พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 100

“คุณ...... ” เจี่ยงเส้าหยุนชี้ไปที่นาง ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นได้ และคุกเข่าลงตรงหน้าไทเฮาในทันที “เสด็จย่า หยุนเอ๋อร์เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น หยุนเอ๋อร์ไม่อยากถูกลงโทษ”

เมื่อเห็นเจี่ยงเส้าหยุนร้องไห้เหมือนดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ไทเฮาก็ทนไม่ได้ ประกอบกับเดิมทีไทเฮาก็ไม่ชอบฉู่เนี่ยนซี หลังจากครุ่นคิดก็เอ่ยปากในทันที “ล้วนเป็นแค่เรื่องขบขัน ข้าว่าเรื่องในวันนี้ ช่างมันเถอะ”

“เรื่องขบขัน?” ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หากเป็นข้าที่ต้องถูกลงโทษ ไทเฮาจะทรงคิดว่าเป็นเรื่องขบขันหรือไม่เพคะ? และจะไม่ถูกลงโทษ?”

คำถามของฉู่เนี่ยนซีทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ฉู่เนี่ยนซีเป็นคนแรกที่ถามคำถามเช่นนี้กับไทเฮาโดยตรง

บนใบหน้าของไทเฮามีความโกรธเล็กน้อย และน้ำเสียงที่เจือด้วยความโกรธนั้นดูแผ่วเบา “เจ้ากำลังตั้งข้อสงสัยในความยุติธรรมของข้าหรือ?”

“ตั้งข้อสงสัย? ซีเอ๋อร์ไม่กล้าเพคะ เพียงแค่แสดงความไม่แน่ใจเท่านั้น”

“ดี! ดีเลย ในเมื่อไม่แน่ใจ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าว่าหากเป็นเจ้า ข้าก็จะคิดว่าเป็นเรื่องขบขันเช่นกัน และงดเว้นการลงโทษ!” ไทเฮาจ้องมองไปที่นาง ไม่ได้รู้สึกอับอายขายหน้าเลยแม้แต่น้อยที่ฝืนใจพูด

เมื่อเห็นเช่นนี้ เจี่ยงเส้าหยุนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นข้างๆ ก็รีบพยักหน้า “ใช่ๆ หากเจ้าต้องถูกลงโทษ ข้าจะยกโทษให้เจ้าอย่างแน่นอน!”

เมื่อไทเฮาเห็นเช่นนี้ก็หันหน้าไปทางฉู่เนี่ยนซีเล็กน้อย “ทำไม? ตอนนี้ยังมีอะไรจะถามอีกหรือไม่? หากไม่มี ก็ชื่นชมดอกเบญจมาศอย่างสงบกันเถอะ”

ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น มองไปยังไทเฮาที่ปกป้องเจี่ยงเส้าหยุน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ แต่ใบหน้ายังคงเรียบร้อยและดูดี

“ไม่ว่าไทเฮาและพระชายาเหลียนจะทำตามที่พูดหรือไม่ก็ตาม แต่ซีเอ๋อร์จะไม่ถูกใส่ร้ายโดยเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นหากข้าชื่นชมดอกเบญจมาศ ไทเฮาไม่คิดว่าสีของดอกเบญจมาศหลากหลายเกินไปหรือเพคะ? สีเหลือง สีขาว สีชมพู แต่ขาดเพียงแค่สีแดงสดในการเฉลิมฉลอง ซีเอ๋อร์คิดว่าจะต้องใช้เลือดของพระชายาเหลียนมาเติมสีสันจึงจะพอดี!

“เจ้ากล้า!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงเส้าหยุนก็ยืนขึ้นในทันที นิ้วมือสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือกลัว!

“ทำไมข้าจะไม่กล้า!” ทันใดนั้นเสียงของฉู่เนี่ยนซีก็ดังขึ้น ดวงตาอันงดงามคู่นั้นมีกลิ่นอายของความเยือกเย็น “เรื่องที่ไม่มีหลักฐาน เจ้าล้วนกล้าพูดเหลวไหล และลงโทษตามอำเภอใจ ข้าต้องการลงโทษผู้ที่ใส่ร้ายข้า ทำไมจะไม่กล้า! แต่พวกท่านทำได้อย่างที่พูดจริงๆ หรือ ใจกว้างเช่นนั้นเลยหรือ?”

“แต่นี่ล้วนไม่สำคัญ..... ” ฉู่เนี่ยนซีหัวเราะเยาะและกล่าวต่อ “เพราะข้าทำไม่ได้! ดังนั้นโทษของท่านในวันนี้ข้าได้ตัดสินใจแล้ว!”

“เจ้า......เจ้ามันหลงระเริง เสด็จย่าอยู่ที่นี่ เจ้ากล้าแตะต้องข้าหรือ!”

ฉู่เนี่ยนซีมองดูเจี่ยงเส้าหยุนรีบวิ่งไปข้างๆ ไทเฮา แววตาดูดุดันยิ่งขึ้น แต่ทันใดนั้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างชั่วร้าย “เช่นนั้นหรือ?”

พูดจบนางก็หยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วชูไว้เหนือศีรษะ “แล้วหากข้ามีสิ่งนี้เล่า?”

“โอ้โห เป็นป้ายทองคำพระราชทานของฝ่าบาท......เห็นป้ายทองคำเหมือนเห็นฝ่าบาท!”

“ถวาย......ถวายบังคมฝ่าบาท......”

“……เจ้า……” เจี่ยงเส้าหยุนมองดูป้ายทองคำที่ฉู่เนี่ยนซีเอาออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นก็ตื่นตระหนก “เสด็จย่า......เสด็จย่า หยุนเอ๋อร์ไม่อยากถูกลงโทษ!”

ในเวลานี้ใบหน้าของไทเฮามืดมน ราวกับจะหยดออกมาเป็นน้ำหมึก และน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความอดกลั้น “เจ้าต้องการใช้ฝ่าบาทมาข่มข้าหรือ!”

“ซีเอ๋อร์ไม่กล้า! เพียงแต่จุดประสงค์ที่เสด็จพ่อทรงมอบป้ายทองคำให้ซีเอ๋อร์ เกรงว่าเพราะไม่ต้องการให้ซีเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรม! ข้าแค่ไม่อยากฝ่าฝืนพระราชประสงค์” ฉู่เนี่ยนซีกล่าวอย่างสบายๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง แล้วยิ้มเบาๆ อีกครั้ง “แต่......ไทเฮาทรงเข้าพระทัยความชอบธรรมอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าจะใจพระ แต่ไทเฮาก็คงไม่ขัดขวางซีเอ๋อร์ ”

ฉู่เนี่ยนซีจงใจส่องป้ายทองคำ หลังจากนั้นจึงเอาลงมาและใส่ไว้ในแขนเสื้อ

ไทเฮาหรี่ตาลงเล็กน้อย ส่งเสียงหึอย่างเย็นชาและลุกขึ้นยืน “แน่นอน ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าตามสบายเถอะ”

ในขณะพูดไทเฮาก็มองไปยังเย่หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ “ข้างนอกลมแรง เจ้าควรกลับไปพักผ่อนด้วยกันกับข้าเถอะ”

ภายใต้ความสนใจของผู้คน ไทเฮาเสด็จออกจากศาลาชมดอกไม้พร้อมกับซุนจื่อซีและเย่หลิงเอ๋อร์

เมื่อเย่หลิงเอ๋อร์เดินผ่านฉู่เนี่ยนซี ดวงตากลมโตของนางก็กะพริบอย่างขี้เล่น

ทันทีที่ไทเฮาจากไป ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังฉู่เนี่ยนซีและเจี่ยงเส้าหยุน

“ทหาร เอาตัวพระชายาเหลียนไป แล้วเฆี่ยนสามสิบไม้!”

ฉู่เนี่ยนซีกล่าวเบาๆ และทำให้คนไม่สามารถโต้แย้งได้

เนื่องจากไทเฮาทรงยินยอม ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าขัดขวางนางอีก

ขันทีที่อยู่ด้านข้างรีบจับตัวเจี่ยงเส้าหยุน

เจี่ยงเส้าหยุนถูกจับตัว และโกรธในทันที “ฉู่เนี่ยนซีเจ้ากล้าหรือ เจ้าปล่อยข้านะ! ท่านพ่อของข้าเป็นขุนนางมาสามราชวงศ์ สามีเป็นท่านอ๋อง หากเจ้าแตะต้องข้า พวกเขาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

“เหอะๆ......ท่านพ่อของข้าเป็นเฉิงเซี่ยง ท่านป้าเป็นกุ้ยเฟย สามีเป็นท่านอ๋อง แถมยังมีป้ายทองคำที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้อีกด้วย ใครจะไม่ปล่อยใครไป! ก็ยังไม่แน่”

ฉู่เนี่ยนซีหัวเราะเยาะ เมื่อเปรียบเทียบภูมิหลังแล้ว นางไม่ด้อยไปกว่าเจี่ยงเส้าหยุนผู้หยิ่งผยองอย่างแน่นอน!

ในขณะพูดนางก็มองไปยังขันทีที่อยู่ด้านข้างอีกครั้ง “ยังงุนงงอะไรอยู่อีก เอาตัวไป!”

เมื่อได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉู่เนี่ยนซี ขันทีที่อยู่ด้านข้างก็ตัวสั่น และรีบกดเจี่ยงเส้าหยุนลงไป

“ฉู่เนี่ยนซี เจ้าจะลงโทษข้าไม่ได้ แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ! ฉู่เนี่ยนซี!”

เมื่อเจี่ยงเส้าหยุนถูกพาตัวไป นางก็เอาแต่ตะโกนอยู่ตลอด

ฉู่เนี่ยนซีมองนางอย่างเย็นชา และไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“ไม่ลงโทษเจ้า ข้าสิจะเสียใจ!” ในขณะพูด นางก็กวาดสายตามองฝูงชนอย่างเย็นชา และกล่าวอีกครั้งว่า “ทุกท่านเพลิดเพลินกันต่อเถิด ข้าขอตัวไปก่อน!”

ท่ามกลางสายตาที่สอดรู้สอดเห็นของผู้คน ฉู่เนี่ยนซีค่อยๆ เดินออกจากศาลาชมดอกไม้

ทันทีที่ออกจากศาลา ขันทีหนุ่มก็รีบเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

“โธ่!” ฉู่เนี่ยนซีหลบ ทำให้ขันทีหนุ่มล้มลงกับพื้น

ในขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะช่วยประคอง ขันทีหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและเห็นฉู่เนี่ยนซี ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความดีใจในทันที “พระชายาหลี พบท่านก็ดีแล้ว ฉิงกุ้ยเหรินตระหนกตกใจจนคลอดยาก หมอตำแยและหมอหลวงหลายสิบคนถูกส่งมาแล้ว ล้วนแต่จนปัญญา ฝ่าบาทให้เชิญท่านไปดู”

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ตระหนกตกใจจนคลอดยาก? เพราะเหตุใด?”

“เดิมทีฉิงกุ้ยเหรินยังไม่ถึงกำหนดคลอด แต่จู่ๆ แมวของพระชายาลี่ก็วิ่งเข้าไปในห้องของฉิงกุ้ยเหริน และพุ่งเข้าใส่จนนางตกใจ ทำให้คลอดก่อนกำหนด”

ฉู่เนี่ยนซีครึ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า และรีบเดินตามขันทีหนุ่มไปที่ห้องของฉิงกุ้ยเหริน

ฉิงกุ้ยเหรินและพระชายาลี่อาศัยอยู่ในลานบ้านเดียวกัน พระชายาลี่อยู่ตำหนักหลัก และฉิงกุ้ยเหรินอยู่ตำหนักด้านข้าง

ในเวลานี้ฝ่าบาท ฮองเฮา และฉู่กุ้ยเฟยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือที่ด้านนอกห้องบรรทมของตำหนักข้าง เย่เฟยหลีและเย่เหลียนยืนอยู่ข้างๆ และบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้าก็ยืนแยกๆ กัน

หมอหลวงหลายคนยืนก้มหน้าและเหงื่อแตกพลั่กอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นฉู่เนี่ยนซีเดินเข้ามา สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความดีใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี