พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 42

“ท่านพี่หญิง ท่านรีบดูบาดแผลของน้องหว่านเอ๋อร์เร็วเข้า เลือดยังไหลอยู่เลย”ซ่างกวนเย็นที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างฉู่เนี่ยนซีตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดกับนางทำท่าทีอย่างเข้าใจผู้อื่น

ฉู่เนี่ยนซีมองนางอย่างไม่เข้าใจ ซ่างกวนเย็นอยากจะเล่นอะไร เรื่องที่นางมีความรู้ทางการแพทย์ เกรงว่าเป็นนางที่ไม่อยากให้ใครรู้ถึงจะถูกไหม

แต่คำนี้เข้าหูคนอื่น เหมือนกับว่าได้ยินเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นก็เสียงดังเอะอะทันที

“พระชายารองหลีคนนี้ไม่ใช่ว่าดื่มเหล้าเมาแล้วหรือ ชื่อเสียงพระชายาหลีคนนี้ใครไม่เคยได้ยินบ้าง ไม่เพียงอัปลักษณ์ แถมยังไม่มีคุณธรรมไม่มีความสามารถ ให้นางดูบาดแผล เกรงว่าจะถึงแก่ชีวิตแม่นางหว่านเอ๋อร์แล้วไหม”

“เกรงว่าสถานการณ์คับขันเลยรีบหาหมอ ถ้าพระชายหลีรู้เรื่องทางการแพทย์ เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าก็จะกินตำราทางการแพทย์แล้ว”

“ฮ่าๆ….ข้าเคยได้ยินคนรับใช้ของลูกพี่ลูกน้องของฮูหยินข้าพูดคุยกันว่า ตอนนั้นพระชายาหลีวางยาท่านอ๋องหลี ถึงได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ไม่แน่พระชายาหลีอาจจะมีความรู้ทางการแพทย์ แต่เกรงว่าก็เพียงแค่เอามาใช้กับผู้ชาย”

“เสียดายท่านอ๋องหลีจริงๆ เป็นคนเก่งมีความสามารถ กลับต้องมาเผชิญหน้ากับหญิงอัปลักษณ์ไร้ความสามารถ”

“พอแล้วๆ เลิกพูดได้แล้ว จวนเฉิงเซี่ยงเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า เจ้าระวังหายนะออกมาทางปาก”

ถึงแม้พวกเขาจะพากันพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่ฉู่เนี่ยนซียังคงได้ยิน คนที่นิ่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอย่างนาง ฟังจนถึงตอนสุดท้ายก็อดที่จะหน้าแดงก่ำขึ้นไม่ได้ นางเงยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกขาดความมั่นใจ นางเห็นเขาสีหน้าเย็นชา สั่นระริกไม่หยุด

“ท่านพี่ซ่างกวน ช่างเถอะเจ้าค่ะ พระชายาสูงส่ง ข้าไม่รบกวนนางแล้ว หาหมอคนไหนมาทำแผลให้ก็ได้”ฉู่หว่านเอ๋อร์พูดอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงอบอุ่น หน้าผากชื้นไปด้วยเหงื่อ

ท่าทางเช่นนี้ทำให้คนเกิดความสงสารอย่างมาก แต่คำพูดเรียกชื่อว่าท่านพี่ซ่างกวนกับพระชายากลับทำให้คนอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น

“รีบฟัง เจ้าดูแม่นางหว่านเอ๋อร์เป็นถึงลูกพี่ลูกน้องพระชายา ยังไม่กล้าให้นางรักษาเลย”

“เกรงว่าต้องเป็นคนโง่ข้างถนนแหละถึงกล้าให้นางตรวจโรคให้”

“ไอ๋หยา พวกท่านไม่ได้ยินที่นางเรียกพระชายารองหลีว่าท่านพี่ แต่กลับเรียกพระชายาหลีว่าพระชายาหรือ ท่าทางอ่อนแอเช่นนี้อาจจะถูกพระชายาหลีรังแกมามาก ไม่อย่างนั้นนางจะถึงขั้นไม่ยอมรับพระชายาผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องหญิง จนไปเรียกซ่างกวนเย็นว่าท่านพี่หรือ”

ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองคนอื่นที่พากันซุบซิบนินทา ภายในใจเข้าใจทันที ว่าซ่างกวนเย็นกับฉู่หว่านเอ๋อร์ต้องเป็นพันธมิตรกันแน่

คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยสร้างชื่อเสียงว่าตนเองใช้อำนาจข่มเหงคนแบบนี้

นางเหมือนบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ได้มีบาดเจ็บที่กระดูก ถ้าตอนนี้รักษา ถึงแม้จะสามารถเปลี่ยนแปลงชื่อเสียงว่าไม่ใช่คนไร้ความสามารถได้ แต่ถ้าตอนหลังทั้งสองคนใช้กลอุบายชั่ว ทำให้บาดแผลคละเคล้ากับอะไรขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

แต่ถ้าไม่รักษา เกรงว่าตัวเองก็จะต้องยอมรับว่าตัวเองไร้ความสามารถด้วย

แต่ตอนนี้จะต้องจัดการแผนการพวกนาง

“น้องหญิงน่าจะมาจวนเฉิงเซี่ยงครั้งแรกสินะ เลยไม่ค่อยรู้ ว่าชื่อเสียงของข้าไม่ได้ดี นิสัยเอาแต่ใจรักสันโดษ ถึงแม้ว่าน้องหว่านเอ๋อร์จะอยู่จวนเฉิงเซี่ยงมานาน แต่กลับไม่ยอมสนิทสนมกับข้า ถึงแม้ข้าจะรู้เรื่องทางการแพทย์อยู่บ้าง เกรงว่านางคงไม่เชื่อใจข้าหรอก ช่างเถอะ พอดีกับหมอเทวดาก็อยู่ ให้เขาตรวจดูเถอะ”

ฉู่เนี่ยนซีส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญา

ท่าทางกับน้ำเสียงเช่นนี้ในสายตาคนอื่น คือฉู่หว่านเอ๋อร์รังเกียจชื่อเสียงไม่ดีของฉู่เนี่ยนซี เลยไม่อยากยอมรับนางเท่านั้นเอง

“คิดไม่ถึงว่าเป็นเช่นนี้เลย ฉู่หว่านเอ๋อร์คนนี้เป็นลูกสาวของน้องชายฉู่เฉิงเซี่ยง สามารถอาศัยที่จวนเฉิงเซี่ยงถือเป็นโชคดี ได้ยินแบบนี้แล้ว เกรงว่าเป็นการรังเกียจลูกสาวของเจ้าของจวนแล้วนะสิ”

“พระชายาหลีคนนี้เป็นคนอัปลักษณ์ไร้ความสามารถอยู่บ้าง แต่คนที่รู้จักสำนึกบุญคุณคน เกรงว่าก็จะต้องเข้าข้างลูกสาวเพียงคนเดียวของจวนเฉิงเซี่ยงแล้ว”

“ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าพระชายาหลีน่าสงสารมาก เห็นนางเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่กลับเรียกคนอื่นว่าท่านพี่”

“แน่นอน แต่พระชายารองไม่ใช่ว่ามาครั้งแรกหรือ ทั้งสองคนดูความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาเลยนะ”

“เห้อ ดูพวกท่านไม่เข้าใจกันสินะ ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรสหาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี