พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 38

ซ่างกวนเย็นเช็ดซับน้ำตา เฟยจู้เอาชุดคลุมคลุมบนร่างกายนาง กล่าวพูดเกลี้ยกล่อมว่า“แม่นางอย่าเสียใจเลยเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่าเมื่อคืนพระชายาย่างแกะดื่มเหล้าสำราญใจในจวน คาดว่าท่านอ๋องก็ไม่ค่อยได้เจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยนัก พอได้ยินเสียงเลยไปดู ก็เลยถือโอกาสค้างคืนที่นั่นเจ้าค่ะ”

“ใช่สิ ถือโอกาส”

ซ่างกวนเย็นกำหมัดแน่น ปลายเล็บแทบจะจิกบริเวณฝ่ามือให้เลือดไหล กล่าวว่า“ความสนุกครึกครื้นนี้ ท่านพี่หลีเลยค้างคืนที่เรือนท่านพี่หญิง เดิมทีข้าเองก็อยากไป แต่รอความว่างเปล่าทั้งคืน ก็ไม่ได้มีคนมาแจ้งข้า ข้า…ข้าจะต้องทำอะไรผิด จนทำให้ท่านพี่หญิงไม่พอใจเป็นแน่”

เย่ฉงเซิ่งชะงักงันอยู่สักพักหนึ่งถึงได้สติกลับมา เมื่อคืนเย่เฟยหลีนอนอยู่บนเตียงซ่างกวนเย็นครึ่งค่อนคืน จากนั้นวิ่งไปหาพระชายาหลีหรือ?

ท่านพี่สามรู้สึกดีเช่นนี้กับฉู่เนี่ยนซีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เขาฟังเฟยจู้พูดอีกว่า“แม่นางจะต้องดูแลสุขภาพตนเองให้ดีนะเจ้าคะ พระชายากลั่นแกล้งแม่นางตลอด ไม่แน่วันนี้อาจจะหาสาเหตุอะไรมาหาเรื่องแม่นางก็ได้นะเจ้าคะ!”

ซ่างกวนเย็นรีบห้ามไว้ว่า”เฟยจู้ นางคือท่านพี่หญิง ข้าเป็นน้อง ข้าสามารถเข้ามาในจวนอ๋องหลีได้ก็เพราะท่านพี่หลีเอ็นดู เจ้าอย่ามาพูดลับหลังท่านพี่หญิงเช่นนี้เด็ดขาด นางเป็นพระชายา ส่วนข้าเป็นเพียงนางสนม จะต้องฟังการอบรมสั่งสอนของนางถึงจะถูก”

พอดีกับน้ำเสียงอันนุ่มนวลของนางวนรอบปลายประสาทของชายหนุ่ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่ฉงเซิ่งผู้ซึ่งชอบสาวงาม พอนางพูดเช่นนี้ เย่ฉงเซิ่งยิ่งรู้สึกว่าไม่สมควรแทนนางเลย

สำหรับผู้ชายสำมะเลเทเมาทั้งวันเยี่ยงเขา เรื่องความรู้สึกเป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ เย่ฉงเซิ่งรู้สึกว่าตัวเองดื่มซุปสร่างเมาได้ถูกเวลาจริงๆ หลังจากปลอบประโลมซ่างกวนเย็นแล้ว เขาสาวเท้าเดินไปทางห้องตำราของเย่เฟยหลี

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกไปไกลแล้ว เฟยจู้เลยทอดถอนใจอย่างโล่งอก แล้วหันไปพยักหน้าให้ซ่างกวนเย็น

ซ่างกวนเย็นรีบซับน้ำตา กลับไปที่ห้องตนเองกับเฟยจู้ นางกำหมัดแน่นกล่าวว่า“เฟยจู้ ข้าอยากจะเอากริชไปแทงนางให้ตายเสียจริงๆ แค่ฆ่านางได้ ข้าตายก็ตายตาหลับแล้ว!”

“แม่นางอย่าพูดคำอัปมงคลเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ!”เฟยจู้รีบเกลี้ยกล่อม“เมื่อคืนไม่ใช่ว่าเข้านอนเป็นเพื่อนแม่นางแล้วถึงไปหรือเจ้าคะ อีกอย่าง ไม่แน่บาดแผลอันยาวนานของท่านอ๋องอาจกลับมาเป็นใหม่ถึงได้ไปที่เรือนนั้น แม่นางอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พิษที่ยังตกค้างอยู่ของเขาได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อให้บาดแผลเก่าอาการกำเริบก็แค่บาดเจ็บภายนอก เรียกหมอในจวนมาตรวจดู….”

เฟยจู้กัดเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้สึกไม่พอใจแทนซ่างกวนเย็นที่ถูกกระทำแบบนี้จริงๆ แต่ปากกลับทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมอย่างต่อเนื่องว่า“แม่นางอย่าร้องไห้เจ้าค่ะ ท่านอ๋องดีกับท่านมากเช่นนี้ คือมีความรักอยู่นะเจ้าคะ อีกอย่างท่านสวยงามขนาดนี้ อย่าดูถูกตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

“ไม่ ไม่….เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าไม่เข้าใจหรอก!”ซ่างกวนเย็นกวาดจอกน้ำชาบนโต๊ะลงพื้น เสียงเครื่องเคลือบแตกกระจุยกระจายดังชัดเจนออกมาด้านนอกในยามเช้า

เฟยจู้ไม่เข้าใจ คนอื่นต่างไม่เข้าใจ มีแค่ตัวซ่างกวนเย็นเองที่เข้าใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะนางขวางกระบี่นั่นแทนเย่เฟยหลีครั้งนั้น เย่เฟยหลีไม่มีทางที่จะสนใจอะไรนางมากมายหรอก และยิ่งไม่มีทางรับนางเข้าจวน ปฏิบัติกับนางอย่างนุ่มนวลเช่นนี้ด้วย

ซ่างกวนเย็นสายตาเย็นชานั่งอยู่ข้างเตียง ปอยผมหลุดรุ่ยลงมา สะท้อนให้เห็นความอึมครึมไร้ความสดใสในดวงตาคู่สวยของนาง

เย่เฟยหลีปฏิบัติกับนาง เพราะบุญคุณมากกว่ารัก

บุญคุณสามารถสร้างขึ้นมาได้ จนกระทั่งสามารถทำมันขึ้นมาให้มันเป็นจริงได้ แต่ความรักทำได้เพียงแสดงออกมาด้วยตนเอง ไม่สามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้

แล้วหากเย่เฟยหลีรู้สึกดีกับฉู่เนี่ยนซีจริงๆ…..

ซ่างกวนเย็นหลับตาลง รู้สึกว่าความเกลียดชังเหมือนเข็มเหล่านั้นในมือฉู่เนี่ยนซี ทั้งเล็กทั้งละเอียดแทงเข้ามาที่หัวใจนาง

ริมสระน้ำ

เย่ฉงเซิ่งเดินอย่างรีบร้อน เขาเป็นองค์ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่อาจไปถกเถียงกับฉู่เนี่ยนซีได้ เรื่องนี้ทางที่ดีจะต้องคุยกันกับเย่เฟยหลีต่อหน้า

แต่ไม่รอเขาเดินถึงเรือนของเย่เฟยหลี ก็ปะทะหน้าเจอเข้ากับฉู่เนี่ยนซีที่เดินกินขนมฝูหรงในมืออยู่

ตอนที่เห็นฉู่เนี่ยนซี เย่ฉงเซิ่งใจลอยทันที ถ้าไม่ใช่ว่าฉู่เนี่ยนซีหันใบหน้าด้านที่มีรอยแผลเป็นมา เขามองแค่เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของนาง แทบจะคิดว่าวันนั้นตอนที่ไล่ตามแมวอยู่จวนอ๋องหลีได้พบเจอเข้ากับนางฟ้านางสวรรค์ และได้กลับมาอยู่ตรงหน้าตนเองอีกครั้งแล้ว

น่าจะเป็นเพราะดื่มเหล้าหนัก เมื่อคืนยังโมโหกับท่าทางของเย่เหลียนอีกด้วย เย่ฉงเซิ่งสะบัดศีรษะ พยายามให้ตัวเองได้สติกลับมา

ไม่สิ! นางฟ้าในคืนนั้นผิวพรรณผุดผ่องอย่างนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นฉู่เนี่ยนซีแน่นอน!

ฉู่เนี่ยนซีเห็นเขา นางเพียงพยักหน้า ไม่ได้หยุดฝีเท้า นางมุ่งตรงเดินไปเรือนของตนเองเลย

ถึงแม้ว่าเย่ฉงเซิ่งจะไร้สาระ แต่โชคดีว่าเป็นองค์ชายคนหนึ่ง เขาเติบโตในพระราชวังโดยชอบธรรม ต่อให้มีคนไม่ชอบเขา ก็ไม่เคยมีคนประพฤติชุ่ยๆเช่นนี้กับเขามาก่อน เขาไม่พอใจขึ้นมาทันที เลยขวางหน้าฉู่เนี่ยนซีไว้ด้วยท่าทางองอาจเย็นชา

ฉู่เนี่ยนซีโยนขนมฝูหรงชิ้นหนึ่งเข้าปาก กล่าวอย่างราบเรียบว่า“ท่านอ๋องเจ็ดมีอะไรที่จะชี้แนะหรือเพคะ?”

“มีอะไรจะชี้แนะหรือ? ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องควรที่จะอยู่ร่วมกันด้วยสันติ ท่านเป็นพระชายา ยังหาเรื่องนางอยู่ กลั่นแกล้งดูถูกนาง ท่านเอาแม่นางซ่างกวนไว้จุดไหนกัน?”

ฉู่เนี่ยนซีฟังและหรี่ตาปริบๆ กล่าวว่า“อ้อ แล้วอย่างไรเพคะ?”

ท่าทางเช่นนี้ของนางกระตุ้นความเดือดดาลเย่ฉงเซิ่งแล้ว เขารูดแขนเสื้อพูดเสียงดังขึ้นว่า“ข้าเคยเห็นผู้หญิงไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลที่ทำเพื่อให้พระสวามีอยู่ห้อง คิดไม่ถึงว่าท่านจะกล้ากระทำเช่นนี้ในเรือน? กล้าขุดเอาคนออกมาจากเตียงคนอื่น?”

ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วเป็นปม กล่าวว่า“ที่แท้เมื่อคืนนี้เย่เฟยหลีค้างคืนอยู่กับซ่างกวนเย็นหรือ? เพราะฉะนั้น แล้วอย่างไรหรือ?”

“แล้วอย่างไร”เพราะฉะนั้นแล้วอย่างไร?”พูดตามมาติดๆถึงสองหน เย่ฉงเซิ่งหัวเราะเย็นชากล่าวว่า“เพราะฉะนั้นท่านไร้เหตุผลมาก!”

“ท่านไร้เหตุผลมากกว่า ช่วงเที่ยงกลางวันแสกๆวิ่งเตร่มาจวนคนอื่น แล้วตำหนิเรื่องบนเตียงของคนอื่นในจวนคนอื่นเช่นนี้”

ฉู่เนี่ยนซีหน้านิ่งมองเย่ฉงเซิ่งที่สีหน้าแย่ขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกว่าเย่เฟยหลีเป็นบุคคลชาญฉลาดเช่นนี้ ทำไมถึงได้มีน้องชายโง่เขลาที่ไม่ว่าคนพูดอะไรมาก็เชื่ออย่างนั้นได้นะ

“เมื่อคืนข้าย่างขาแกะ เดิมก็ไม่ได้มีส่วนของเย่เฟยหลี ถ้าท่านว่างขนาดนี้ น่าจะลองไปจ่ายตั๋วเงินที่ค้างค่าเหล้าที่หอจุ้ยเยว่ดูนะ”

เย่ฉงเซิ่งมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ในความทรงจำตอนนางบอกว่าต้องการอภิเษกสมรสกับเย่เฟยหลี ขอร้องอ้อนวอนจะเป็นจะตาย จนกระทั่งโวยวายจนถึงฉู่กุ้ยเฟยที่อยู่ในวังเลย

เหตุใดพออภิเษกสมรสแล้ว ก็พูดออกมาได้ว่าย่างขาแกะ นางไม่ได้คิดที่จะเชื้อเชิญเย่เฟยหลีมากิน?

นี่ใช่คนเดียวกันหรือไม่?

“คืนนั้นข้าเห็นท่านไปปรากฎตัวที่หอร้องรำกับคนรับใช้ แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงท่านพี่สามของข้าจะทำอย่างไร! เป็นถึงพระชายา คิดไม่ถึงว่าจะไปสถานที่เช่นนั้นอย่างเปิดเผย ท่านรู้จักอายหรือไม่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี