เสียงพิณสุดท้ายค่อย ๆ เงียบลง พร้อมปรากฏเสียงปรบมือชื่นชมจากบรรดาฮูหยินและคุณหนูทั้งหลาย
“ไม่นึกเลยว่า ว่าที่พระชายาเฟิงอ๋องจะมีฝีมือในการบรรเลงพิณเช่นนี้”
“นั่นสิ ผู้ใดกันที่ว่า นางไม่เชี่ยวชาญพิณ เสียงพิณไพเราะเช่นนี้ ต้องฝึกฝนมาอย่างหนักแน่นอน”
“จวนซ่านเต๋อโหวช่างดีนัก บุตรสาวสองนางล้วนแต่มีความสามารถ”
“เจ้าต้องเรียนรู้และเป็นแบบพวกนางให้ได้ เข้าใจหรือไม่?”
นอกจากเสียงชื่นชม ยังมีเสียงอบรมบุตรสาวของตนเองลอยปะปนเข้ามาด้วย ทำให้ฉินเจียวเยี่ยนนึกถึงความเชื่อใจในความพยายามของนางที่ใครบางคนเคยเอ่ยกับนาง
ความอบอุ่นใจนั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในใจมิรู้วาย เป็นความรู้สึกที่นางอยากร่วมแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น
“ข้าเชื่อว่า คุณหนูแต่ละท่านย่อมมีความสามารถที่แตกต่างกัน มิว่าจะมากหรือน้อย แต่อย่างไรก็ล้วนเกิดจากความพยายามฝึกฝนกันอย่างที่สุดแล้ว”
ฉินเจียวเยี่ยนส่งรอยยิ้มไปทางฉินเยี่ยนฟาง ราวกับผู้อาวุโสที่เอ็นดูผู้น้อย “ข้ายอมรับว่า ข้าอาจจะไม่มีความสามารถมากเท่าพี่สาว แต่ข้าก็มั่นใจในความพยายามของตนเอง และเชื่อว่า คุณหนูทุกท่านในที่นี้ ก็ย่อมมีความสามารถที่เป็นหนึ่งเดียวของทุกท่านแน่ ๆ ขอให้คุณหนูทุกท่านจงภูมิใจในตนเองไว้เถิด”
สิ้นคำกล่าวของฉินเจียวเยี่ยน ยิ่งสร้างความชื่นชมจากบรรดาฮูหยินและคุณหนูมากยิ่งขึ้น
“ช่างอ่อนโยน ใส่ใจ และเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก”
“ท่านแม่เห็นหรือไม่? ว่าที่พระชายาเฟิงอ๋องยังกล่าวเลยว่า แต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ลูกก็ย่อมมีความสามารถที่แตกต่างจากผู้อื่น”
“แล้วเจ้ามีความสามารถใดเล่า?”
“ความสามารถที่ทำให้ท่านแม่ปวดหัวได้ทุกวันอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“เจ้านี่นะ” ฮูหยินท่านนั้น ใช้ปลายนิ้วเคาะหน้าผากบุตรสาวตนเองเบา ๆ อย่างรักใคร่
กล่าวได้ว่า คำพูดของฉินเจียวเยี่ยนช่วยเปลี่ยนบรรยากาศเคร่งเครียดของบรรดาฮูหยินที่มีต่อบุตรสาวของตนเอง ให้กลายเป็นความเข้าอกเข้าใจและรักใคร่กันมากกว่าเดิม
บรรยากาศในศาลากลางสวนจึงมีแต่ความครึกครื้น จนเมื่อได้เวลา เซี่ยฮูหยินจึงได้เชิญชวนบรรดาฮูหยินและคุณหนูลงไปเดินชมดอกเหมยที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม
บรรดาฮูหยินต่างพากันจับกลุ่มเดินชมดอกเหมยไปอีกทาง เช่นเดียวกับบรรดาคุณหนูที่จับกลุ่มตามความสนิท เดินไปอีกทางเช่นเดียวกัน
ฉินเจียวเยี่ยนและเมิ่งลี่ก็จับคู่กัน ไปเดินชมดอกเหมยสีชมพูที่บานสะพรั่งที่มุมสวนทางหนึ่ง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาของท่านอ๋องธงแดง NC