หลี่ชิงหง… ไม่สิ ตอนนี้เหลือเพียงเสี่ยวหงแล้ว
เสี่ยวหงเดินมุ่งหน้าไปทางตำหนักข้าง เพื่อเฝ้าดูแลฉินเยี่ยนฟางตามแผนการเดิมที่วางไว้
เซียวชิงเฟิงจึงได้เดินเข้ามาช่วยประคองฉินเจียวเยี่ยนไว้ในอ้อมแขน แล้วพานางเดินออกมา
“ท่านได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” ฉินเจียวเยี่ยนเงยหน้าถามด้วยดวงตาไร้เดียงสา
เซียวชิงเฟิงครางในลำคอเบา ๆ “อืม”
ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอ “ท่านไม่สงสัย หรืออยากถามสิ่งใดเลยหรือเพคะ?”
“แล้วเจ้าอยากให้ข้าถามสิ่งใด?” มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกสูง ดวงตาคมทอประกาย
“ก็... พวกเจ้าคุยสิ่งใดกัน? มาจากที่ใด? ประมาณนี้เพคะ”
“คนทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง หากสะดวกใจที่จะบอก เจ้าก็คงบอกข้าเอง แต่หากเจ้าไม่เต็มใจจะบอก ข้าก็จะช่วยเจ้าปิดจนสุดความสามารถ”
ฉินเจียวเยี่ยน “???”
'เหตุใดจึงรู้สึกว่า ประโยคนี้ มันคุ้น ๆ หูกันนะ?'
เซียวชิงเฟิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือไปแตะปลายจมูกโด่งนั้นเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เจ้าเป็นคนพูดนะ ลืมเสียแล้วรึ?”
“อ๋อ” ฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้าหงึกหงัก ชวนให้คนมองรู้สึกใจละลายกับท่าทีไร้เดียงสาเช่นนั้น
เซียวชิงเฟิงโน้มใบหน้า ก้มลงจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผากเนียน ฉินเจียวเยี่ยนรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาราวกับปีกจั๊กจั่น สองมือยกขึ้นกุมแก้มที่แดงปลั่ง
เซียวชิงเฟิงย่อตัวลงมาเสมอกับใบหน้าของนาง สองคนสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นเงาของตัวเองในดวงตาของอีกฝ่าย รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่ว่าเจ้าจะมาจากที่ใด แต่ต่อจากนี้ไป ขอให้เจ้าจงวางใจ ตราบใดที่ข้ายังหายใจ เจ้าจะไม่มีวันลำบาก”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น กล่าวคำสัญญาอย่างหนักแน่น ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา


ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาของท่านอ๋องธงแดง NC