พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 92

เบียงก้าคาดไม่ถึงว่าลุคจะพาเด็กน้อยสองคนไปดูภาพยนตร์แนวอวกาศเอเลี่ยนอย่างเรื่องไลฟ์

ถึงแม้ว่าแม่ไม่เคยดู แต่เคยเห็นเพื่อนร่วมงานและอดีตเพื่อนร่วมชั้นหลายคนโพสต์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยบอกว่าฉากบางส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ น่ากลัวและนองเลือดมากมายขนาดไหน บางคนถึงกับบอกว่าเป็นภาพยนตร์น่าขนลุกมากกว่าเสียอีก

เบียงก้าเหลือบมองที่ลุคและไม่พูดอะไร เธออุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนและเดินก้มศีรษะเข้าไปในคฤหาสน์

เรนนี่แอบอิงบนไหล่ของน้าบี แต่ดูเหมือนเธอจะรู้สึกความรู้สึกบางอย่างได้เมื่อเดินผ่านพ่อของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและแลบลิ้นใส่หน้าผู้เป็นพ่ออย่างจัง

ลุค "..."

อลิสันยืนอยู่บนระเบียงบนชั้นสอง และมองไปยังทางเข้าหลักชั้นล่างด้วยท่าทางที่รังเกียจ

'ฉันบอกให้เธออยู่ห่างจากลุคไม่ใช่รึไง? ทำไมยังเสนอหน้ามาที่นี่อยู่อีก? ความละอายแก่ใจเคยสลักในสมองบ้างไหม?

'ยังกล้าทำตัวเหมือนแบบครอบครัวสุขสันต์สามคนพ่อแม่ลูกอยู่เลย!'

หลังจากที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อลิสันปรับสีหน้าของเธอและลงไปข้างล่าง

ชายชราสองคนในสวนก็เห็นเหตุการณ์ที่ประตูเช่นกัน

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดหัวเราะและถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ฉันรอคอยวันนี้มาเกือบห้าปีแล้วนะ"

“คนหัวหงอกอย่างเรา ๆ ใช้ชีวิตไปมันก็เป็นเรื่องยากนัก แต่พอได้เห็นความสุขของคนรุ่นหลังก็นับได้ว่าดีนักนะ” พ่อเฒ่าเรย์นย้ายหมากตัวสุดท้ายไปรุกฆาตหมากตัวสีขาวของผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด

แม้ว่าผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดพ่ายแพ้ในเกมนี้ แต่เขาก็ยังดูมีความสุข

เหตุการณ์ตรงทางเข้าก็มีความสุขไม่แพ้กัน

ก่อนที่บีจะเข้าประตู เธออุ้มเจ้าหญิงน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน และเจ้าหญิงน้อยก็เกาะติดกับเธอแน่น ราวกับลูกเพิ่งพบแม่ที่เพิ่งกลับมาหลังจากเดินทางมานาน

สำหรับลุค เจ้าหลานชายใจด้านชา เขายืนด้วยความสง่างามอยู่มุมหนึ่ง เขาค่อย ๆ ละทิ้งบทบาทการเป็นผู้นำตระกูลไปอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว และกลายเป็นสามีที่ไม่รู้ว่าจะยอมรับความผิดพลาดของตนกับภรรยาและลูก ๆ อย่างไร

“บีมาเหรอ?” อลิสันลงไปชั้นล่างและทักทายเบียงก้าด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร

เบียงก้านิ่งงัน

อลิสันมองดูชายชราสองคนที่ยังคงยิ้มและพูดว่า “บี มากับฉันหน่อยสิ ฉันมีอะไรจะให้ด้วย

ครั้งที่แล้วที่เจอกัน ฉันรีบร้อนเลยไม่มีเวลาให้ของขวัญต้อนรับเธอ"

หลังจากได้ยินเช่นนั้น จนแล้วจนรอด เบียงก้าก็เงยหน้าขึ้นและมองที่อลิสัน

'ของขวัญต้อนรับงั้นเหรอ?'

เธอกลัวว่านั่นคงเป็นเพียงข้ออ้างที่จะลากเธอไปคุยเป็นการส่วนตัวเสียมากกว่า

“คุณผู้หญิงครับ เรื่องของขวัญต้อนรับอะไรนั้นไม่เป็นไรหรอก!” พ่อเฒ่าเรย์นไม่ต้องการให้หลานสาวแสนน่ารักรับของมีค่าใด ๆ จากตระกูลครอว์ฟอร์ดเลย เขาคิดว่าสิ่งเหล่านั้นควรจะเป็นหลังจากที่ทั้งสองตบแต่งกันเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า อนึ่ง ทั้งสองยังไม่ได้หมั้นหมายกันด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องหยุดความตั้งใจของเธอก็ได้!” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดโบกมือให้อลิสันลูกสะใภ้ของตน และโบกมือเพื่อให้เธอเพิกเฉยต่อสิ่งที่พ่อเฒ่าเรย์นกล่าว เขาตั้งใจจะขอให้เธอพาบีขึ้นไป เพราะอย่างไร ก็ต้องให้ของขวัญต้อนรับแก่เธออยู่ดี

เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดมองย้อนกลับไป เขาก็พูดกับชายชราเรย์นว่า “เราถือว่าบีเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ในนามของทุกคนในครอบครัวครอว์ฟอร์ด ฉันยอมรับหนูบีนะ คุณเป็นปู่นะ ดังนั้นอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องของแม่สามีกับลูกสะใภ้เลยเถอะ”

เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเอ่ยเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ฟังดูจริงจังมากขึ้นเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้

พ่อเฒ่าเรย์นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วที่เขาไม่ปะทะคารมเข้ากับเขา

เรนนี่ต้องปล่อยมือจากน้าบีไปเล่นชิงช้ากับพี่ชายของตน

ณ ห้องชั้นบน

อลิสันหยิบกล่องเครื่องประดับที่มีสร้อยคอประดับเพชรออกมา

เธอเปิดกล่องและยื่นให้เบียงก้าดู “ฉันได้สร้อยคอนี้จากการเข้าร่วมงานการกุศลในนามของลุค ฉันประมูลมาได้ในราคาหกล้านน่ะ ตอนนี้ฉันจะให้สร้อยคอนี้แก่เธอนะ”

“ฉันไม่ต้องการของขวัญราคาแพงแบบนี้ค่ะ” เบียงก้าไม่ได้พยายามที่จะสุภาพกับอลิสันมากนัก เธอแค่อยากให้อลิสันพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดจากใจจริง เพื่อจะได้ไม่ต้องอ้อมค้อมเสียเวลา

อลิสันคิดว่าเบียงก้าคงจะไม่ต้องการของพรรค์นี้อยู่แล้ว เธอพูดประชดประชันว่า “แต่เธอยังขายสร้อยนี้ต่อได้อีกตั้งห้าล้านนะ แน่ใจเหรอว่าไม่อยากได้?”

เบียงก้าเกลียดชังใบหน้าของอลิสัน ทุกวินาทีที่มองดูหน้าของเธอ ช่างรู้สึกทรมานหัวใจเหลือเกิน เธอเอ่ยว่า “ถ้ายังเฉไฉไม่เข้าเรื่อง ฉันขอตัวก่อนค่ะ” แล้วเธอก็หันหลังเดินออกไป

อลิสันยืนตกตะลึงอยู่ในห้อง โดยที่กล่องเครื่องประดับยังคงอยู่ในมือของเธอ

20 นาทีต่อมา อลิสันลงไปชั้นล่างและพบว่าเบียงก้าอยู่ในครัว เธอกำลังรินน้ำหนึ่งแก้วให้

เรนนี่

“ฉันขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบเครื่องประดับ...” อลิสันกล่าวขอโทษ แต่ใบหน้าของเธอยังคงเย่อหยิ่งไม่น้อย

เบียงก้าหยุดการกระทำนั้นและหันหลังกลับไปมองอลิสัน “พ่อฉันบอกว่าคุณแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยหลังจากที่คลอดฉันได้ไม่นาน ฉันคิดว่าคุณคงใช้ชีวิตที่หรูหราหมาเห่าในตระกูลครอว์ฟอร์ดมาเกือบยี่สิบปีได้ ตระกูลครอว์ฟอร์ดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ครอบครัวที่ร่ำรวยด้วยกันเอง แต่ทำไมยังทำตัวเป็นภรรยาของผู้ดีตีนแดงอยู่เลย?”

เมื่ออลิสันถูกเรียกว่าเป็นภรรยาของผู้ดีตีนแดง เธอขบกรามแน่น

ท่าทีของเธอดูแย่ลง เมื่อเธอก่นด่าอย่างเดือดดาลว่า “เธอเป็นใครมิทราบถึงได้มาตัดสินฉัน? กินแกลบมาทั้งชีวิต! ระวังปากกับมารยาททราม ๆ นั้นเอาไว้ดีกว่านะ ก่อนที่จะโชว์กำพืดนั้นออกมาต่อหน้าคนอื่น!”

“อย่างน้อยฉันก็ไม่คิดจะไม่ทิ้งสามีและลูกสาวไปแล้วหนีมามีชีวิตแสนจะสุขสบายดีแบบคุณ น้ำหน้าอย่างคุณมีดีแต่จะถลุงเงินพวกคนรวยเท่านั้นแหละ” เบียงก้าทิ้งระเบิดลูกใหญ่ที่ติดค้างอยู่ในใจของเธอออกมา

เมื่อประโยคนั้นจบลง ราวกับว่าความแค้นที่ถูกกักขังอยู่นานหลายปีก็สงบลง

ใช่ เธอเกลียดผู้หญิงที่ให้กำเนิดเธอแต่ไม่ได้รักษาเธอไว้ กว่ายี่สิบปีที่เธอไม่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น ดังนั้นคำถามและข้อกล่าวหาทั้งหมดจึงถูกซ่อนอยู่ในใจตลอดมา

ตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยามเธอ เธอคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องละอายต่อเรื่องความสัมพันธ์แบบแม่กับลูกสาวนี้อีก

ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรได้รับคำว่ากตัญญูจากลูกสาวคนนี้ด้วยซ้ำ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อลิสันไม่เคยถูกคนที่อายุน้อยกว่าทำให้เธออับอายขายหน้ามาก่อน คนเดียวที่ทำให้เธอขายขี้หน้าได้คือซูซาน!

“แน่นอนสิ อยากพูดอะไรก็พูด แต่เท่าดู เธอก็อยากเข้ามาอยู่ในครอบครัวคนรวยจนตัวสั่นเหมือนกันนิ? ถ้าไม่อยากกลายเป็นผู้ดีตีนแดง แล้ววันนี้แสดงหน้ามาที่นี่ทำไม?” อลิสันพูดอย่างประชดประชันและขมขื่น

เบียงก้าหลับตาและฟังคำพูดที่น่าอับอายของแม่ของตนเอง เธอรู้สึกขอบคุณที่เธอไม่ได้รับยีนที่ชอบดูถูกคนจนแต่เชิดชูคนรวยจากผู้หญิงคนนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณปู่ขอร้อง เธอคงจะไม่ปรากฏมาที่แห่งนี้หรอก

เธอจะปล่อยให้ปู่รู้ความจริงไม่ได้ คนแก่จะรับผลกระทบทางใจจากเรื่องราวเหล่านี้ไม่ไหว

เด็กสาวอย่างเธอยังรับไม่ได้กับความจริงที่โหดร้ายที่ว่าพวกเขามีแม่คนเดียวกัน แต่มีพ่อคนละคน นับประสาอะไรกับคนแก่ล่ะ?

เบียงก้าไม่สามารถอธิบายให้อลิสันฟังได้ เธอจึงเดินออกไป

ท่าทีของอลิสันยังคงสง่างาม และเธอกล่าวเตือน “อย่าหลงผิดและพยายามข้ามเส้นศีลธรรมล่ะ ปล่อยลุคไปซะ อยากได้เท่าไหร่ก็ว่า ฉันยอมจ่าย!”

เบียงก้ากำลังจะเดินไปหาเรนนี่ต่อ

ลุคกำลังเล่นกับเด็ก ๆ บางที่การเล่นกับเด็กน้อยทั้งสองอาจเป็นการคลายความตึงเครียดระหว่างทั้งสามก็ได้ เรนนี่และลานี่กำลังเล่นชิงช้าโดยมีคนผลักให้ทั้งสอง แต่เมื่อเขาเดินผ่านไป ลุคบอกคนที่ผลักชิงช้าให้หาอย่างอื่นทำเสีย

ตอนนี้เรนนี่ยังคงโกรธพ่ออยู่ และลุคจึงเริ่มแกว่งเธอขณะนั่งชิงช้า ตอนนั้นเองที่เธอตัดสินใจยกโทษให้พ่อและไม่โกรธเขาอีกต่อไป

ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ชิงช้าก็ถูกแกว่งสูงเกินไป!

เด็กน้อยตกใจมากจนร้องไห้ออกมา

ชายชราสองคนกำลังเล่นหมากรุกและเบียงก้าที่ถือแก้วน้ำตกใจ พวกเขาทั้งสองมองอย่างพินิจ

ไม่มีใครรู้ว่าชายที่แกว่งชิงช้ากำลังคิดอะไรอยู่ แขนของเขาแข็งแรงแรงและยาว เขาใช้กำลังทั้งหมดแกว่งชิงช้า จนลืมเรื่องน้ำหนักของแรงที่เด็กสามารถทนรับได้

ลุคจับเชือกบนโครงชิงช้าด้วยมือข้างเดียวเพื่อหยุดแรงเหวี่ยงของชิงช้า และเอื้อมมือไปรับลูกสาวที่กำลังร้องไห้และตัวสั่น...

“หนูไม่อยากเล่นกับพ่อแล้ว แงงง...” เรนนี่สั่นกลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก