้ามาและถามเธอด้วยความเป็นกังวล

เบียงก้าฟื้นคืนสติและหยิบเอกสารที่เธอถ่ายเอาไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว เธอส่ายหน้าและตอบว่า ”เมื่อคืนนี้ ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ"

เบียงก้าไม่ได้กังวลว่าซูจะเชื่อหรือไม่ เธอเพียงแค่เดินจากไปและคืนเอกสารต้นฉบับให้กับเพื่อนร่วมงาน จากนั้นเธอก็นั่งลงและเริ่มทำงานต่อ

วิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่ต้องคิดมาก คือการทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เธอว่างขึ้นมา ความคิดเหล่านั้นก็จะกลับเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว

ในตอนบ่าย เบียงก้าเก็บของใส่กระเป๋าและเตรียมตัวไปโรงพยาบาลในช่วงพักกลางวัน

ซูลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อออกไปรับปรัทานอาหารกลางวัน

แต่ในขณะที่กำลังจะออกไป เธอก็ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งซึ่งส่งมาจากหัวหน้าแผนก ในรายละเอียดระบุเอาไว้ว่า ผู้บริหารระดับสูงต้องการเอกสารข้อมูลบางอย่างที่ฝ่ายของเธอ และบอกเธอว่าให้พนักงานในฝ่ายนำมันมาส่งให้เขาทันที เพราะคุณครอว์ฟอร์ดโทรมาถามหาด้วยตัวเอง

ซูจับจ้องไปที่เบียงก้าทันที

ซูรีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหยุดเธอเอาไว้ “บี เธอกำลังจะไปไหน? ช่วยอะไรฉันก่อนได้ไหม? ช่วยนำเอกสารนี้ไปที่ชั้นบนสุดได้ไหม? คุณครอว์ฟอร์ดต้องการด่วน”

ซูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเบียงก้าและเจ้านายของเธอยั่งยืนหรือไม่ แต่เธอก็พอจะคาดเดาได้ว่าเจ้านายของเธอจะไม่เลิกให้ความสนใจในตัวเบียงก้าในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

และการที่เจ้านายของเธอต้องการเอกสาร ก็อาจจะเป็นข้ออ้างที่เขาจะได้พบกับเบียงก้าก็เป็นได้

ในช่วงเช้าเมื่อซูสังเกตเห็นอารมณ์ของเบียงก้า เธอก็คาดเดาได้ว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเบียงก้าและเจ้านายของเธอ

“ฉันขอโทษนะซู แต่ว่าฉันต้องรีบไป หมอบอกกับพ่อว่าเขาต้องการให้ฉันเซ็นอะไรบางอย่าง” เบียงก้าตอบเธอ

ซูหยุดชะงัก มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะรั้งตัวเธอเอาไว้ในสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นและความตาย

ซูไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ถ้าหากว่าคนที่นำเอกสารไปส่งเป็นคนอื่น ใบหน้าของเจ้านายของเธอจะดูน่ากลัวขนาดไหน…

เมื่อเบียงก้ามาถึงที่โรงพยาบาล เธอก็ได้พบกับนีน่าโดยบังเอิญ

ไม่เพียงแต่นีน่าที่อยู่ที่นั่น แต่แอนนาและมาลีก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

“นั่นไม่ใช่น้องสาวของฉันหรอกเหรอ?” มาลีประหลาดใจ เธอได้รับการสนับสนุนจากคุณยายของลูกในท้องเป็นอย่างดี “อะไรนะ? พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่? ฉันคิดว่าเขาตายไปนานแล้ว!”

พวกเขาซื้อบ้านให้มาลีที่กำลังตั้งท้องลูกของแลงดอนแล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่ต้องเสแสร้งทำเป็นคนดีอีกต่อไป เมื่อธาตุแท้ของเธอถูกเปิดเผย เธอก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อแม่ยายและน้องสะใภ้ของเธออีกต่อไป

เธอไม่เกรงกลัวที่จะทำให้เบียงก้าต้องอับอายขายหน้าต่อทุกคนด้วย!

เธอรู้ดีว่าเบียงก้าจะไม่ทุบตีเธอต่อหน้าพวกเขาอย่างแน่นอน!

และถ้าหากว่าเธอพยายามที่จะทำ แอนนาก็จะเป็นคนแรกที่จะเข้ามาปกป้องหลานชายที่อยู่ในท้องทันที!

เบียงก้าจ้องมองมาลีด้วยท่าทางเย็นชา ในสองวันนี้ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในชีวิตเธอมากพอแล้ว ดังนั้น คำพูดของมาลีจึงไม่มีความสำคัญกับเธอแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม มันกลับฟังดูไร้สาระและน่าเบื่อ

เบียงก้าเดินเข้ามาใกล้และพูดกับเธออย่างเฉยเมย “ถ้ามีเวลาว่างมากก็ควรจะไปเช็คดูว่าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่รึเปล่านะ เธอควรจะใส่ใจเรื่องแม่ของเธอจะดีกว่า ฉันไม่อยากให้พ่อต้องได้รับข่าวการตายของแม่ของเธอหรอกนะ”

“แม่ของฉัน?”

มาลีตกตะลึง เธอมองตามหลังเบียงก้าที่เดินจากไป “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ! เธอหมายความว่ายังไง?!”

“ดูสิ แกคบเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง ใช้ชีวิตดีขนาดไหนก็เปลี่ยนกำพืดคนอย่างมันไม่ได้หรอก!” แอนนาไม่ต้องการให้มาลีโกรธเพราะเธอเป็นห่วงสุขภาพของเด็กในท้อง ดังนั้นเธอจึงกล่าวโทษลูกสาวของเธอแทนเพื่อให้มาลีรู้สึกดีขึ้น

นีน่ามาโรงพยาบาลกับพวกเธอเพราะเธอกลัวว่ามาลีจะหลอกเอาเงินแม่ของเธออีก

“หนูคิดว่าบีพูดถูกนะ และถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะป่วยเป็นมะเร็ง แต่เขาก็ยังมีโอกาสหายดีได้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะ อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นภายในสองวันนี้ก็เป็นได้”

“แกกำลังพูดอะไร? นี่แกกำลังแช่งแม่ฉันให้ตายเหรอ?” มาลีโกรธจัด

“อย่าหาเรื่องกัน! เธอเป็นครอบครัวของเรานะ!” แอนนาบอกนีน่า เธอไม่ต้องการให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน

“ครอบครัวกะผีน่ะสิ!” มาลีสะบัดมือของแอนนาออกและชี้ไปที่นีน่า “แกมีเรื่องข้องใจกับฉันมากนักเหรอ? แกจะพูดแทนเพื่อนของแกก็ได้ แต่แกเป็นใครถึงมาสาปแช่งแม่ของฉัน!”

ในเวลานั้นสายลมได้พัดผ่านเข้ามา

นีน่าจ้องมองมาลีด้วยสายตาที่เย้ยหยันและไม่เกรงกลัว เธอพูดอย่างชัดเจนว่า “ฉันจะพูดให้ฟังชัด ๆ ฟังนะ สายลมเย็นพัดผ่านไป เมื่อนั้นนายหญิงเสียชีวิตลงที่บ้าน ดูสิ ฉันอุตส่าห์พูดให้ฟังดูไพเราะและฉันก็หวังว่าฉันจะไม่ทำให้คนน่ารังเกียจอย่างเธอผิดหวังนะ”

...

เบียงก้าเดินเข้ามาในลิฟต์ของโรงพยาบาล

ในขณะที่คุณปู่ของเธอกำลังเดินอยู่ที่ชั้นล่างพร้อมกับกรงนกที่อยู่ในมือ เขาโทรหาหลานสาวแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเธอ เนื่องจากว่าเบียงก้าอยู่ในลิฟต์ โทรศัพท์ของเธอจึงไม่มีสัญญาณ…

“ชายชรา คุณเช่าอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ?” ชายสองคนในวัย 30 ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ามองดูชายชราอย่างละเอียด

“หลานสาวของฉันเป็นคนเช่าที่นี่” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับหลานสาวของเขา

ชายคนหนึ่งพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาละ ผมรู้ว่าคุณแก่มากแล้วและยังเช่าบ้านอยู่ ดังนั้นคุณจะต้องมีเงินไม่มาก แต่ว่าคุณเดินไม่ระวังจนทำให้ผมต้องขับรถหลบและชนเข้ากับราวเหล็กจนมีรอยขีดข่วน ดูสิ สีมันหลุดออกหมดแล้ว แล้วทีนี่ยังไงดีล่ะ? เอางี้คุณจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับผม 1,000 เหรียญ ผมถึงจะปล่อยตัวคุณไปนะ”

“1,000 เหรียญ?” คุณปู่ตกตะลึงกับจำนวนนั้น

มันเป็นรถอัลโต้รุ่นเก่าจนสามารถสังเกตเห็นว่า สีของมันหลุดลอกออกไปเกือบหมดแล้ว คุณปู่คิดว่ามันจะต้องมีอะไรผิดพลาด

“ในเมื่อหลานสาวของคุณไม่รับสาย ถ้าอย่างนั้นก็โทรไปเบอร์นี้แล้วกัน นี่เบอร์ของใคร? เขาจะโอนเงินมาให้คุณได้ไหม?” เมื่อชายคนนั้นพูดจบ เขาก็หยิบป้ายพลาสติกที่ห้อยอยู่ที่คอของชายชราขึ้นมาดู

ที่ด้านหลังบัตรประจำตัวผู้สูงอายุ เบียงก้าได้เขียนหมายเลขโทรศัพท์ของเธอเอาไว้

แต่เมื่อเช้าวานนี้ ลุคกังวลว่าเบียงก้าจะไม่สามารถรับมือได้ ถ้าหากว่าคุณปู่ของเธอต้องประสบกับปัญหาที่ยุ่งยากหรือหลงทาง ดังนั้น เขาจึงเขียนหมายเลขโทรศัพท์ของเขาลงบนบัตรประจำตัวผู้สูงอายุที่เขาห้อยคอไปด้วยเสมอ

ชายที่มีรอยแผลเป็นโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์อีกเบอร์หนึ่ง ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่น้อยเลย จากนั้น ก็มีคนจากปลายสายรับโทรศัพท์

“ชายชราคนนี้เขาอาศัยอยู่ในละแวกแถวนี้น่ะ เขาดันเดินไม่มองทางจนทำให้ผมต้องหักหลบจนรถของผมเสียหลักและขูดเข้ากับเหล็กจนสีรถของผมถลอก คุณเป็นอะไรกับเขา? คุณรีบมาที่นี่เพื่อจัดการค่าชดเชยได้ไหม? "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก