พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 102

นอกห้อง พวกฝ่าบาทเฝ้ารออย่างร้อนรน มองเข้าไปในห้องเป็นระยะ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ภายในห้องมีเสียงดังขึ้นมา “อู่แว๊อู่แว๊.......” เสียงร้องของเด็ก ทุกคนพากันลุกขึ้น ฝ่าบาทหยุดท่าทางในมือ เดินไปที่หน้าประตู

ภายในห้องฉู่เนี่ยนซีอุ้มเด็กไว้ในสองมือ ในที่สุดมุมปากก็มีรอยยิ้มอันอ่อนเพลีย

“ใครก็ได้ มาอุ้มเด็กไปล้างทำความสะอาดนอกห้อง”

ฝ่าบาทได้ยินใบหน้าก็มีรอยยิ้มทันที รีบสั่งหมอตำแยด้านข้าง “เร็ว รีบเข้าไปดูหน่อย”

หมอตำแยสีหน้าก็ตื่นเต้น รีบเข้าไปในห้อง

หมอหลวงด้านข้างต่างก็พากันเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ต่างมองตากัน ตื่นเต้นอย่างปิดปังไม่ได้

ไม่นาน หมอตำแยก็ห่อเด็กไว้อย่างดี กลับมาถึงนอกห้อง “กราบเรียนฝ่าบาทฮองเฮา คือพระโอรส!”

“ดี ดี รีบให้ข้าอุ้มหน่อย!” ฝ่าบาทสีหน้าตื่นเต้น

ฮองเฮาด้านหลังเมื่อได้ยินว่าคือพระโอรส ในสายตาก็มีแววความโกรธเกลียด แต่ก็กลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว

เย่เฟยหลีมองเด็กในอ้อมกอดฝ่าบาทไปทีหนึ่ง มองเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วง “ทำไมพระชายาหลียังไม่ออกมา?”​

“เรียนอ๋องหลี พระชายาหลีกำลังช่วยฉิงกุ้ยเหรินเย็บแผล” หมอตำแยที่ยืนด้านข้าง มองดูอ๋องหลีที่สีหน้ามืดครึ้ม ในใจอดกลัวไม่ได้

.......

ในห้องนอน ฉู่เนี่ยนซีกำลังเย็บแผลอย่างถนัดและละเอียด บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ นางห่อไหล่ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากทีหนึ่ง เย็บแผลต่อ

“เจ็บ.......” ทันใดนั้นคนบนเตียงร้องครวญครางไปทีหนึ่ง

ฉู่เนี่ยนซีตกใจ รีบตรวจสอบสถานการณ์ของนาง

“เจ็บ.......” ฉิงกุ้ยเหรินยังคงพึมพำอยู่ นี่ทำให้ฉู่เนี่ยนซีแอบรู้สึกไม่ดี

ร่างกายของนางกลับต่อต้านยาชา

หากเป็นเช่นนี้ต่อไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ฤทธิ์ยาชาก็จะไม่มีประโยชน์แล้ว

“แต่ว่า.......” ฉู่เนี่ยนซีมองดูเข็มห้ามเลือดบนร่างนาง “ยาชาไม่มีประโยชน์แล้ว หากฝังเข็มก็สามารถชายับยั้งความเจ็บได้ แต่เช่นนี้แล้วก็ไม่สามารถพึ่งเข็มห้ามเลือดแล้ว”

ก่อนหน้าที่นางยังไม่มา ฉิงกุ้ยเหรินก็มีการเสียเลือดแล้ว ระหว่างการผ่าตัดก็สูญเสียไปส่วนหนึ่ง หากเสียเลือดต่อไป ก็จำเป็นต้องถ่ายเลือดแล้ว

ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว ถอนหายใจ ความคิดเคลื่อนไหว หยิบถุงถ่ายเลือดและเข็มออกจากช่วงว่าง

เจาะเลือดจากร่างตัวเองก่อน600cc จากนั้นก็ถ่ายเลือดให้นาง ถึงได้ถอดเข็มเงินออกอย่างคล่องแคล่ว ฝังเข้าไปบนชีพจรอื่น

เนื่องจากเปลี่ยนการฝังเข็มไปในจุดชีพจรแก้ปวด คิ้วที่ขมวดแน่นของฉิงกุ้ยเหรินถึงได้คลี่คลายลง หยุดเสียงครวญคราง ถึงสีหน้าจะอ่อนเพลีย แต่กลับเงียบสงบลง

ฉู่เนี่ยนซีโล่งอก เย็บแผลต่อ

เนื่องจากการผ่าตัดต้องใช้สมาธิแน่วแน่ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะใช้กำลังไม่มาก แต่กลับสูญเสียพลังงานยิ่งเยอะ บวกกับฉู่เนี่ยนซีทำการถ่ายเลือดให้ฉิงกุ้ยเหริน เพราะฉะนั้นตอนนี้ยิ่งอ่อนเพลีย หน้าทั้งใบมีความซีดขาวอย่างผิดปกติ

เวลาผ่านไปทีละนิด เย็บแผลสิ้นสุดลง

ขนตายาวของฉิงกุ้ยเหรินสั่นเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าอันเย็นชาของฉู่เนี่ยนซี ถึงแม้บนหน้าจะมีแผล แต่ว่าฉู่เนี่ยนซีในตอนนี้กลับมีแสงอบอุ่นปกคลุมอยู่ ความงามที่อ่อนเพลีย

“ลูก.......”

“ท่านวางใจ เด็กแข็งแรงมาก” ฉู่เนี่ยนซียิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปาก

ขอบตาของฉิงกุ้ยเหรินอดร้อนขึ้นมาไม่ได้ พยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณ........”

ดวงตาสดใสของฉู่เนี่ยนซีกะพริบ สุดท้ายหน้ามืดสลบไปแล้ว

วินาทีที่หลับตา ได้ยินเพียงเสียงร้องอันอ่อนเพลียของฉิงกุ้ยเหริน จากนั้นก็คือใบหน้าอันงดงามและเต็มไปด้วยความห่วงใยของเย่เฟยหลี

........

ท้องฟ้าค่อยๆเข้าสู่ยามราตรี แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง จากเสียงเทียนที่สว่างเล็กน้อยทำให้ท่ามกลางความอ้างว้างมีความอบอุ่นเล็กน้อย

ฉู่เนี่ยนซีนอนอยู่บนเตียงนุ่ม คิ้วที่เหมือนดั่งพัดขนนกนั้นขยับเล็กน้อย นางเลียริมฝีปากที่แห้ง “น้ำ.......ดื่ม........”

ฉู่เนี่ยนซีพึมพำเบาๆ เย่เฟยหลีได้ยินเสียง รีบลุกขึ้นไปช่วยเทน้ำหนึ่งแก้ว

“มา น้ำ!” พูดไป เขาพยุงตัวฉู่เนี่ยนซีลุกขึ้นเบาๆ จากนั้นยื่นแก้วน้ำไปที่ข้างริมฝีปากนาง

ฉู่เนี่ยนซีดื่มไปสองคำ ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก็เห็นดวงตาคู่นั้นที่กังวลของเย่เฟยหลี

“ขอบคุณ!”

เย่เฟยหลีได้ยินเสียงแหบของนาง ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ดื่มอีกนิด”

ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้า ดื่มไปอีกหลายคำ

“ข้าไปเรียกคนเตรียมอาหาร!” เย่เฟยหลีให้ฉู่เนี่ยนซีนอนลง สั่งให้ขันทีไปเตรียมอาหารแล้วเดินกลับมาอีกครั้ง

“เจ้ามีที่ไหนไม่สบายหรือไม่!”

ฉู่เนี่ยนซีส่ายหน้า เผยอริมฝีปากเล็กๆ “ข้าไม่เป็นไร ก็แค่อ่อนเพลียเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น นี่พวกเราอยู่ในวังหรือ? ฉิงกุ้ยเหรินเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดี หมอหลวงตรวจแล้ว ไม่เป็นไร มิหนำซ้ำเพราะให้กำเนิดพระโอรส เพราะฉะนั้นได้ขึ้นเป็นตำแหน่งเฟยแล้ว” เย่เฟยหลีลังเลเล็กน้อย ถึงได้พูดต่อ “แต่ว่า วันนี้ที่ฉิงกุ้ยเหรินนั้นเจ้าใช้.......ถุงเลือดและสายนั้นมาจากไหน?”

ฉู่เนี่ยนซีอดตกใจไม่ได้ อาการนอนก็ลดลงไปทันที “อันนี้.......อันนี้......ข้าเอาเข้าไปก่อนหน้านี้!”

“เอาเข้าไป? พกติดตัว?” เย่เฟยหลีเงยหน้า สีหน้าไม่เชื่อ

ฉู่เนี่ยนซีอดจับจมูกไม่ได้ พยักหน้า “อืม! ใช่!”

“ก็ได้” เย่หลีเฟยกวาดสายตามองสายตาหลบซ่อนของนาง ถึงแม้จะสงสัย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามอะไร

เขารู้ว่าบนตัวฉู่เนี่ยนซีมีความลับที่เขาไม่รู้ เหมือนกับปลาในถ้ำที่ปรากฏอย่างไร้เหตุ สถานที่นั้นไม่มีลำธารเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปลาสดอะไรเลย

แล้วก็ฝีมือการแพทย์อันเก่งอาจที่เกิดขึ้นกะทันหันของนาง และนิสัยที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ถุงเลือดและสายที่ไม่รู้ใช้วัตถุดิบอะไรทำที่ใช้ในวันนี้ ยิ่งแปลกประหลาด

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำถาม! เพราะฉะนั้นเขาให้เวลานาง รอจนนางสามารถเล่าทุกอย่างนี้ให้เขาฟัง

ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกถึงแรงกดดันของความโกรธ ใจฝ่อเล็กน้อย จึงเปลี่ยนเรื่อง “ข้าหิวแล้ว อาหารจะมาเมื่อไหร่?”

“น่าจะใกล้แล้ว!”

เย่เฟยหลีเพิ่งพูดจบ เวลาเพียงไม่นาน นางกำนัลก็ยกอาหารเข้ามา

“อ๋องหลี พระชายาหลี อาหารเตรียมพร้อมแล้ว” พูดจบ นางกำนัลก็ถอนตัวออกไป

ฉู่เนี่ยนซีได้ยินแล้วกำลังจะลงจากเตียง รู้สึกเพียงร่างกายเบา ก็ล้มเข้าสู่อ้อมกอดของเย่เฟยหลีอย่างมั่นคง

“เจ้า......เจ้าปล่อยข้าลงมา ข้าเดินเองได้”

“หุบปาก!” เย่เฟยหลีน้ำเสียงต่ำ อุ้มนางไว้ในอ้อมกอด เดินทีละก้าวไปถึงหน้าโต๊ะ

ไม่รู้เพราะอะไร ได้ยินเสียงต่ำของเขา ฉู่เนี่ยนซีกลับอ้าปากอย่างไม่รู้ตัว

เนื้อปลาชิ้นหนึ่งเข้าปาก รสชาติอันสดเลิศรสเข้าสู่สิ้นของฉู่เนี่ยนซี อารมณ์ก็สวยงามขึ้นงาม

“อร่อย!”

เย่เฟยหลีมองดูท่าทางอันพอใจของนาง มุมปากก็อดมีรอยยิ้มขึ้นไม่ได้ คีบอาหารต่อ

“ครั้งต่อไปอย่าทำร้ายตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น!” เย่เฟยหลีพูดขึ้นกะทันหัน

ฉู่เนี่ยนซีปากคิ้วอาหารอยู่ ชี้ไปที่ผักที่อยู่ด้านข้าง เย่เฟยหลีเข้าใจก็คีบผักคำหนึ่ง

“นั่นคือลูกชายของฝ่าบาทคือน้องชายของเจ้า มิหนำซ้ำข้าเสียเลือดเล็กน้อย พวกเขาก็สามารถปลอดภัย เลือดไม่มีแล้วยังบำรุงกลับมาได้”

“นั่นก็ไม่ได้!” เย่เฟยหลีขมวดคิ้ว น้ำเสียงสูงขึ้นกะทันหัน “หากจะใช้เลือดก็ใช้ของข้า แต่เจ้าจะทำตัวเองเจ็บไม่ได้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี