พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 34

“ช้าก่อน!”

ฉู่เนี่ยนซีตะโกนเสียงดังด้วยความร้อนใจ เพื่อห้ามหยูเป่ย นางหลุบตามองเย่เฟยหลี แล้วกล่าวว่า“ท่านใจเย็นๆ นี่ข้าเอง”

เหงื่อของเย่เฟยหลีไหลตามขอบหน้าผาก เสื้อสีขาวเปียกชื้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ นัยน์ตาดุจหงส์คู่นี้ล่องลอยอยู่เป็นเวลานานถึงได้สติกลับมา จากนั้นค่อยๆเอากริชออกจากคอของฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีส่งสายตาให้หยูเป่ย หยูเป่ยถอยออกไปเงียบๆ แล้วปิดประตูอีกครั้ง

“ฝันร้ายแล้วก็ผ่อนคลายช้าๆ ไม่ต้องรีบกลับ”

ฉู่เนี่ยนซีกล่าวอย่างราบเรียบ พร้อมกับอ้อมเขาไปและลงจากเตียง นางมองกระจก และคิดว่าโชคดีแล้วที่เมื่อคืนนางไม่ถอดชุด เพื่อตอนเช้าจะได้หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เย่เฟยหลีหลับตาไม่ได้กล่าวพูดอะไร เพียงแค่หายใจช้าๆ ฉู่เนี่ยนซีสามารถมองเห็นแผ่นหลังที่กระเพื่อมของเขาจากในกระจก

เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ทั้งสองคนถึงได้สวมใส่หมวกอีกครั้ง แล้วพากันเข้าไปนั่งในรถม้าที่เหลียงหยวนเอามาคันใหม่

เย่เฟยหลีกลับมามีท่าทางเย็นชาตามแบบฉบับท่านอ๋องดังเดิมแล้ว

ฉู่เนี่ยนซีรู้ว่านางเห็นด้านเปราะบางอ่อนแอของเขาเมื่อสักครู่นี้ นางเข้าใจเลยไม่ถามเรื่องนี้ขึ้นอีก นางยันคางมองทิวทัศน์ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง

เย่เฟยหลีเหลือบมองนาง เห็นท่าทางไม่ยี่หระของนาง เลยกล่าวอย่างราบเรียบว่า“เจ้านี่ใจเย็นเสียจริง”

“ไม่ใช่ว่าแค่กริชมานาบอยู่บนคอหรือ? มีอะไรที่จะต้องตกใจ”

ตอนนั้นที่นางถูกจับเป็นเชลยอยู่บนสนามรบ ทหารศัตรูยังเอาระเบิดc4มัดอยู่บนเอวนางเลย เมื่อเปรียบเทียบครั้งนั้น อาวุธเหล่านี้ถือว่าเป็นอะไรกัน มันธรรมดามาก

เย่เฟยหลีขมวดคิ้วเป็นปม กล่าวว่า“ดูอย่างนี้แล้ว เจ้าไม่กลัวตายเลย”

“ตอนนั้นกลัวตายก็ไม่มีทางอภิเษกสมรสกับท่านหรอก”

“ตอนนั้นไม่กลัว ตอนนี้กลัว เพราะฉะนั้นเลยต้องการหนังสือหย่าร้าง?”

ฉู่เนี่ยนซีดึงมือที่ดันคางกลับมา และรู้สึกว่าคนคนนี้ทำไม่ถึงได้เอะอะโวยวายขนาดนี้”ท่านพูดมากเสียจริง ต่อไปก่อนนอนดื่มซุปสงบจิตเยอะๆนะ ลดการนอนฝันร้าย!”

พูดจบ นางจึงเบนสายตาหนี มองทิวทัศน์ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง ไม่สนใจเย่เฟยหลีแล้ว

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ตอนที่นางจะลืมเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกัน ก็ได้ยินฝ่ายตรงข้ามตอบมาเบาๆว่า“ได้”

น้ำเสียงทุ้มต่ำมาก ทำให้คนจิตใจเป็นสุขมาก คนที่พูดเหมือนกับหินก้อนหนึ่งหล่นลงพื้น คิดไม่ถึงว่านางจะรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาไพเราะ

ฉู่เนี่ยนซีหาวนอน คิดว่าเมื่อคืนตัวเองจะต้องนอนไม่พอแน่นอนเลย ความง่วงทำให้ความสามารถการได้ยินกับการวิเคราะห์ของนางลดลง

ด้วยเหตุนี้พอกลับไปถึงจวน นางเลยปิดประตูเรือนเข้า และอนุญาตให้พวกเสี่ยวเถาอยู่ด้านนอกรับหน้าการมาหาข้อมูลของคนใช้ของซ่างกวนเย็น และส่วนตัวเองเข้าไปพักผ่อน

ส่วนด้านของเย่เฟยหลี พอกลับมาก็หมกตัวอยู่ด้านในห้องตำรา จนกระทั่งอาหารมื้อเที่ยงที่ยกเข้าไปก็กินไม่กี่คำ

เมื่อเหลือบมองตะวันจะตกดิน หนึ่งวันจะผ่านไปแล้ว

เหลียงหยวนทอดถอนหายใจออกมาหนักๆ รู้สึกว่าท่านอ๋องของตัวเองยุ่งงานราชจนลืมกินอาหาร  เกรงว่าร่างกายของเขาที่เพิ่งจะหายดีรับไม่ไหว

ท้องฟ้าใกล้จะมืดมิด ซ่างกวนเย็นพาสาวใช้ยกถาดเดินมา เมื่อเห็นเหลียงหยวน เลยยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ลำบากเจ้าแล้ว ข้าเห็นท่านพี่หลีไม่กินอะไรเลยทั้งวัน เพราะฉะนั้นข้าเลยลงมือทำอาหารมา”

ในที่สุดคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเหลียงหยวนก็คลายออก

ถ้าบอกว่าทั้งจวนนี้ใครเข้าใจท่านอ๋องที่สุด คาดว่าคงเป็นซ่างกวนเย็นที่อยู่ตรงหน้านี้ เหลียงหยวนเอียงตัว ให้นางยกอาหารเข้าไปด้านใน

โต๊ะของเย่เฟยหลีเต็มไปด้วยตำรา บนพื้นยังกระจัดกระจายตำราโบราณบางส่วน พอเงยหน้าเห็นซ่างกวนเย็นมา แถมยังมีกลิ่นหอมตลบอบอวลของอาหาร จู่ๆอารมณ์หงุดหงิดจากงานก็คลายลงมาบ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี