พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 31

สรุปบท บทที่ 31 อยากจะเป็นสหาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี

สรุปตอน บทที่ 31 อยากจะเป็นสหาย – จากเรื่อง พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี โดย ชานมเปรี้ยว

ตอน บทที่ 31 อยากจะเป็นสหาย ของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติเรื่องดัง พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี โดยนักเขียน ชานมเปรี้ยว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

จู่ๆสีหน้าของเชวียหนานคงก็แปรเปลี่ยนไป ยากที่จะคาดเดา เขาชะงักงันอยู่เป็นเวลานาน ถึงได้มองไปทางฉู่เนี่ยนซี แล้วกล่าวขึ้นว่า“เจ้ารู้จักเจ้าของของสถานที่แห่งนี้หรือ?”

มีบางคนชะโงกหน้ามอง อยากจะฟังว่าต่อไปพวกเขาจะคุยอะไรกัน แต่มีแขกเก่าบางคนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน รีบจูงลากคนที่มาใหม่ไป ส่ายหน้าอย่างมีเลศนัย ความหมายนั่นก็คือปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจ

ฉู่เนี่ยนซีส่ายหน้า มองการเคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบ และกล่าวว่า“นายของพวกเจ้าคือท่านไหนหรือ?เมื่อเขาเรียกข้าไป ข้าก็ต้องไปหรือ?”

“แน่นอนว่าเป็นเจ้าของของหอหุยหุ้น”ชายหน้ากากรูปหัววัวไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็เข้าใกล้ฉู่เนี่ยนซี ใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคนกล่าวอย่างต่อเนื่องว่า“เจ้าของบ่อนของพวกข้าตั้งใจเชื้อเชิญแม่นาง ถ้าแม่นางรู้สึกว่าไม่เหมาะสม สถานที่นัดพบ แม่นางสามารถเป็นผู้กำหนดมาได้เลยขอรับ”

ใบหูของหยูเป่ยกระตุก มองไปทางคนที่มาด้วยความตื่นตะลึง

การแต่งกายเป็นชายในวันนี้ของฉู่เนี่ยนซีไม่มีพิรุธเลยแม้แต่น้อย พวกเขาดูออกได้อย่างไรกัน?

หัวใจของฉู่เนี่ยนซีหยุดเต้นชั่วขณะหนึ่ง พยายามกล่าวอย่างสบายๆขึ้นว่า“เช่นนั้นก็นัดที่ หอจุ้ยเยว่ตรงตอกด้านข้าง เป็นอย่างไร?”

ชายหน้ากากรูปหัววัวทำความเคารพอีกครั้ง จากนั้นขยับไปอยู่ด้านข้าง ทำท่าผายมือ“เชื้อเชิญ” ราวกับว่ารู้ว่านางจะต้องตัดสินใจเช่นนี้นานแล้ว

สถานที่แห่งนี้ น่าสนใจกว่าที่ตัวเองคิดจินตนาการไว้มาก

ฉู่เนี่ยนซีไม่รู้ตัวเองเลย ว่าตอนนี้ริมฝีปากของตัวเองมีรอยยิ้มของความกดดันและการเฝ้ารอคอยปรากฎออกมา

นางเพิ่งจะสาวเท้าเดิน ก็ได้ยินบริเวณประตูมีเสียงแหลมร้องอย่างน่าสมเพชดังมา

ทุกคนทยอยชะโงกมอง เมื่อมองภาพบริเวณประตูชัดเจนแล้ว ต่างอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือกเข้า

เจ้าที่กับลูกน้องจำนวนหนึ่งเมื่อสักครู่นี้ ถูกคนกดลงอยู่บนพื้นหน้าประตู มีดอันคมกริบยกขึ้น และสับขาแขนของคนเหล่านั้นอย่างง่ายดาย

และหนึ่งในคนที่ถูกตัดขามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก นั่นก็คือคนคนนี้สวมใส่ชุดสมุนของ หอหุยหุ้นและคนคนนี้เป็นคนที่ทำร้ายผู้ชายสวมชุดสีขาวก่อนหน้านี้

ชายหน้ากากรูปหัววัว ยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าภาพตรงหน้านี้เป็นเรื่องปกติ จากนั้นยิ้มและกล่าวพูดกับฉู่เนี่ยนซีว่า“คุณชายน้อยอย่าได้ตำหนิเลย เจ้าของบ่อนของพวกข้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวน เขาชอบตัดแขนตัดขา นั่นเป็นเรื่องง่ายดาย”

การเฝ้ารอคอยที่มีความกดดันของฉู่เนี่ยนซีเมื่อสักครู่นี้หายไปในทันที

เสียงเพลงด้านในหอจุ้ยเยว่ดังขึ้น ฉู่เนี่ยนซีนั่งอยู่ด้านในห้องชั้นสอง จากนั้นเอาเทียนมาจุดเพื่อให้แสงเปล่งประกาย

เสียงประตูลั่นดังเอี๊ยดขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งคลุมผ้าทั้งตัวก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามา คนที่อยู่ด้านนอกรีบปิดประตูทันที แล้วเฝ้าดูอยู่ข้างนอกไม่ห่าง

ฉู่เนี่ยนซีไม่พูดไม่จาจ้องมองเขาที่เดินมาหาตัวเอง นางพยายามอดทนข่มความวู่วามที่อยากเปิดหมวกเขาขึ้น รอจนเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง นางถึงได้พบว่า ผู้ชายคนนี้ สูงและผอมมาก

กลิ่นอายหอมกรุ่นบนตัวของเขาลอยมา ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วเป็นปม กล่าวว่า“ท่านเป็นเจ้าของบ่อนตัวจริงหรือตัวปลอมกัน?”

คนที่มายิ้ม แล้วกล่าวว่า“ถามได้ดี ข้าคาดเดาว่าคนอย่างท่านก็ไม่คู่ควรที่จะต้อนรับขับสู่ตัวปลอมหรอก แม่นางฉลาดเช่นนี้ ข้าก็ไม่กล้าดูแคลน พูดถึงสาเหตุที่ท่านมาที่นี่เถอะ”

“มาที่บ่อนแน่นอนว่ามาหาตั๋วเงิน”

ใบหน้าของฉู่เนี่ยนซียังคงสวมใส่หน้ากาก ทว่าน้ำเสียงกลับสุกสกาวอย่างมาก“แต่ข้าอยากรู้ว่าท่านเจ้าของบ่อนเรียกข้ามานี้มีจุดมุ่งหมายอะไรกันหรือ”

“แม่นางช่างเป็นคนปากเร็วใจถึงเสียจริง แม่นางมีทักษะด้านการพนัน ข้าอยากจะเป็นสหายกับท่าน”

“เจ้าเอ่ยวาจาเกรงใจกันเกินไปแล้ว เอาอย่างนี้ละกันเจ้าพูดราคามาเลย ข้าจะซื้อบ่อนนี้ เป็นอย่างไร?”

เหมือนเจ้าของบ่อนชะงักงัน จากนั้นหัวเราะมีเสียงออกมาเบาๆ

ฉู่เนี่ยนซีเองก็ไม่รีบร้อน นางไปนั่งลงที่โต๊ะตรงด้านข้าง เพื่อรอคำตอบของเขา

เจ้าของบ่อนเดินเตร่อยู่ในห้องช้าๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นกล่าวขึ้นว่า“เจ้าไม่รู้ประวัติที่ไปที่มาของฝ่ายตรงข้าม เจ้ากล้าซื้อบ่อนนี้ได้อย่างไร หรือไม่กลัวว่าข้าจะแอบทำการค้าที่ไม่ดีเลย?”

ฉู่เนี่ยนซีเทน้ำชาเอง กล่าวขึ้นว่า“ไม่ว่าเจ้าจะทำการค้าอะไร ทั้งหมดก็เพื่อหารายได้ ข้าแค่ชอบตั๋วเงินเท่านั้นเอง”

เจ้าของบ่อนหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา กล่าวว่า“ได้! สมกับเป็นสหายที่ข้าถูกใจ! แต่ข้าเปิดในเมืองไม่ใช่เพียงแค่บ่อนนี้ มิสู้แม่นางซื้อที่อื่นก่อน จากนั้น….”

“ข้าต้องการหอหุยหุ้นของเจ้า เจ้าพูดราคาออกมาเลยเถอะ”

ฉู่เนี่ยนซีกล่าวออกมาตามตรง ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยแม้แต่น้อย

เจ้าของบ่อนกล่าวพูดได้เพียงครึ่งหนึ่ง แล้วหยุดชะงักไปก่อน จากนั้นพยักหน้ากล่าวว่า“ได้ แต่ข้าชอบพนัน แม่นางต้องพนันกับข้า ถ้าแม่นางชนะ ไม่ต้องจ่ายตั๋วเงินเพื่อซื้อบ่อนการพนันนี้ มันจะตกเป็นของเจ้าเลย”

ฉู่เนี่ยนซีหรี่ตาปริบๆ ไม่ได้ตอบรับ แต่อดใจรอฟังคำพูดถัดมาของเขา

“ถ้าหากแม่นางแพ้ เช่นนั้นต่อไปแม่นางจะต้องฟังคำสั่งข้า”

ฉู่เนี่ยนซีคิดไม่ถึงว่าการพนันของเขาจะเป็นเช่นนี้ นี่คือการใช้ความเป็นอิสระของนางมาเดิมพันเลยนะ

แต่ไม่ว่าจะเดิมพันด้วยอะไร เขาก็จะต้องแพ้ นางจึงตอบว่า“ได้!”

“ดี! ”เจ้าของบ่อนตบลงที่โต๊ะ แล้วเรียกคนเอาอุปกรณ์การเล่นพนันมา“อีกประเดี๋ยวคนที่ควบคุมลูกเต๋าจะนั่งตรงกลางนักดนตรีนางระบำ แค่เจ้าทายถูก ก็ถือว่าเจ้าชนะ เป็นอย่างไร”

เจ้าของบ่อนชะงักงันเล็กน้อย ถามว่า“เจ้าไม่ต้องการให้ข้าทิ้งหลักฐาน เขียนลงนามลายลักษณ์อักษรหรือ?”

ฉู่เนี่ยนซีหันหลังอยู่กล่าวว่า”คนที่ไม่มีสัจจะ ไม่สามารถทำให้หอใหญ่ได้เช่นนี้หรอก”

เมื่อเห็นเงาร่างของนางหายไปจากประตู เจ้าของบ่อนเลยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงตรงจุดที่นางนั่งเมื่อครู่นี้

ชายหน้ากากรูปหัววัวพาชายหน้ากากรูปหัวม้า สองคนเข้ามา ถามด้วยความประหลาดใจขึ้นว่า“นายท่าน พวกเราจะต้องเอาบ่อนนี้ให้ผู้หญิงคนนี้จริงๆนะหรือขอรับ?”

เจ้าของบ่อนถอดหมวกออกช้าๆ ใบหน้าเฉิดฉายออกมา คิดไม่ถึงว่าจะหล่อเหลามาก“แน่นอน เมื่อสมัยนั้นพวกเราก่อสร้างบ่อนนี้ ไม่ใช่ว่าทำเพื่อรวบรวมข่าวสารหรือ? ตอนนี้นักสืบและคนที่คอยเป็นหูเป็นตาอยู่ทั่วเมืองแล้ว และหอนี้ถูกคนเล็งไว้นานแล้ว เมื่อเอาหอนี้ให้กับพระชายาหลี ไม่ใช่ว่ามันตรงความต้องการของพวกเราแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว คนอื่นล่ะ”พูดแล้วเจ้าของบ่อนเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เลยถามขึ้น

“เรียนนายท่าน ได้กลับไปแล้ว”

“บาดแผลล่ะ?”

“เป็นการบาดเจ็บภายนอกค่อนข้างมาก ไม่ได้มีอันตรายอะไรขอรับ”

เจ้าของบ่อนได้ยินดังนี้ เลยล้างชาอย่างต่อเนื่อง ดูไม่ออกว่าโกรธหรือดีใจ

ฉู่เนี่ยนซีกลับมาถึงหอร้องรำได้ไปหาฉูเป่ย มองบริเวณโดยรอบ แล้วสั่งกำชับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“กลับไปกำชับฉูหนานด้วย นิสัยกล้าหาญของเขาจะต้องควบคุมไว้บ้างละ ช่วงนี้สถานที่ที่ไม่ควรไปก็อย่าไป ข้าไม่ได้กินเชอรี่ทอดของถนนตงเจียวันหนึ่งก็ไม่ตายหรอก”

หยูเป่ยตอบรับอย่างเข้าใจ อีกทั้งอดกลั้นขำไว้ไม่ได้

อยู่ด้วยกันมาหลายวัน เขาพบว่าพระชายาของตัวเองปากแข็งใจอ่อนจริงๆ มีบางครั้งนิสัยยังน่ารักเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าตัวนางเองจะไม่รู้ตัว

ฉู่เนี่ยนซีตรวจสอบดอกผลที่ได้มาในค่ำคืนนี้ นางมองตั๋วเงินกองหนึ่งหนาเตอะ อารมณ์เลยดีขึ้นมาบ้าง ภารกิจนางสำเร็จ ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมตัวจะกลับ จู่ๆด้านหลังก็มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่หน้าประตูหอร้องรำ

ผู้ชายคนหนึ่งสวมหมวกกระโดดลงมาจากรถม้า

จิตใต้สำนึกของฉู่เนี่ยนซีสั่งให้นางหลบทาง แต่วินาทีที่ทั้งสองเฉียดไหล่ผ่านไป ผู้ชายคนนั้นชะงักงัน จากนั้นจับที่ข้อมือนางทันที!

หยูเป่ยกำลังจะมาขวางอยู่ตรงหน้า เมื่อมองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน กลับเห็นผู้ชายคนนี้เปิดหมวกขึ้น สีหน้าท่าทางราวกับสามารถทำให้ตรอกแห่งนี้เป็นน้ำแข็งได้

เย่เฟยหลี!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี