พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 55

"เอาล่ะ ยารักษาสารพัดโรควางไว้ตรงนี้ ข้าหิวแล้ว ต้องไปหาของกินสักเล็กน้อย ช่วงบ่ายจะเข้ามาตรวจคำตอบของพวกเจ้า" ฉู่เนี่ยนซีพูดพลางหันเดินออกไป แล้วคล้ายกับว่าคิดอะไรได้ จึงหันกลับมา "เออใช่ ห้ามทำเสียหายเด็ดขาด!"

หมอหลวงทุกคนของสำนักหมอหลวง ได้เห็นวิชาความรู้ของนางแล้ว ก็ไม่ได้เหยียดหยามเหมือนเมื่อตอนแรกเริ่ม แต่กลับแสดงสีหน้ายกย่อง และพยักหน้าอย่างชื่นชม

พอฉู่เนี่ยนซีออกจากสำนักหมอหลวง ขันทีคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา คารวะฉู่เนี่ยนซี และกล่าวอย่างเคารพนบนอบทันทีว่า "พระชายาหลี ฝ่าบาทและฉู่กุ้ยเฟยให้ข้าน้อยมาเชิญท่านเข้าไปรับประทานอาหารพ่ะย่ะค่ะ!"

"รับประทานอาหาร?" เวลานี้นางคิดอะไรก็ได้อย่างนั้นเลยหรือ? ถึงแม้ว่านางจะไม่อยากรับประทานอาหารร่วมกันกับฝ่าบาท แต่ก็มีอาหารที่ดีกว่าที่นางไปหากินเองเป็นไหนๆ

"ไปสิ ไปรับประทานอาหาร นำทางไปเถิด!"

ฉู่เนี่ยนซีเดินตามขันทีไปสองสามโค้ง ก็มาถึงพระตำหนักหย่างซิน

เมื่อมาถึงหน้าประตู กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยออกมา ท้องของฉู่เนี่ยนซีก็ร้องไม่หยุด ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ นางไม่ได้กินอาหารเลยแม้แต่คำเดียว เมื่อเช้าขึ้นมาจึงหิวไม่น้อย

ด้วยเหตุนี้นางจึงยิ่งเพิ่มความเร็วฝีเท้า เดินเข้าไปในพระราชวัง

"คารวะฝ่าบาท กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง"

"ยัยหนูมาแล้ว รีบลุกขึ้นมารับประทานอาหารเถิด" ในน้ำเสียงที่มีพลังแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเล็กน้อย

ฉู่กุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆ แสดงรอยยิ้มบนใบหน้า ลุกขึ้นทันที เดินไปข้างๆ ฉู่เนี่ยนซีและดึงนางขึ้น ให้มานั่งลงข้างๆ นาง "ป้าทุกครั้งที่พบเจ้า ก็ไม่เคยได้คุยสักกี่คำเลย ดูเจ้าสิ ผอมไปแล้วนะ"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ซีเอ๋อร์ไม่ผอมแถมยังอ้วนอีกต่างหาก"

ฉู่กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนี้ จึงลูบผมของนางด้วยความรักและสงสาร ฉู่เนี่ยนซีโตขนาดนี้แล้ว ยังมาเคยมีใครมาลูบศีรษะของตนเองอย่างสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน ทันใดก็หดคอลงด้วยความไม่เคยชิน

ฉู่กุ้ยเฟยคล้ายกับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของนาง จึงทำได้เพียงยิ้มและดึงมือกลับ

เมื่อบรรยากาศระหว่างทั้งสองรู้สึกแปลกเล็กน้อย ฝ่าบาทก็เอ่ยปากเรียกให้นางกำนัลยกอาหารมา หลังจากนั้นจึงยิ้มๆ "ยัยหนูคนนี้ สายตาก็จดจ่ออยู่กับอาหารแล้วนี่ อย่าเกรงใจเลย รีบรับประทานเถิด"

ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าในที่สุดเขาก็เอ่ยถึงการรับประทานอาหารที่เป็นจุดประสงค์ในครั้งนี้ ทันใดความเหนื่อยล้าบนหน้าก็คลี่คลายออก แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกินอย่างไม่ยี่หระ

ไม่สนใจสายตาของคนทั้งสองที่มองมายังตนเองแม้แต่น้อย มีความเป็นห่วงเอาใจใส่ มีการพิจารณา มีความคิดถึง และมีความห่วงใย!

"ข้าได้ยินมาว่า เจ้ากำหนดหัวข้อเรื่องให้กับหมอหลวงของสำนักหมอหลวงหรือ?"

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปากพูด

ฉู่เนี่ยนซีกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงไปแล้ว จึงพยักหน้า"เพคะ"

"เอ่อแล้ว......ยารักษาสารพัดโรค.....สามารถทำให้พวกเขารู้สึกว่ายากได้จริงๆ หรือ?" บนใบหน้าของฮ่องเต้แฝงไปด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าหมอหลวงกลุ่มนั้นจะมีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ไม่เท่าฉู่เนี่ยนซี แต่ก็มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ไม่เลวเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีอายุเท่าพ่อหรือปู่ของนางเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าต้องมีความสามารถจริงๆ

ฮ่องเต้จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ว่าสุดท้ายจะสามารถทำให้พวกเขารู้สึกว่ายากหรือไม่

"ได้แน่นอนเพคะ ซีเอ๋อร์เดิมพันด้วยทองคำหนึ่งร้อยตำลึง!" ฉู่เนี่ยนซีพูดพลาง นำขนมกุ้ยฮวาในมือใส่เข้าปากแล้วเคี้ยวต่อไป

ฮ่องเต้เห็นว่านางกินอย่างเอร็ดอร่อย จึงไม่ได้ถามต่อ จนกระทั่งนางกลืนของที่อยู่ในปากลงไปอีกครั้ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ "สรุปแล้วยารักษาสารพัดโรคนั้นชื่ออะไรหรือ"

ฉู่เนี่ยนซีชำเลืองตามองฮ่องเต้ ไตร่ตรองเล็กน้อย ในขณะที่ทุกคนคิดว่านางกำลังจะพูด

จู่ๆ นางก็หัวเราะคิกคัก ดวงตาทั้งคู่ยิ่งงดงามสดใส "เสด็จพ่อช่วงบ่ายก็จะรู้เองเพคะ!"

ล้อเล่นหรือเปล่า นั่นก็คือทองคำหนึ่งร้อยตำลึง แล้วนางจะบอกล่วงหน้าได้อย่างไร ถึงเวลานั้นหากมีคนหลุดปากพูดต้องไม่ดีแน่

ฮ่องเต้ไม่ได้ยินคำตอบที่ต้องการ ก็ไม่ได้โกรธเคือง แต่กลับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

"ยัยหนูคนนี้ ช่างนิสัยเหมือนกับฉู่เฉิงเซี่ยงจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะไม่กลัวข้า!"

"นี่ฝ่าบาทเอาอะไรมาพูด ท่านเป็นถึงฝ่าบาท แน่นอนว่าจะไม่ตำหนิคนเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้หรอก" นางพูดพลาง คีบปลาขึ้นมาแล้วรับประทาน

ฮ่องเต้เห็นว่านางกินอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดก็รู้สึกเจริญอาหารขึ้นมา จึงเริ่มคีบอาหารมาเสวย

ฉู่กุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ในดวงตาจึงแฝงไปด้วยความกลุ้มใจที่ไม่จางหายไป

เมื่อฉู่เนี่ยนซีรับประทานอาหารเสร็จ ก็ถูกฉู่กุ้ยเฟยดึงไปพูดคุย

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ฉู่เนี่ยนซีคำนวณเวลาคร่าวๆ ด้วยเหตุนี้จึงไปกล่าวอำลาฮ่องเต้กับฉู่กุ้ยเฟย และไปที่สำนักหมอหลวง

เพียงเข้ามาในสำนักหมอหลวง ทุกคนต่างก็เข้ามารายล้อม

"ทุกท่านได้คำตอบแล้วใช่หรือไม่? ข้าก็เตรียมทองคำหนึ่งร้อยตำลึงพร้อมแล้ว!" ฉู่เนี่ยนซีกินจนอิ่มดื่มจนพอแล้ว กระทั่งเสียงที่พูดก็ดังขึ้นอย่างมาก

ทุกคนส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า และหดหู่

"พระชายาหลี บรรดาข้าน้อยครุ่นคิดจนถึงเที่ยงแล้ว แต่ในความเป็นจริงไม่รู้เลยว่ายารักษาสารพัดโรคนี้คืออะไร"

"ไม่รู้? นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร" ฉู่เนี่ยนซีทำท่าทีประหลาดใจ หลังจากนั้นก็ทำท่าทีหวังดีกับพวกเขา แล้วกล่าวว่า "ไม่เช่นนั้น พวกท่านก็ลองคิดๆ ดูสักหน่อยไหม? ง่ายมากเลยนะ ของสิ่งนี้ ข้าจำได้มาตั้งแต่เด็ก"

เพียงพูดคำนี้ออกมา คนอื่นๆ ก็หน้าแดงด้วยความรู้สึกอับอายขายหน้า เมื่อครู่นี้พวกเขายังเยาะเย้ยนางว่าไม่มีความสามารถ เพียงแค่อาศัยสถานะจึงสามารถมาถึงที่นี่ได้

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า พวกเขาจะกลายเป็นคนที่เรียนหนังสือมาน้อย คนอื่นรู้จักสิ่งนี้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่พวกเขาศึกษาค้นคว้าอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว ค้นหาทักษะทางการแพทย์ทุกอย่าง แต่กลับไม่มีทางที่จะรู้เลย

"พระชายาหลีมีความรู้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ แน่นอนว่าข้าและคนอื่นๆ ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ยารักษาสารพัดโรคนี้พวกข้าไม่ทราบจริงๆ ลักษณะภายนอกของมันไม่ต่างจากสมุนไพรธรรมดาทั่วไป แต่รากฝอยมีเพียงสามเส้นเท่านั้น ยารักษาสารพัดโรคนี้ ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ"

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ทำสีหน้าท่าทีจนใจ ยักไหล่เล็กน้อย "เอาล่ะ เช่นนั้นข้าก็จะเฉลย ถึงเวลานั้นทองคำก็จะไม่มีวาสนาต่อพวกท่านอีก"

"พระชายาหลีได้โปรดแจ้งให้ทราบด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" ทุกคนต่างคำนับแล้วกล่าว

ฉู่เนี่ยนซีกระแอมคอเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วจึงเอ่ยปากอย่างช้าๆ ว่า "พวกท่านตามข้ามา"

นางพูดพลางเดินออกจากห้อง พาทุกคนมาถึงกลางลาน ในขณะที่ทุกคนไม่เข้าใจ นางก็ชี้ไปยังมุมกำแพง

"ไปหาคำตอบทางด้านนั้นสิ"

ทุกคนเดินไปยังข้างกำแพงตามจุดประสงค์ของนาง เมื่อเห็นสิ่งที่เจริญเติบโตอยู่บนพื้น ก็คล้ายกับเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงรู้สึกว่าถูกล้อเล่นขึ้นมาทันที

ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยปากด้วยเสียงที่เยือกเย็นอีกครั้งว่า "พวกท่านคงจะไม่คิดว่าข้าล้อเล่นกับพวกท่านอยู่ใช่หรือไม่?"

"ในตอนแรกบรรดาข้าน้อยเสียมารยาทกับพระชายาหลีก็จริง แต่ท่านทำเช่นนี้ มันอาจจะ.......อาจจะไม่เหมาะสมเกินไปหน่อย!"

"หืม? ไม่ว่าข้าจะมีจุดประสงค์อะไร แต่กระทั่งวัชพืชธรรมดาที่สุด พวกท่านต่างก็ไม่รู้จักหรือ"

"แน่นอนว่าพวกข้ารู้จัก แต่ไหนเลยพวกข้าจะคาดคิดว่า พระชายาหลีจะออกหัวข้อที่ง่ายดายเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เรียกชื่อมันว่ายารักษาสารพัดโรค แต่ยังปฏิบัติต่อวัชพืชด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ อีกทั้งยังเอาทองคำหนึ่งร้อยตำลึงมาเป็นรางวัลอีก! ฉะนั้น........."

"ฉะนั้นด้วยแต้มต่อของข้าก็สามารถเป็นเหตุผลทำให้พวกท่านไม่รู้จักมันเช่นนั้นหรือ?"

"ในฐานะที่เป็นหมอ พวกท่านจะต้องมีความสามารถในการแยกแยะหรือไม่ พวกท่านจะถูกหลอมรวมเพราะทัศนคติ วิธีการเรียกชื่อที่คนคนหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งมีต่อมันง่ายๆ เช่นนี้ และสูญเสียการรับรู้ของตัวเอง การวินิจฉัยของตัวเอง รวมทั้งวิชาแพทย์ที่พวกท่านได้ศึกษามาหลายปีเช่นนี้ไปอย่างนั้นหรือ!"

"ก็เหมือนกับทัศนคติที่พวกท่านมีตั้งแต่แรกเห็นข้า ทุกคนต่างมองว่าข้าไร้ความสามารถไร้คุณธรรม พวกท่านต่างก็นำคำพูดจากปากผู้อื่นมาใส่ร้ายป้ายสีข้า แต่นั่นเป็นความจริงหรือ? สิ่งที่หูได้ยินอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่ตาเห็นต่างหากจึงจะเป็นเรื่องจริง พวกท่านมีชีวิตอยู่มาจนอายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้อีกหรือ? ในฐานะที่เป็นหมอ พวกท่านไม่ควรทำเช่นนี้เป็นที่สุด!"

เพียงฉู่เนี่ยนซีพูดคำนี้ออกมาก็ทำให้คนที่อยู่ในนั้นหน้าแดง และก้มหน้าลงด้วยความอับอายขายหน้า

ฉู่เนี่ยนซีมองไปยังทุกคน หน้าตายังคงแสดงความไม่ใส่ใจเหมือนเคย "นี่ก็คือบทเรียนที่ข้ามอบให้พวกท่าน!"

นางพูดพลาง หันตัวเดินออกจากสำนักหมอหลวงไป!

เพียงฉู่เนี่ยนซีก้าวเท้าเดินมาถึงประตูใหญ่ ก็ได้ยินเสียงปรบมือมาจากด้านข้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี