เพล้ง!!
เสียงถ้วยชาเคลือบทองกระทบพื้นหินอ่อนแตกละเอียด สายตาของฮ่องเต้เจิ้นหลงดุดันราวสายฟ้าฟาด ยามที่พระหัตถ์ทรงกระแทกลงบนโต๊ะทรงอักษรไม้จันทน์หอมอย่างแรง!
ปัง!
เสียงตบโต๊ะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดดุจป่าช้า ทั่วท้องพระโรงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา นอกจากเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของเหล่าขุนนาง
พระพักตร์ของฮ่องเต้เจิ้นหลงแดงก่ำด้วยโทสะ พระเนตรคมกริบเหลือบมองไปทางใด บรรดาขุนนางที่ยืนเรียงรายเบื้องล่างก็พลันรู้สึกเหมือนถูกไฟแผดเผาจนต้องก้มหน้าหลบ ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์อันเกรี้ยวกราด
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากพระวรกายของฮ่องเต้เจิ้นหลง ราวกับพญามังกรทองที่กำลังจะพ่นไฟทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
“หมิงอ๋อง ช่างบังอาจนัก!” พระสุรเสียงทรงอำนาจดังกึกก้อง พลานุภาพแห่งราชันย์แผ่ซ่านจนเส้นผมบนศีรษะของเหล่าขุนนางคล้ายจะตั้งชัน
ขุนนางบางคนถึงกับเข่าอ่อน ตัวสั่นเทา เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มแผ่นหลัง แม้แต่ลมหายใจยังต้องกลั้นไว้ราวกับกลัวว่าเสียงลมหายใจของตนจะไปขัดพระอารมณ์ให้ยิ่งกริ้วหนักขึ้นไปอีก
เมื่อมังกรคำรามและพ่นไฟบรรลัยกัลป์ออกมาแล้ว ยากที่ผู้ใดจะต้านทานได้
“พวกเจ้า... คิดเห็นอย่างไร?”
เจิ่งลีปู้ซ่างซูเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน “แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยง แต่หากเราไม่ส่งกำลังออกไปยื้อเวลา แล้วหมิงอ๋องยกทัพมาบุกเมืองหลวงในไม่ช้า และทุกอย่างจะสายเกินไปพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากยิ่งนัก แต่เพื่อรักษาแผ่นดิน… ในยามนี้คงไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่า...”
คำพูดของเขาหยุดลง ปล่อยให้ความเงียบและความหมายแฝงกระจายไปทั่วท้องพระโรง ทุกคนต่างรู้ดีว่าหมายถึงผู้ใด เพราะบัดนี้ เหลือเพียงเฟิงอ๋อง ท่านอ๋องเจ้าสำราญเท่านั้นแล้ว การเสนอเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการส่งเขาไปตาย
แต่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเช่นนี้ กลับไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านเลย
“ฝ่าบาท…” ติ้งอันโหวเอ่ยขึ้น “หรือจะทรงเรียกแม่ทัพหน้ากากเหล็กกลับมาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
*ลีปู้ซ่างซู หมายถึง เสนาบดีกรมพิธีการ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาของท่านอ๋องธงแดง NC
เมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาหรอคะ รอนานจุงเบย อดใจไม่ไหว 🥹...