พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 54

หมอหลวงหลี่พูดประโยคนี้จากใจจริง เมื่อวานหลังจากที่กลับไป เขาก็หวนกลับไปนึกถึงขั้นตอนการรักษาของฉู่เนี่ยนซีโดยตลอด จู่ๆ เขาก็นึกถึงหลังการตรวจวินิจฉัยปัญหาออกมาของฉู่เนี่ยนซี ให้คนชำระล้างบริเวณที่ทายาให้ฮ่องเต้ไว้

เมื่อเขาคิดไปคิดมาแล้ว จึงพลิกดูตำรากลางดึก จึงพบว่าสกุลไธม์เป็นข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยโรคไต แต่ยาของสำนักหมอหลวงที่ทาให้ฮ่องเต้มีส่วนผสมของสิ่งนี้อยู่มาก

ฉู่เนี่ยนซีรู้อยู่แล้ว แต่กลับไม่แจ้งให้ฮ่องเต้ทราบ

ฉะนั้นจึงพูดได้ว่าฉู่เนี่ยนซีช่วยเหลือสำนักหมอหลวงจริงๆ

"สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ เพียงแต่คนที่เป็นหมอไม่ควรผิดพลาด ต่อไปหมอหลวงหลี่ก็จะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากก็แล้วกัน"

ฉู่เนี่ยนซีพูดอย่างนิ่งๆ

เพียงแต่นางก็รู้ว่า เรื่องนี้ไม่สามารถโทษเขาได้ อาการป่วยของฮ่องเต้ก็ง่ายที่จะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการบาดเจ็บที่เอว ในยุคสมัยนี้ที่ไม่มีเครื่องมือเหมือนยุคปัจจุบัน การวินิจฉัยโรคผิดพลาด ก็มีให้เห็นไม่น้อย

"พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะจำคำสอนของพระชายาหลี"

หมอหลวงหลี่คารวะด้วยความจริงใจทำให้ทุกคนยิ่งเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง

"หัวหน้าหลี่ เกรงว่าวันนี้คงจะไม่ได้กินอะไรผิดมาใช่ไหม บ้าไปแล้วหรือ"

"คิดว่าน่าจะใช่ ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะให้พระชายาหลีมาสอนหนังสือ แต่นางก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะสามารถทำอะไรได้ เกรงว่าตระกูลสูงศักดิ์ผู้นี้คงจะไม่มีที่เล่นสนุกแล้ว"

"เป็นเพราะพระชายาหลีรักษาฝ่าบาทหายได้ ฉะนั้นจึงได้ส่งนางมาที่นี่ ข้ามองดูแล้ว ก็เพียงเพราะว่ายาของสำนักหมอหลวงของพวกเราใช้ได้ผล จึงทำให้นางสวมรอยเอาประโยชน์ไปได้"

ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ตามๆ กัน ทุกคนจึงมองฉู่เนี่ยนซีอย่างเหยียดหยาม

หมอหลวงหลี่ลุกขึ้นยืน แล้วหันตัวกลับไป แล้วเปลี่ยนเป็นท่าทีที่เคร่งขรึม "พูดมากขนาดนี้ ความชำนาญทางการแพทย์ที่ต้องศึกษาค้นคว้ามีหมดแล้วใช่ไหม? หรือว่ายาที่ศึกษามีประสิทธิภาพที่สามารถเห็นผลได้ทันทีแล้ว?"

หมอหลวงหลี่กล่าวตำหนิทันที เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็เงียบปาก จึงกลับไปมีรอยยิ้มดังเดิม และโค้งคำนับไปยังฉู่เนี่ยนซี "ไม่ทราบว่าวันนี้พระชายาหลีเตรียมที่จะบรรยายอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

"ไม่ได้เตรียมหรอก ใครมีตรงไหนไม่เข้าใจ ก็ถามมาแล้วก็" ฉู่เนี่ยนซีอ่านหนังสือวิชาแพทย์ต่อไป เพื่อฆ่าเวลา

"ยังไม่ได้เตรียม เกรงว่าอะไรก็คงจะทำไม่เป็น แล้วแสร้งมาทำเป็นมีความชำนาญทางการแพทย์ล้ำเลิศที่นี่นะสิ"

ทันใดก็มีคนที่อยู่ข้างๆ พูดพึมพำขึ้นมา น้ำเสียงไม่เบาไม่ดัง พอที่จะทำให้เข้าหูคนทั้งหมดได้

ทันใดหมอหลวงหลี่ก็จ้องเขม็งด้วยความโกรธเคือง กำลังจะระเบิดออก น้ำเสียงสบายๆ ของฉู่เนี่ยนซีก็ดังขึ้นมาว่า

"หมอหลวงท่านนี้กำลังมีข้อสงสัยต่อฝ่าบาทหรือ?"

"นี่......นี่เกี่ยวข้องอะไรกับฝ่าบาทด้วย!"

"ข้าคือคนที่ฝ่าบาทส่งมา เจ้าว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวล่ะ?" น้ำเสียงของฉู่เนี่ยนซีเหมือนเดิม แต่ในนี้มีความกดดันโดยปริยาย

หมอหลวงหลี่ลูบหนวดเครา ในสายตาปรากฏรอยยิ้ม

หึ พวกมีความรู้น้อยโลกทัศน์แคบ เมื่อวานข้าได้รับรู้แล้ว อีกสักครู่ พวกเจ้าก็คงจะได้รู้ว่าอะไรเรียกเหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือคนยังมีคน

"หึ คำสั่งของฝ่าบาทข้าฟังอย่างแน่นอน แต่สำนักหมอหลวงงานยุ่ง ถ้าหากจะให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนพระชายาหลีทำเรื่องไม่มีประโยชน์ ก็ต้องขออภัยที่ข้าไม่สามารถทำตามคำสั่งได้!"

คนคนนี้มีท่าทีเด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด ทำให้ทุกคนยิ่งมองฉู่เนี่ยนซีด้วยสายตาที่เหยียดหยามและเป็นศัตรู

หมอหลวงหลี่เห็นทุกคนต่างเป็นเช่นนี้ กลัวว่าจะทำให้ท่านนี้ที่นั่งอยู่โกรธเคือง จึงรีบไกล่เกลี่ย

"เมื่อวานอาการป่วยของฝ่าบาท ข้าและคนอื่นๆ ต่างก็หมดหนทางที่จะรักษา แต่พระชายาหลีฝังเข็มลงไปไม่กี่เข็ม ฝ่าบาทก็สามารถเหมือนกับคนที่ไม่ได้เป็นอะไร ลุกขึ้นเคลื่อนไหว ถ้าหากจะบอกว่านางไม่มีความสามารถ ก็เกรงว่าสำนักหมอหลวงของพวกเราคงจะเต็มไปด้วยนักต้นตุ๋นแล้วล่ะ"

"หัวหน้าหลี่วันนี้ดูเหมือนจะเอาอกเอาใจคนคนนี้จริงๆ เกรงว่าจะได้รับผลประโยชน์อะไรบางอย่างหรือไม่" หมอหลวงที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง กล่าวอย่างกลับตาลปัตร

"หมอหลวงฮู๋ เจ้าหยุดพูดจาเหลวไหลเถิด อาจารย์ของข้าเป็นคนโลภในเกียรติอันจอมปลอมเสียที่ไหนกัน!" คนอายุน้อยที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่ง เห็นคนคนนี้พูดเช่นนี้ จึงไม่พอใจขึ้นมาทันที

และมองไปยังหมอหลวงหลี่ด้วยสีหน้าที่จริงจัง "อาจารย์ ท่านบอกพวกเรามาเถิด พระชายาหลีผู้นี้ใช้อำนาจกดดันท่านใช่หรือไม่! ใช้อำนาจคุกคามท่าน ไม่เพียงแต่ทำให้ท่านเปลี่ยนแซ่ แต่ยังให้ท่านยกยอปอปั้นนางเช่นนี้อีก ถ้าหากเป็นเช่นนี้ พวกเราคนของสำนักหมอหลวงก็จะไปกราบทูลฝ่าบาท เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับท่าน!"

"หึหึ!"

ได้ฟังบทสนทนาของคนทั้งสอง ฉู่เนี่ยนซีจึงหัวเราะออกมาทันที ครู่ใหญ่จึงหยุดลงได้

หมอหลวงหลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็โมโหไม่น้อย ชี้หน้าพวกเขาอยู่ครู่ใหญ่แต่พูดไม่ออกสักคำ

"เอาล่ะ พอได้แล้ว เช่นนั้นวันนี้ข้าจึงจะให้พวกเจ้าเข้าเรียน! ทำให้พวกเจ้าได้เชื่อมั่น!" ฉู่เนี่ยนซีบิดเอวอย่างเกียจคร้าน และส่งสายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มมองไปยังหมอหลวงคนนั้นที่พูดคนสุดท้าย "จะได้ลบล้างการถูกใส่ร้ายป้ายสีของข้า"

น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการหยอกล้อ หมอหลวงหลี่เห็นเช่นนี้ ก็อยากจะเข้าไปตบลูกศิษย์ผู้โง่เขลาคนนี้ของตนเองเสียจริงๆ

ตอนนี้ฉู่เนี่ยนซีเป็นบุคคลที่ตนเองเคารพ เขาหวังว่าในอนาคตนางจะสามารถชี้แนะเขาได้บ้าง สุดท้ายไม่คาดคิดว่า ลูกศิษย์ของตนเองจะพูดคำพูดอันชั่วช้าเช่นนี้ออกมา!

"พระชายาหลี ลูกศิษย์ของข้าพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคืองนะพ่ะย่ะค่ะ!"

"ไม่เป็นไร! ข้าว่าเขาดูมีมันสมองที่แปลกใหม่ดี"

หลังจากนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็กวาดสายตาที่แฝงไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อยไปยังทุกคน "ใครก็ตามในที่นี้ สามารถนำความรู้ของตนเองที่เรียนมาตลอดชีวิต มาซักถามได้ตามต้องการ ดูซิว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้หรือไม่!"

"พระชายาหลีทำไมจะต้องพูดจาฉะฉานเช่นนี้ด้วยล่ะ ถ้าหากว่าเจ้ามีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ล้ำเลิศจริงๆ ก็ควรรักษาใบหน้าของตัวเจ้าเองให้หายเสีย นี่ไม่ใช่ว่าสามารถทำให้คนเชื่อถือหรือ!"

หมอหลวงฮู๋ท่านนั้นพูดจบ คนอื่นๆ ก็เริ่มพิจารณาใบหน้าของนางโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ และแฝงไปด้วยการเหน็บแนม

"ข้าไม่รักษาใบหน้าของตัวเอง เพียงแต่มอบหน้าตาเพื่อมอบให้คนเหล่านี้ที่เรียกตัวเองว่าหมอ" ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้ว หลังจากนั้นก็ชี้ไปยังคนที่พูดเมื่อครู่นี้ "เจ้าพูดมากนักไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าก็เริ่มแล้วกัน อย่าบอกข้านะว่า เจ้าพูดมากขนาดนี้ แต่กลับกลัวว่าจะเอาชนะข้าไม่ได้?"

"ข้ากลัวว่าพระชายาหลีจะอับอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีมากกว่า"

"ช่างพูดจาไร้สาระจริงๆ!" ฉู่เนี่ยนซีใช้นิ้วแคะหูเล็กน้อย และแสดงสีหน้าหงุดหงิด "เร็วเข้า ข้าอยากจะกลับไปนอนแล้ว!"

หมอหลวงฮู๋กำลังจะโต้แย้ง แต่เห็นหัวหน้าหลี่ที่อยู่ข้างๆ มองเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาจึงกลืนคำพูดลงไป

หลังจากคิดๆ แล้ว จึงนำคำถามที่เขาคิดว่ายากที่สุดถามออกมา

หึ คำถามนี้ในช่วงเวลานั้นเขาศึกษาค้นคว้าตั้งเป็นเวลานานกว่าจะเข้าใจ เขาจะกำจัดความหยิ่งยโสของนางเสีย

ในขณะที่เขากำลังลำพองใจ ฉู่เนี่ยนซีก็แทบจะไม่ต้องคิด และเอ่ยปากออกมาโดยตรง

คำตอบนี้ หมอหลวงฮู๋ต้องตกตะลึง หลังจากนั้นเขาก็ถามคำถามต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้

ฉู่เนี่ยนซีแทบจะไม่ต้องคิดใคร่ครวญ--ก็ตอบคำถาม

คำถามแล้วคำถามเล่า ล้วนเป็นเช่นนี้ นี่จึงทำให้หมอหลวงฮู๋มีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

เวลานี้ทุกคนก็เป็นเช่นนี้ ทยอยถามคำถามตามๆ กัน ฉู่เนี่ยนซีก็ยังคงตอบอย่างลื่นไหล

ชั่วพริบตา ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว จากเริ่มแรกที่ทุกคนดูถูกเหยียดหยาม ก็กลายเป็นเคารพนับถือ คำถามที่ถามล้วนค่อยๆ จริงใจมากขึ้น ไม่ใช่คำถามที่ยาก แต่กลายเป็นต้องการให้ฉู่เนี่ยนซีอธิบายปัญหาที่สงสัยจริงๆ

"เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงตาที่ข้าต้องถามบ้างแล้ว"

ฉู่เนี่ยนซีกวาดสายตาอันเบื่อหน่ายเมื่อครู่นี้ แล้วลุกขึ้นยืน "รอข้าสักครู่"

นางพูดพลางเดินไปข้างนอก ไม่นานก็กลับมาภายในห้องอีกครั้ง

"ยารักษาสารพัดโรคนี้ ก็คือหัวข้อที่ข้าจะให้กับทุกท่าน ใครรู้จักยารักษาสารพัดโรคนี้ ก็ถือว่าชนะ! ข้ายินดีจะมอบทองคำหนึ่งร้อยตำลึงให้เป็นของรางวัล"

ฉู่เนี่ยนซีพูดพลาง นำสิ่งของที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ท่าทีเช่นนั้นคล้ายกับว่ายารักษาสารพัดโรคนี้มีมูลค่าเป็นอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี