พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 40

สรุปบท บทที่ 40 งานเลี้ยงของจวนเฉิงเซี่ยง: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี

สรุปตอน บทที่ 40 งานเลี้ยงของจวนเฉิงเซี่ยง – จากเรื่อง พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี โดย ชานมเปรี้ยว

ตอน บทที่ 40 งานเลี้ยงของจวนเฉิงเซี่ยง ของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติเรื่องดัง พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี โดยนักเขียน ชานมเปรี้ยว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ผ่านไปอีกไม่กี่วัน อากาศช่วงเดือนแปดไม่เย็นลงเลย กลับกันมันร้อนขึ้นทุกวันๆ

ครั้งแรกที่ฉู่เนี่ยนซีสัมผัสกับช่วงฤดูร้อนที่ไม่มีพัดลมไม่มีแอร์ ทุกวันจะต้องใส่เสื้อหลายชั้น เพราะฉะนั้นนางเลยถูกอุณหภูมิสูงๆทำให้อ่อนล้า ไม่ค่อยอยากอาหาร และไม่ค่อยออกไปข้างนอก

เย่เฟยหลียังมีความสงสัย ว่านางได้รับพิษอะไรเหมือนเขาหรือไม่

ฉู่เนี่ยนซีได้ยินก็ทำได้แต่กลอกตาขาวมองบนในใจ ความสุขของคนยุคปัจจุบัน พวกท่านไม่เข้าใจหรอก

ทางด้านบ่อนค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้น บวกกับนางแอบตรวจสอบการค้าสมุนไพร ทุกวันจะมีข่าวสารที่แตกต่างกันออกไปมาส่งให้

ตอนนี้การค้าของฉู่เนี่ยนซีต่างย้ายมาทำช่วงตะวันตกดินแล้ว

เดิมทีในช่วงกลางวันนางเตรียมจะอยู่ที่พลับพลาและริมทะเลสาบตลอดช่วงฤดูร้อนไม่ไปไหน

แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฉู่เฉิงเซี่ยงส่งคนมา บอกว่าขาของพี่ใหญ่ ฉู่เจี้ยนอี้ฟื้นฟูแข็งแรงแล้ว อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งขุนนางระดับห้า หลังจากนั้นสามวันจะจัดงานเลี้ยงที่จวนเฉิงเซี่ยง เทียบเชิญได้ส่งมาถึงเย่เฟยหลีแล้ว

นึกถึงตนเองไม่ได้กลับจวนเฉิงเซี่ยงนานแล้ว ตอนนี้ขาท่านพี่ใหญ่หายดี ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกดีใจกับฉู่เจี้ยนอี้ด้วย

เพราะฉะนั้นเลยตามเย่เฟยหลีกลับจวนฉู่เฉิงเซี่ยงด้วย สีหน้าท่าทางก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่ากว่าในวันปกติที่ราบเรียบมาก

ครั้งนี้ นางไม่ได้ปฏิเสธการนั่งรถม้าคันเดียวกับเย่เฟยหลีซ่างกวนเย็น

ด้านหน้าประตูจวนฉู่เฉิงเซี่ยง ถึงแม้จะเข้มงวดไม่สามารถดูหมิ่นเฉกเช่นวันปกติ แต่ฉู่เจี้ยนอี้ที่ยืนอยู่ด้านในนั้นสวมใส่ชุดเครื่องแต่งกายชาวจีนม้วนผมมวยขึ้น ช่างเหมือนเป็นป้ายเรียกที่มีชีวิตชีวา ผู้ดีถ่อมเนื้อถ่อมตัวอ่อนโยนราวกับหยกใครจะไม่รักเล่า สามารถทำให้ลบล้างความเยือกเย็นของแผ่นป้ายโล่ประกาศเกียรติคุณด้านหน้าประตูของจวนเฉิงเซี่ยงลงได้เลยทีเดียว

ขาทั้งสองข้างฉู่เจี้ยนอี้หักมาก็ห้าปีแล้ว

คนทั้งเมืองคุ้นชินกับการที่เขานั่งรถเข็นแล้ว ถึงแม้จะได้ยินว่าคุณชายใหญ่จวนเฉิงเซี่ยงหายดีแล้ว แต่การได้ยินไม่เท่ากับได้เห็น

ทุกคนที่ได้รับบัตรเทียบเชิญกำลังลงรถม้า วินาทีที่เห็นฉู่เจี้ยนอี้ต่างพากันชะงักงัน มีคนบางกลุ่มนานกว่าจะได้สติกลับมา พวกเขาพากันตื่นตะลึงทั้งพากันแสดงความดีใจสรรเสริญเยินยอ

สถานการณ์นี้ยิ่งใหญ่มาก ถึงแม้แขกเหรื่อจะเข้านั่งประจำตำแหน่งแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ยังได้ยินเสียงชื่นชมไม่รู้จบ

ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เจี้ยนอี้มีครอบครัวแล้ว ไม่อย่างนั้นนะครอบครัวตระกูลสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ที่มีลูกสาว คาดว่าจะต้องยัดเยียดลูกสาวมาเป็นภรรยาของฉู่เจี้ยนอี้เป็นแน่ และคนจำนวนหนึ่งในนั้นยังมีความกล้าไปพูดกับฉู่เฉิงเซี่ยง ต่อให้ไม่ใช่ภรรยาเอก เป็นภรรยารองก็ได้

ฉู่เนี่ยนซียิ้มเล็กน้อยและคีบอาหาร ฟังฉู่เฉิงเซี่ยงปฏิเสธ“ความหวังดี”ของคนเหล่านี้อย่างช้าๆไม่รีบร้อน

อาหารรอบที่สองกำลังยกมา ฉู่เนี่ยนซีไม่รอวางตะเกียบลง ก็เห็นรอยยิ้มจริงใจและสุขุมของจ้าวโม่เหยียน เดินถือจอกเหล้ามา

“เนี่ยนซี ข้าเป็นพี่สะใภ้ ก่อนหน้าทำให้ไม่พอใจอยู่มาก แต่พวกเราอยู่จวนเฉิงเซี่ยงด้วยกัน ข้ารู้ว่าข้าพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น….เพราะฉะนั้น ทุกอย่างทุกคำพูดความรู้สึกอยู่ในจอกเหล้านี้แล้ว”

ฉู่เนี่ยนซีรีบยกจอกเหล้าขึ้น นางรู้ดีว่าพี่สะใภ้คนนี้เข้ากับคนยากลำบากแค่ไหน ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนจิตใจคับแคบ ก็เลยไม่พูดอะไรมาก เงยหน้าดื่มเหล้าทันที และเทเหล้าให้จ้าวโม่เหยียนเพื่อแสดงความจริงใจ

“ไอ๋หยาลูกสาวของข้า ให้แม่หาเจอสักที!”

ไม่รอให้จ้าวโม่เหยียนดื่มเหล้าเสร็จ ด้านหลังก็มีน้ำเสียงเอะอะโวยวายดังมา

หลิ่วซื่อกำลังดีใจมาก จะสนใจอย่างอื่นที่ไหนกัน“แม่นางหว่านเอ๋อร์ เจ้ารีบพูดมาให้ข้าได้ฟังหน่อยนะ”

ฉู่หว่านเอ๋อร์ทำท่าทางเหมือนไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริงๆ หางตามองไปทางฉู่เนี่ยนซีด้วยความยั่วยุ“โชคดีที่หว่านเอ๋อร์เชิญหมอเทวดาเฮ่อหลันมา แต่ส่วนเรื่องอื่น พระชายาหลีรู้เรื่องดีที่สุด หว่านเอ๋อร์ตอบไม่ได้เจ้าค่ะ”

คำพูดนี้ของนางดูมีชั้นเชิงเป็นพิเศษ ในเมื่อบอกว่าหมอเทวดาเฮ่อหลันตนเองเป็นคนเชิญมา แต่ก็ไม่ได้พูดถึงสาเหตุอย่างชัดเจน และน้ำเสียงระมัดระวังทำให้คนมองดูแล้วคิดว่านางหวาดกลัวฉู่เนี่ยนซีเป็นอย่างมาก ระหว่างที่พูดแค่คำสองคำ ทำให้คนเข้าใจผิดได้สำเร็จว่าหมอเทวดาเฮ่อหลันเป็นคนรักษาฉู่เจี้ยนอี้หาย

ในมือของเย่เฟยหลีถือจอกเหล้าเล่น สายตามองมาทางฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีหลุบตาลง เหมือนกำลังเลือกหาอาหารอร่อย ดูสีหน้าท่าทางของนางไม่ออก ไม่สามารถรู้ได้เลยว่านางคิดอะไรอยู่

แต่ไม่มีคนเห็น มือที่จับตะเกียบอยู่ มันสั่นระริก

ฉู่เนี่ยนซีเพิ่งจะเดินผ่าน เหลือบมองรายชื่อแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงจวนเฉิงเซี่ยง ความจริงนางสามารถนิ้วโป้งเขี่ยก็เดาได้กว่าครึ่ง แต่นางคิดไม่ถึงคือเย่เหลียนจะอยู่ในรายชื่อล่างสุด ชัดเจนว่าก่อนนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ ต่อมาต้องมีสาเหตุอะไรเกิดขึ้น จนสามารถเข้าร่วมได้ เพราะฉะนั้นจะต้องมีคนจงใจเพิ่มเข้าไปแน่นอน

ในราชสำนักเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ฉู่เฉิงเซี่ยง จะเป็นกลางเสมอมา ไม่เข้าร่วมเป็นพรรคพวกอื่นใด เขาทำเพื่อความสุขคน อีกทั้งเป็นคนมีลำดับความสำคัญ คนบนราชสำนักมีหลายคนที่รู้ ต้องการดึงมาฉู่เฉิงเซี่ยงเป็นพวกไม่ต่างไปจากการเพ้อเจ้อ เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่พวกอัครเสนาบดีใหญ่คนอื่น เย่เหลียนกับจวนเฉิงเซี่ยงเองก็ไม่เคยมีการไปมาหาสู่กันเลย

ตัวละครหลักในงานเลี้ยงวันนี้คือฉู่เจี้ยนอี้ จัดการเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ฉู่เฉิงเซี่ยงหรือเฉิงเซี่ยงฮูหยินแน่นอน มองร่างซูบผอมของจ้าวโม่เหยียน ฉู่เนี่ยนซีก็เดาได้ว่าจ้าวโม่เหยียนจะต้องยุ่งอยู่กับงานเลี้ยงนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ เช่นนั้นเป็นใครที่แอบทำกลอุบายนี้ โดยการเชิญเย่เหลียนมา ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้

แต่ต่อให้เย่เหลียนมา ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไร แต่สิ่งที่กลัวคือกลัวนักฆ่าที่หมายจะสังหารเย่เฟยหลีครั้งก่อนคือเย่เหลียนกับฮองเฮาจ้างคนทำ แม้ครั้งนี้จะอยู่จวนเฉิงเซี่ยง แต่นางก็ไม่กล้ารับประกัน จากนิสัยเย็นชาแบบนั้นของเย่เหลียน ทำอะไรออกมาจริงๆก็ใช่เรื่องแปลก

ฉู่เนี่ยนซีกำตะเกียบแน่น สมองนางเลยฟุ้งซ่านอย่างรวดเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี