พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 24

สรุปบท บทที่ 24 เจี่ยงเส้าหยุนหาเรื่อง: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี

สรุปเนื้อหา บทที่ 24 เจี่ยงเส้าหยุนหาเรื่อง – พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี โดย ชานมเปรี้ยว

บท บทที่ 24 เจี่ยงเส้าหยุนหาเรื่อง ของ พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี ในหมวดนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชานมเปรี้ยว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

"พี่สามฉลาดเลิศจริงๆ!"เย่ฉงเซิ่งมีชีวิตชีวาทันที สังเกตไปรอบๆเห็นแต่ว่ามีเพียงเหลียงหยวนคนเดียวที่คอยรับใช้อยู่ ก็ลดระดับเสียงถามว่า"ในจวนของเจ้า มีผู้หญิงที่สวยงามราวกับนางฟ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?"

เย่เฟยหลีตอบอย่างราบเรียบ"เจ้าพูดถึงซ่างกวนเย็นหรือ?เจ้าก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนาง เหตุใดถึง......"

"ไม่ใช่ซ่างกวนเย็น!"เย่ฉงเซิ่งขัดจังหวะพูดด้วยรอยยิ้ม และใช้มือวัด พร้อมอธิบายต่อ"สูงประมาณนี้ ค่อนข้างผอม ใส่ชุดกระโปรงสีขาว"

เย่เฟยหลีเลิกคิ้ว มองไปทางเหลียงหยวน เหลียงหยวนครุ่นคิดมาตั้งนาน แล้วส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด

เย่ฉงเซิ่งตะลึง จากนั้นตบขาทันที"งั้นต้องเป็นสาวใช้แน่เลย!แต่สาวใช้ในจวนของเจ้า......ก็มีจำนวนจำกัดสิ?ข้างๆของเจ้าไม่มีสาวใช้ งั้นก็เป็นของฝั่งพระชายาและแม่นางซ่างกวนแล้ว?เอ๊ะ แต่ก็ไม่ใช่นะ หากมีสาวใช้ที่หน้าตาสวยงามขนาดนี้ พวกเจ้าจะสังเกตไม่ได้อย่างไรได้ล่ะ?"

เย่ฉงเซิ่งพูดไปเรื่อยๆ และทำให้ตัวเองอ้อมเข้าไป ในสมองเหลือแต่หน้าตาที่งดงามของฉู่เนี่ยนซีอย่างเดียว ไม่สามารถหายไปได้ ราวกับเหล้าที่อร่อยแต่กินไม่ได้ เกาจนเขาหลงรักเข้าไป

เหลียงหยวนแอบมองท่านอ๋องของตัวเองทีหนึ่ง และรู้สึกจนปัญญาแทนเย่เฟยหลี

ถึงแม้องค์ชายเจ็ดคนนี้เป็นคนที่ไม่เป็นเรื่องที่สุดในองค์ชายทั้งหลาย ถึงแม้มีวิชาความรู้มาก แต่ปกติชอบออกไปเดินเที่ยวมากที่สุด เห็นแม่นางที่หน้าตาสวยงามก็จะท่องบทกลอนให้ฟัง ทำให้ฮ่องเต้ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้

มีแต่ต้องรอตอนที่ทนไม่ไหวแล้ว ใช้เหตุผลที่ไร้สาระ ให้เย่ฉงเซิ่งออกไปจากเมืองหลวงสักช่วงหนึ่ง เป็นการลงโทษ

ส่วนเย่เฟยหลีและเย่ฉงเซิ่งองค์ชายที่ไม่ได้เรื่องคนนี้ คนหนึ่งนิสัยเย็นชา อีกคนหนึ่งนิสัยร่าเริง ความชอบก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเป็นสองคนที่มีความสัมพันธ์ดีที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย

เห็นลักษณะที่ไม่ได้เรื่องของน้องชาย เย่เฟยหลีพลิกหนังสือหน้าหนึ่งอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และพูดว่า"ข้าว่าเจ้าน่าจะกินเหล้าจนเมาแล้ว ผู้หญิงในจวนของข้าล้วนมีการบันทึกเอาไว้ หากมีสาวใช้ที่ราวกับนางฟ้าในปากของเจ้าจริงๆ คนในจวนจะไม่รู้อย่างไรได้?"

ก่อนที่เย่ฉงเซิ่งมาที่นี่ได้กินเหล้าสองแก้วจริงๆ ตอนนี้แก้มแดงไปหมดแล้ว เขาหัวเราะคึกคักออกมา ยังคงพึมพำว่า"หรือว่าข้ามองผิดจริงๆ?"

"ใช่แล้ว เจ้ามองผิด"เย่เฟยหลีวางปากกาลง มองน้องชายที่ความคิดบินออกไปหานางฟ้าแล้ว พูดกับเหลียงหยวนว่า"คืนนี้เขาน่าจะไม่ยอมไปแล้ว หาห้องรับแขกให้เขาพักผ่อน อย่าให้เขากินเหล้าอีกแล้ว"

เหลียงหยวนตอบรับ แล้วหลอกองค์ชายคนนี้ไปห้องนอนสำหนับแขกอย่างคุ้นเคย

เรือนที่วุ่นวายนั้นก็กว่าจะสงบลง เย่เฟยหลีวางหนังสือในมือลง แล้วเป่าจนเปลวไฟที่ส่องแสงสว่างอยู่ดับ

ไม่ได้ใส่ใจคำพูดเมื่อกี้นี้ของเย่ฉงเซิ่ง นึกแค่ว่าเขาเมาเหล้าไป หลังจากกินลงที่ฉู่เนี่ยนซีผสมให้แล้วก็นอนหลับลงอย่างเงียบๆ

วันที่สอง คนพวกเย่เฟยหลีก็ขึ้นรถม้าที่ไปร่วมงานเลี้ยงในพระราชวัง

ฤดูร้อนของปีนี้มาถึงอย่างทันท่วงที ก่อนหน้านี้ยังฝนตกติดต่อกันเลย แต่วันนี้พอตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็แจ่มใสมาก จนถึงตอนเที่ยงวันก็ยังสดใสเหมือนเดิม ไม่เห็นเมฆสักก้อนเลย

ฉู่เยี่ยนซีเปิดผ้าม่านรถอย่างเงียบๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ดีนี้

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด อารมณ์ของนางไม่สามารถดีขึ้นมาได้เหมือนกับอากาศเลย มีของบางอย่างกดทับไว้ตลอด

ได้รับหนังสือหย่าแล้ว แต่ยังต้องรออีกเกือบปีถึงสามารถจากไปได้

ฉู่เนี่ยนซีแอบถอนหายใจออกมา เพิ่งจะวางผ้าม่านรถลง แต่กลับเผชิญกับดวงตาที่เรียวยาวคู่นั้นของเย่เฟยหลี

เย่เฟยหลีขี่ม้าไป อยู่แถวเดียวกับรถม้าของฉู่เนี่ยนซี ตอนนี้กำลังจ้องนางอยู่ เหมือนคิดอะไรอยู่

ตอนนี้พิษในร่างกายของเขาถอนออกหมดแล้ว สีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ

ตอนนี้ไปร่วมงานเลี้ยงของพระราชวัง ใส่ชุดหรูหรา มัดผมด้วยมงกุฎหยก ถึงแม้หล่อเหลาไม่มีใครเทียบเท่าได้ แต่บุคลิกของเขาเหมือนเต็มไปด้วยคำว่า"คนนอกห้ามเข้าใกล้"

แต่ฉู่เนี่ยนซีไม่หด้กลัวบุคลิกที่เย็นชาแบบนี้เลย เผชิญสายตาของเขาตรงๆ"เรื่องอะไร?"

"น้องสาวคนนี้คือพระชายาของอ๋องหลีใช่ไหม?อุ้ย ยังต้องเป็นงานเลี้ยงที่เสด็จแม่จัดเอง ถึงสามารถเชิญแขกที่ล้ำค่าอย่างน้องสาวมาได้เลยนะ"

นางเพิ่งวางแก้วเหล้าลง ข้างหูก็มีเสียงทักทายที่แปลกประหลาดส่งมาจากที่ไกลจนถึงที่ใกล้

ฉู่เนี่ยนซีควบคุมสีหน้าเอาไว้ หันไปมองคนที่มา ยิ้มมุมปาก"คนทั้งใต้หล้าล้วนเป็นขุนนางหรือไม่ก็ลูก งานเลี้ยงของราชวงศ์ จะมีแขกสำคัญที่ไหนได้ล่ะ"

คนที่มาคือเจี่ยงเส้าหยุน พระชายาของเย่เหลียน ผู้ซึ่งเป็นลูกชายคนที่สองของฮ่องเต้

ท่านปู่ของนางเป็นขุนนางร่วมสามราชวงศ์ เป็นตำนานแห่งโลกวรรณกรรม ส่วนพี่ชายของนางเติบโตในวัง เป็นเพื่อนเล่นของอ๋องเหลียน

เจี่ยงเส้าหยุนเป็นลูกสาวที่มีในตอนอายุมากของพ่อนาง หากพูดถึงความเย่อหยิ่ง คิดว่าเจ้าของร่างเดิมของฉู่เนี่ยนซียังไม่กล้าเป็นที่หนึ่งเลย

ส่วนเหตุใดนางถึงมาหาเนื้อตัวเอง......น่าจะเพื่อสามีของนาง เย่เหลียน ท่านอ๋องเหลียน

เย่เหลียนเป็นผู้ชายที่ชอบอำนาจ สำหรับผู้หญิงนั้นเขาไม่ได้ยึดติดเหมือนกับเย่ฉงเซิ่ง ดังนั้นตอนที่เขาแต่งงานกับเจี่ยงเส้าหยุน หลานสาวสุดที่รักของนายท่านเจี่ยง คนทั้งเมืองหลวงล้วนมองออกได้ว่าเขาเพื่ออำนาจในเบื้องหลังของตระกูลเจี่ยง

แต่เสียดายที่ มีเพียงเจี่ยงเส้าหยุนคนเดียวที่รู้สึกว่าเย่เหลียนแต่งงานกับนางเพราะรักนาง ไม่ว่าคนอื่นโน้มน้าวใจยังไง นางในฐานะที่ถูกครอบครัวดูแลอย่างดีมาตลอด จึงไม่มีความคิดอะไร เลยไม่ได้สงสัยแม้แต่นิด

เจี่ยงเส้าหยุนเดินส่ายหน้ามาถึงหน้าฉู่เนี่ยนซี หยิบมาใส่เหล้าขึ้น ถามด้วยรอยยิ้มที่ปลอมแปลง"น้องสาวพูดเก่งจริงๆเลย นี่ตรงกับสำนวนที่พูดว่า ผู้หญิงที่ฉลาดไม่สวย ผู้หญิงที่สวยไม่ฉลาดเลยนะ?"

ฉู่เนี่ยนซียิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการประชดว่านางหน้าตาขี้เหร่

เชอะ ยังนึกว่านางเป็นคนเดิมในเมื่อก่อนหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี