พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 91

ลุครีบออกจากที่ทำงาน ไปยังย่านที่เบียงก้าและคุณปู่ของเธออาศัยอยู่อย่างรวดเร็ว

รถเรนจ์โรเวอร์สีดำจอดอยู่ที่ประตูเพื่อนบ้าน ทันทีที่เขาลงจากรถ ลูกน้องที่มีสายตาเฉียบแหลมก็เข้ามารายงานต่อชายรูปร่างสูงโปร่ง “คุณครอว์ฟอร์ดครับ พวกเขาถูกจับและรถถูกลากออกไปแล้วครับ”

“ทำได้ดี” ลุคพูดสามคำนั้นอย่างไม่แยแส พลางเดินไปหาชายชราที่กำลังตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ชายด้านหลังไม่ได้ตามลุคเขามา หลังจากรายงานภารกิจเสร็จ พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรต่อไป

ตำรวจจับกุมชายที่มีแผลเป็นทั้งสองคนออกไป ตำรวจจราจรยังได้สั่งให้รถบรรทุกลากรถคันที่เสียแล้วออกไป กระนั้น ฝูงชนจากบริเวณใกล้เคียงยังคงตื่นเต้นและล้อมรอบชายชรา

ลุคเข้าไปช่วยพยุงชายชราขึ้นแล้วพูดว่า “คุณปู่ครับ เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วครับ”

“ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก… ฉันเองโทรหาบีไม่ติดน่ะ คนกลุ่มนั้นเลยโทรหาคุณแทน…” คุณปู่หายใจเหนื่อยหอบและแสดงท่าทีเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขามักคิดว่าตนแก่และไร้ประโยชน์ชอบสร้างปัญหาให้พวกเขาอยู่เสมอ

“ไม่ครับคุณปู่ แค่เรื่องเล็กน้อย” ลุควางตั้งใจพาชายชรากลับห้องพักก่อน

ลุคพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหญิงวัยกลางคนสองคนที่ช่วยดูแลชายชราในละแวกนั้น ลุคหยิบกรงนกของชายชราขึ้นมาด้วยมือหนึ่ง ส่วนมือข้างหนึ่งพยุงชายชราไว้และพาเขาขึ้นไปที่ชั้นบน

หญิงวัยกลางคนนั้นด้านหลังเขาทั้งสองชื่นชมเขา “ดูสิเธอ เธอดูหลานเขยของตาคนนั้นสิ ถ้าเอาไปเทียบกับลูกเขยชาวบ้านนะ เขาทั้งหล่อ ขับรถก็หรู แถมจัดการทุกอย่างก่อนที่ตัวจะมาถึงที่เกิดเหตุอีก ต้องเป็นเพราะบุญกุศลของคนในครอบครัวชายชราที่สะสมมานานหลายชาติแน่ ๆ เลยฉันว่านะ!”

หลังกลับจากโรงพยาบาลจนถึงที่ทำงานในตอนบ่าย ไม่มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์เบียงก้าเลย

แน่นอน เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ในละแวกนั้น

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เบียงก้าจึงรีบร้อนโทรหาคุณปู่

ก่อนที่ชายชราจะทันได้พูด เบียงก้าตัดหน้าเอ่ยถาม “คุณปู่คะ มื้อเย็นวันนี้คุณปู่อยากทานอะไรดีคะ? คิดว่าคงนานมาแล้วสินะคะที่คุณไม่ทานปลา? พอเลิกงานแล้ว เดี๋ยวหนูจะซื้อปลามาทอดให้คุณปู่ทอดนะคะ”

เธอไม่ได้ยินคำตอบที่คาดคิดจากคุณปู่ กลับกลายเป็นเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นแทน จากนั้น เบียงก้าก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูจากปลายสาย "หนูบี ปู่คือคุณปู่อีกคนของหลานนะ คุณปู่ของลุคไงลูก"

ฝีเท้าของเบียงก้าที่กำลังเดินข้ามถนนพลันหยุดลง คุณปู่จะอยู่กับปู่ของลุคได้อย่างไร?

ปี๊ป

ปี๊ป ปี๊ป

มันเป็นชั่วโมงเร่งด่วนและเบียงก้ากำลังติดอยู่ในกระแสการจราจรอันคับคั่ง ณ ถนนในย่านใจกลางเมือง

"ขอโทษจริง ๆ ค่ะ" เบียงก้าก้มศีรษะขอโทษรถที่เธอกำลังขวางอยู่ เธอถือโทรศัพท์เดินข้ามถนนและมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดินอย่างรวดเร็วและถามว่า "คุณปู่ของหนู..."

“คืนนี้มากินข้าวเย็นกันนะ ลุคอยู่ที่ทำงานอยู่เลยลูก พวกหลานทั้งสองคนกลับมาพร้อมกันเลยก็ได้นะ เอาละ เอาละ! ปู่วางสายแล้วนะ!” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดพูดจบและวางสายไปอย่างอารมณ์ดี

เบียงก้าหยุดฝีเท้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคุณปู่ไปถึงที่นั่นได้อย่างไร

ในขณะนั้น รถเรนจ์โรเวอร์สีดำก็ขับรถมาหยุดอยู่ข้างเธอ

เบียงก้าเห็นชายคนนั้นนั่งอยู่ในรถและรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

"ขึ้นรถสิ" หลังจากลดกระจกรถลง ผู้ชายที่มีใบหน้าดูแข็งแกร่งก็เร่งเร้าเธออย่างไร้ความอารมณ์รู้สึก

เบียงก้าไม่ยอมขึ้นรถ แต่ถามเขากลับ “ทำไมคุณปู่ฉันถึงอยู่กับคุณปู่ของคุณได้?”

“ไม่คิดที่จะพูดอะไรหน่อยเลยเหรอคะ?”

ลุคยังคงนิ่งเงียบ

“อย่าใช้วิธีแบบนี้มาบังคับฉันให้ทำอะไรแบบนั้นเลยค่ะ ฉันได้ไม่รังเกียจที่จะให้ปู่ฉันไปอยู่บ้านของคุณหรอกนะ” เบียงก้าไม่ได้กำลังจะประนีประนอม

ลุคมักมีวิธีที่จะควบคุมเธออยู่เสมอ สำหรับเธอ สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือพยายามกันเขาออกไปอย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้เขาควบคุมเธอได้สำเร็จ

“ก็ได้ ผมคิดว่าผมจะดูแลคุณปู่ของคุณไปตลอดชีวิตสักหน่อย” ลุคพูดอย่างเย็นชาและค่อย ๆ เลื่อนกระจกรถขึ้นช้า ๆ แล้วรถเรนจ์โรเวอร์สีดำก็แล่นหายไปจากข้างถนนอย่างรวดเร็ว

เบียงก้าตกตะลึง

...

40 นาทีต่อมาเบียงก้ากลับถึงบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยล้า

โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าบ้าน

ชายชราดุเธอ “บี ทำไมหลานถึงเป็นคนไม่คิดอะไรเลยล่ะ? เลิกงานแล้วทำไมไม่มากับลุค? หลานกำลังเล่นแง่อะไรอยู่? ปู่ขอสั่งให้หลานมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

“คุณปู่!” เบียงก้าไม่รู้ว่าลุคบอกอะไรบ้างก่อนที่เขากลับมา

จากที่คุณปู่พูด ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่สร้างปัญหาและไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

“ถ้าหลานไม่มา ปู่จะขึ้นแท็กซี่กลับไปเดี๋ยวนี้แหละ ปู่จะกลับไปเก็บของและกลับไปอยู่ในเมืองเล็ก ๆ นั่นเสีย” ชายชราขู่หลานสาวและวางสาย

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด พวกคนใช้กำลังยุ่งกับการจัดเตรียมอาหารเย็น

ชายชราสองคนกำลังเล่นหมากรุกในสวนอย่างมีความสุข

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกล่าวกับพ่อเฒ่าเรย์นที่เพิ่งวางสายหลานสาวไป “คนหนุ่มสาวตอนนี้ไม่เหมือนรุ่นของเราเลยนะ ลุคของฉันน่ะ ทั้งฉลาดแถมยังเชื่อฟังคำสั่งมาก แค่มองหน้ากันก็เกิดผิดใจกันเสียแล้ว ลุคบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด เขาก็เลย...”

“บีผิดเองแหละครับ” พ่อเฒ่าเรย์นกล่าวรับโทษแทนเบียงก้า

เขาขยับหมากรุกหนึ่งตัวแล้วกล่าวต่อว่า "บียังเป็นเด็กที่เอาใจใส่และมีเหตุผลนัก แต่เมื่อคนหนุ่มสาวมีความรัก ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ว่าอะไร ตอนที่เจ้าหลานสาวตัวดีมาถึง ฉันขอสั่งสอนอะไรเสียหน่อยนะครับ”

“ไม่หรอก ไม่จำเป็นต้องสั่งต้องสอนอะไรหรอก คนแก่ ๆ อย่างเรา สิ่งที่เราทำได้มากที่สุดคือเป็นสื่อกลางให้กับพวกเขา อย่าได้สั่งสอนหรือติเตียนหลานสะใภ้ของฉันเลยนะ” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดแสดงความกังวลราวกับว่าเธอเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของตน

เมื่อพ่อเฒ่าเรย์นได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาก็รู้สึกสบายใจ

'ครอบครัวฝั่งสามียอมรับบีและเป็นมิตรกับเธอมากนัก'

เมื่อเขามาถึงในตอนบ่าย พ่อเฒ่าเรย์นตกใจที่ตระหนักได้ว่าคนที่เขาเรียกว่า ‘ฌอง’ แท้ที่จริงคือ ‘ลุค’

หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดจากปากของหลานเขย พ่อเฒ่าเรย์นก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น

การที่ฌองเคยนอกใจ ทรยศ และแม้กระทั่งทำให้ผู้หญิงคนอื่นตั้งครรภ์ ‘เจ้าฌอง เจ้าคนไม่เอาไหน อย่างคิดที่จะย่างกรายเข้าใกล้กับเบียงก้าอีกเชียว!’

โชคดีที่เขาสามารถการันตีได้ว่าลุคปฏิบัติต่อหลานสาวของเขาอย่างจริงใจ

'ประธานของบริษัทที่อายุน้อยและมีแวว ทั้งเขาและเธอก็เดินทางไปที่เมืองเล็ก ๆ นั่น แต่กลับน่าสงสารเสียจริงที่ต้องหลับนอนกันในรถ’

'ถ้าพ่อหนุ่มนี่ไม่ได้ชอบบีจริง ๆ ก็คงไม่เต็มใจนอนหลังขดหลังแข็งในรถทั้งคืนหรอก '

ลุคถือบุหรี่ในมือข้างหนึ่งพร้อมกับคุยงานผ่านโทรศัพท์ไปด้วย เด็กแฝดสองคนที่อยู่ข้างหลังเขามองชายบ้างานอย่างไม่พอใจนัก เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวแสบทั้งสองไม่ได้ยกโทษให้พ่อของตนเลย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงภาพยนตร์ พวกเขายังโกรธพ่อที่เลือกดูภาพยนตร์โดยไม่คิดหน้าคิดหลังเสียก่อน

พ่อเฒ่าเรย์นดูมีความสุขมากขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานเขยของเขาเป็นคนที่มีความสามารถ มีความรับผิดชอบแถมยังมีภาวะผู้นำ

หากหลานสาวของพ่อเฒ่าสามารถแต่งงานกับชายคนนี้ได้ แสดงว่า ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา เธอก็ไม่ทนทุกข์ทรมานโดยเปล่าประโยชน์

เมื่อเบียงก้ามาถึงคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด เมื่อร่างเรียวบางของเธอใกล้เข้ามา เด็กน้อยสองคนรีบออกไปกอดขาของเธอ เธอแทบจะไม่ได้เข้าไปด้านในด้วยซ้ำ

ทันทีที่เจ้าตัวแสบทั้งสองและเบียงก้าพบกัน ราวกับว่าเธอเป็นสนามแม่เหล็กที่ดึงดูดให้พวกเด็ก ๆ มาติดอยู่กับเธอ

ลุคเอาก้นบุหรี่ในมือออก เขาดูน่ากลัวอย่างยิ่งเมื่อทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาแผดเสียงใส่เด็ก ๆ ว่า "ทั้งสองคน หยุดเฮตะโลไปอย่างนั้นสักที ใครบอกให้ไปกอดน้าบีแบบนั้น?"

เมื่อได้ยินเสียงตวาดของชายหนุ่ม เบียงก้าก็ก้มหน้าลงทันใด เธอเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยสองคนด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ “ลานี่ เรนนี่ ให้ฉันเข้าไปข้างในก่อนได้ไหมเอ่ย?”

เรนนี่ทรุดตัวลงในอ้อมแขนของเบียงก้า เธอร้องไห้และถูตัวไปกับเบียงก้า

ใบหน้าเล็ก ๆ ของลานี่พูดอย่างไร้ความรู้สึกข้าง ๆ เบียงก้าว่า “เราไม่รู้ว่าพอ่เป็นอะไรไปแล้วครับ อยู่ ๆ ดี พ่อก็ทำตัวเหมือนเป็นยักษ์เป็นมารอีกแล้ว พ่อสัญญาว่าจะพอไปดูหนัง แต่พ่อกลับไม่ดูให้ดีก่อนว่าพอเราไปดูหนังแบบไหน แล้วเลือกหนังเรื่อง ไลฟ์ ให้เราดูครับ เรนนี่กลัวมากเลยครับ และเราต้องเลิกดูกลางคันเพราะเรนนี่ร้องไห้ไม่หยุดเลย ตอนหลับนะ น้องบอกว่ายังฝันร้ายอยู่เลยด้วย”

“เข้าใจแล้วจ้ะ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้ว” เบียงก้าจูบแก้มเล็ก ๆ ของเรนนี่ด้วยความเสียใจและอุ้มเธอขึ้นมาเพื่อปลอบประโลมเจ้าหญิงน้อย

เรนนี่ร้องไห้เและเศร้ายิ่งกว่าเดิม มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของเธอโอบรอบคอเบียงก้าเอาไว้พลางพึมพำ "น้าบีคะ หนูไม่อยากอยู่กับพ่ออีกแล้ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก