พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 40

ผ่านไปอีกไม่กี่วัน อากาศช่วงเดือนแปดไม่เย็นลงเลย กลับกันมันร้อนขึ้นทุกวันๆ

ครั้งแรกที่ฉู่เนี่ยนซีสัมผัสกับช่วงฤดูร้อนที่ไม่มีพัดลมไม่มีแอร์ ทุกวันจะต้องใส่เสื้อหลายชั้น เพราะฉะนั้นนางเลยถูกอุณหภูมิสูงๆทำให้อ่อนล้า ไม่ค่อยอยากอาหาร และไม่ค่อยออกไปข้างนอก

เย่เฟยหลียังมีความสงสัย ว่านางได้รับพิษอะไรเหมือนเขาหรือไม่

ฉู่เนี่ยนซีได้ยินก็ทำได้แต่กลอกตาขาวมองบนในใจ ความสุขของคนยุคปัจจุบัน พวกท่านไม่เข้าใจหรอก

ทางด้านบ่อนค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้น บวกกับนางแอบตรวจสอบการค้าสมุนไพร ทุกวันจะมีข่าวสารที่แตกต่างกันออกไปมาส่งให้

ตอนนี้การค้าของฉู่เนี่ยนซีต่างย้ายมาทำช่วงตะวันตกดินแล้ว

เดิมทีในช่วงกลางวันนางเตรียมจะอยู่ที่พลับพลาและริมทะเลสาบตลอดช่วงฤดูร้อนไม่ไปไหน

แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฉู่เฉิงเซี่ยงส่งคนมา บอกว่าขาของพี่ใหญ่ ฉู่เจี้ยนอี้ฟื้นฟูแข็งแรงแล้ว อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งขุนนางระดับห้า หลังจากนั้นสามวันจะจัดงานเลี้ยงที่จวนเฉิงเซี่ยง เทียบเชิญได้ส่งมาถึงเย่เฟยหลีแล้ว

นึกถึงตนเองไม่ได้กลับจวนเฉิงเซี่ยงนานแล้ว ตอนนี้ขาท่านพี่ใหญ่หายดี ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกดีใจกับฉู่เจี้ยนอี้ด้วย

เพราะฉะนั้นเลยตามเย่เฟยหลีกลับจวนฉู่เฉิงเซี่ยงด้วย สีหน้าท่าทางก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่ากว่าในวันปกติที่ราบเรียบมาก

ครั้งนี้ นางไม่ได้ปฏิเสธการนั่งรถม้าคันเดียวกับเย่เฟยหลีซ่างกวนเย็น

ด้านหน้าประตูจวนฉู่เฉิงเซี่ยง ถึงแม้จะเข้มงวดไม่สามารถดูหมิ่นเฉกเช่นวันปกติ แต่ฉู่เจี้ยนอี้ที่ยืนอยู่ด้านในนั้นสวมใส่ชุดเครื่องแต่งกายชาวจีนม้วนผมมวยขึ้น ช่างเหมือนเป็นป้ายเรียกที่มีชีวิตชีวา ผู้ดีถ่อมเนื้อถ่อมตัวอ่อนโยนราวกับหยกใครจะไม่รักเล่า สามารถทำให้ลบล้างความเยือกเย็นของแผ่นป้ายโล่ประกาศเกียรติคุณด้านหน้าประตูของจวนเฉิงเซี่ยงลงได้เลยทีเดียว

ขาทั้งสองข้างฉู่เจี้ยนอี้หักมาก็ห้าปีแล้ว

คนทั้งเมืองคุ้นชินกับการที่เขานั่งรถเข็นแล้ว ถึงแม้จะได้ยินว่าคุณชายใหญ่จวนเฉิงเซี่ยงหายดีแล้ว แต่การได้ยินไม่เท่ากับได้เห็น

ทุกคนที่ได้รับบัตรเทียบเชิญกำลังลงรถม้า วินาทีที่เห็นฉู่เจี้ยนอี้ต่างพากันชะงักงัน มีคนบางกลุ่มนานกว่าจะได้สติกลับมา พวกเขาพากันตื่นตะลึงทั้งพากันแสดงความดีใจสรรเสริญเยินยอ

สถานการณ์นี้ยิ่งใหญ่มาก ถึงแม้แขกเหรื่อจะเข้านั่งประจำตำแหน่งแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ยังได้ยินเสียงชื่นชมไม่รู้จบ

ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เจี้ยนอี้มีครอบครัวแล้ว ไม่อย่างนั้นนะครอบครัวตระกูลสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ที่มีลูกสาว คาดว่าจะต้องยัดเยียดลูกสาวมาเป็นภรรยาของฉู่เจี้ยนอี้เป็นแน่ และคนจำนวนหนึ่งในนั้นยังมีความกล้าไปพูดกับฉู่เฉิงเซี่ยง ต่อให้ไม่ใช่ภรรยาเอก เป็นภรรยารองก็ได้

ฉู่เนี่ยนซียิ้มเล็กน้อยและคีบอาหาร ฟังฉู่เฉิงเซี่ยงปฏิเสธ“ความหวังดี”ของคนเหล่านี้อย่างช้าๆไม่รีบร้อน

อาหารรอบที่สองกำลังยกมา ฉู่เนี่ยนซีไม่รอวางตะเกียบลง ก็เห็นรอยยิ้มจริงใจและสุขุมของจ้าวโม่เหยียน เดินถือจอกเหล้ามา

“เนี่ยนซี ข้าเป็นพี่สะใภ้ ก่อนหน้าทำให้ไม่พอใจอยู่มาก แต่พวกเราอยู่จวนเฉิงเซี่ยงด้วยกัน ข้ารู้ว่าข้าพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น….เพราะฉะนั้น ทุกอย่างทุกคำพูดความรู้สึกอยู่ในจอกเหล้านี้แล้ว”

ฉู่เนี่ยนซีรีบยกจอกเหล้าขึ้น นางรู้ดีว่าพี่สะใภ้คนนี้เข้ากับคนยากลำบากแค่ไหน ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนจิตใจคับแคบ ก็เลยไม่พูดอะไรมาก เงยหน้าดื่มเหล้าทันที และเทเหล้าให้จ้าวโม่เหยียนเพื่อแสดงความจริงใจ

“ไอ๋หยาลูกสาวของข้า ให้แม่หาเจอสักที!”

ไม่รอให้จ้าวโม่เหยียนดื่มเหล้าเสร็จ ด้านหลังก็มีน้ำเสียงเอะอะโวยวายดังมา

แม่ของจ้าวโม่เหยียน หลิ่วซื่อแต่งตัวอย่างสง่างาม เดินมาทางนี้อย่างเร่งรีบ นางดึงจ้าวโม่เหยียนไปอีกด้านหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจกล่าวว่า“ลูกสาวของข้า เจ้าไปเอาวาสนานี้มาจากไหนกัน ชาตินี้แม่ฝัน แม่ยังคิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่ลูกเขยของแม่จะยืนขึ้นได้แล้ว!”

น้ำเสียงของนางดัง จนทำให้คนรอบข้างได้ยินและมองมา จ้าวโม่เหยียนอับอาย รีบส่งสายตาให้นางพูดเบาๆ

แต่หลิ่วซื่อดีใจมาก จะสนใจอะไรมากมายที่ไหนกัน?

“รีบบอกแม่เร็ว ในจวนเฉิงเซี่ยงมีเทพเซียนอะไร? คิดไม่ถึงว่าจะรักษาขาลูกเขยหายแล้ว?”

จู่ๆหลิ่วซื่อเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เลยกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“เมื่อก่อนข้าได้ยินคนพูดกัน พวกเจ้าเชิญหมอเทวดามาใช่หรือไม่? หมอเทวดาคนนั้นชื่อ….ชื่ออะไร…”

“เรียนฮูหยิน ชื่อหมอเทวดาเฮ่อหลัน”

ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าฉู่หว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านหลังทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ ดอกไม้ที่อยู่บนมวยผมสวยสง่างาม ทำให้คนทั้งคนเหมือนกับดอกบัวที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำ จนทำให้เหล่าหนุ่มๆที่ยังไม่ออกเรือนเอียงสายตาเมียงมอง

ฉู่เนี่ยนซีหัวเราะเบาๆ ยกจอกเหล้าจิบเล็กน้อย

หลิ่วซื่อได้ยิน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสออกมา ดึงจูงฉู่หว่านเอ๋อร์อย่างสนิทสนม

“เด็กน้อย รีบบอกข้าเร็ว ปากแต่ละคนของจวนเฉิงเซี่ยงพวกเจ้านี้เคร่งกันเกินไปแล้ว ข้าอยากจะตอบแทนหมอเทวดาท่านนี้สักหน่อยที่ช่วยลูกเขยข้า ข้าผิดหรือ? ป้องกันข้าราวกับป้องกันโจรเลย!”

จ้าวโม่เหยียนขมวดคิ้วเป็นปม นางมองไปทางฉู่เนี่ยนซีทันที จากนั้นออกแรงดึงชุดของหลิ่วซื่อ กล่าวว่า“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องถามเรื่องนี้แล้วเจ้าค่ะ!”

ฉู่เนี่ยนซีเคยสั่งให้คนในจวนเฉิงเซี่ยงว่าอย่าพูดมาก สำหรับเรื่องขาทั้งสองข้างของฉู่เจี้ยนอี้ที่รักษาหายนี้ อย่าได้แพร่งพรายออกไปเชียว

แต่วันนี้เห็นท่าทางนี้แล้ว เกรงว่าถ้าอยากจะปิดบังต้องออกแรงแล้ว

หลิ่วซื่อกำลังดีใจมาก จะสนใจอย่างอื่นที่ไหนกัน“แม่นางหว่านเอ๋อร์ เจ้ารีบพูดมาให้ข้าได้ฟังหน่อยนะ”

ฉู่หว่านเอ๋อร์ทำท่าทางเหมือนไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริงๆ หางตามองไปทางฉู่เนี่ยนซีด้วยความยั่วยุ“โชคดีที่หว่านเอ๋อร์เชิญหมอเทวดาเฮ่อหลันมา แต่ส่วนเรื่องอื่น พระชายาหลีรู้เรื่องดีที่สุด หว่านเอ๋อร์ตอบไม่ได้เจ้าค่ะ”

คำพูดนี้ของนางดูมีชั้นเชิงเป็นพิเศษ ในเมื่อบอกว่าหมอเทวดาเฮ่อหลันตนเองเป็นคนเชิญมา แต่ก็ไม่ได้พูดถึงสาเหตุอย่างชัดเจน และน้ำเสียงระมัดระวังทำให้คนมองดูแล้วคิดว่านางหวาดกลัวฉู่เนี่ยนซีเป็นอย่างมาก ระหว่างที่พูดแค่คำสองคำ ทำให้คนเข้าใจผิดได้สำเร็จว่าหมอเทวดาเฮ่อหลันเป็นคนรักษาฉู่เจี้ยนอี้หาย

ในมือของเย่เฟยหลีถือจอกเหล้าเล่น สายตามองมาทางฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีหลุบตาลง เหมือนกำลังเลือกหาอาหารอร่อย ดูสีหน้าท่าทางของนางไม่ออก ไม่สามารถรู้ได้เลยว่านางคิดอะไรอยู่

แต่ไม่มีคนเห็น มือที่จับตะเกียบอยู่ มันสั่นระริก

ฉู่เนี่ยนซีเพิ่งจะเดินผ่าน เหลือบมองรายชื่อแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงจวนเฉิงเซี่ยง ความจริงนางสามารถนิ้วโป้งเขี่ยก็เดาได้กว่าครึ่ง แต่นางคิดไม่ถึงคือเย่เหลียนจะอยู่ในรายชื่อล่างสุด ชัดเจนว่าก่อนนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ ต่อมาต้องมีสาเหตุอะไรเกิดขึ้น จนสามารถเข้าร่วมได้ เพราะฉะนั้นจะต้องมีคนจงใจเพิ่มเข้าไปแน่นอน

ในราชสำนักเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ฉู่เฉิงเซี่ยง จะเป็นกลางเสมอมา ไม่เข้าร่วมเป็นพรรคพวกอื่นใด เขาทำเพื่อความสุขคน อีกทั้งเป็นคนมีลำดับความสำคัญ คนบนราชสำนักมีหลายคนที่รู้ ต้องการดึงมาฉู่เฉิงเซี่ยงเป็นพวกไม่ต่างไปจากการเพ้อเจ้อ เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่พวกอัครเสนาบดีใหญ่คนอื่น เย่เหลียนกับจวนเฉิงเซี่ยงเองก็ไม่เคยมีการไปมาหาสู่กันเลย

ตัวละครหลักในงานเลี้ยงวันนี้คือฉู่เจี้ยนอี้ จัดการเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ฉู่เฉิงเซี่ยงหรือเฉิงเซี่ยงฮูหยินแน่นอน มองร่างซูบผอมของจ้าวโม่เหยียน ฉู่เนี่ยนซีก็เดาได้ว่าจ้าวโม่เหยียนจะต้องยุ่งอยู่กับงานเลี้ยงนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ เช่นนั้นเป็นใครที่แอบทำกลอุบายนี้ โดยการเชิญเย่เหลียนมา ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้

แต่ต่อให้เย่เหลียนมา ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไร แต่สิ่งที่กลัวคือกลัวนักฆ่าที่หมายจะสังหารเย่เฟยหลีครั้งก่อนคือเย่เหลียนกับฮองเฮาจ้างคนทำ แม้ครั้งนี้จะอยู่จวนเฉิงเซี่ยง แต่นางก็ไม่กล้ารับประกัน จากนิสัยเย็นชาแบบนั้นของเย่เหลียน ทำอะไรออกมาจริงๆก็ใช่เรื่องแปลก

ฉู่เนี่ยนซีกำตะเกียบแน่น สมองนางเลยฟุ้งซ่านอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี