พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 60

"เจ้าเป็นเจ้าของของสำนักการแพทย์แห่งนี้หรือ? ยังอายุน้อยเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสิ่งเหล่านี้ เจ้าต้องการเอาชื่อเสียงของหมอเทวดาเฮ่อหลันมาเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋นเสียมากกว่า!"

คนที่เป็นผู้นำคือชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า สายตาเรียวยาวคู่นั้นเป็นประกาย

ในแววตาของฉู่เนี่ยนซีมีความเย็นชา คนคนนี้เข้ามาด้วยเจตนาไม่ดีเช่นนี้ เกรงว่าจะมาหาเรื่องโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาทางไหน

"ท่านพูดเช่นนี้ ข้ามีสิทธิ์ที่จะนำเจ้ากล่าวฟ้องที่ศาลาว่าการ ว่าปล่อยข่าวลือสุ่มสี่สุ่มห้าและก่อเจตนาร้ายได้นะ"

ชายวัยกลางคนหรี่ตาลงอย่างคาดไม่ถึง ว่านางจะพูดคำพูดนี้อย่างสงบนิ่ง หลังจากตกตะลึง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา : "หมอเทวดาเฮ่อหลันนี่เป็นคนอย่างไรกัน ถึงได้เชิญคนรุ่นหลังอย่างเจ้ามา มิหนำซ้ำยังมีฐานะนั่งตรวจในนี้ด้วย ช่างน่าขบขันเสียจริง"

เมื่อพูดคำพูดนี้ออกมา ทุกๆ คนราวกับว่ารู้สำนึกขึ้นมาก็ไม่ปาน เสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงแพร่ไปทั่วท้องถนน

"ข้าก็ว่าอยู่ ว่าทำไมจู่ๆ หมอเทวดาเฮ่อหลันถึงจะมานั่งตรวจในสถานที่ที่ไม่มีชื่อเสียงเช่นนี้"

"ใช่สิ หากพูดว่าหมอเทวดาเฮ่อหลันเต็มใจจะออกไปรับคำปรึกษา เช่นนั้นเขาจะต้องไปที่หอชุบชีวิตที่อยู่ข้างๆ แล้ว"

"นั่นนะสิ นี่ ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่จ้าวของหอชุบชีวิตพูดคุยกับสำนักการแพทย์เจ้าหอคนนั้นหรอกหรือ?"

"ข้าขี้เกียจสนใจแล้วว่าพวกเขาเป็นใคร คนคนนั้นทำตามระบบระเบียบ และยังคิดว่าเป็นของจริง ตอนนี้เสียเวลาไปมากแล้ว ข้าว่านะ ควรจะทุบสำนักการแพทย์ที่เหลวไหลอะไรนี่ทิ้งเสีย"

"ใช่ ทุบมันทิ้งเสีย! หมอเทวดาเฮ่อหลันถูกคนหลอกลวงคนนี้ทำให้ชื่อเสียงด่างพร้อย!"

......

ทันทีที่เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น หยูตงหยูซีเห็นเช่นนั้น ก็มาขวางอยู่ข้างๆ ฉู่เนี่ยนซี

คนที่สายตาเรียวยาวคนนั้น ก็คือหอชุบชีวิตเถ้าแก่จ้าว ฉับพลันบนใบหน้าก็มีความลำพองใจ หึ เพื่อแข่งขันกิจการกับเขา เขาได้บอกลูกน้องให้มาสังเกตการณ์ และเห็นว่าหมอเทวดาไม่เคยปรากฏตัวเลย ดังนั้นเขาจึงได้พาคนมาก่อกวน

ตอนนี้ สำนักการแพทย์แห่งนี้เกรงว่าจะต้องปิดก่อนเปิดเสียแล้ว

"ทุกๆ คนรอเดี๋ยว ฟังข้าก่อน" หอชุบชีวิตเถ้าแก่จ้าวโบกไม้โบกมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความองอาจผึ่งผาย "ข้าคือหมอท่านหนึ่ง และที่เกลียดที่สุดคือการที่ไม่เดินในเส้นทางที่ถูกต้องเช่นนี้ คนที่ใช้ชื่อผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์ แต่อย่างไรเสียก็คืออาชีพเดียวกันสำนักการแพทย์ยังมีครอบครัวเล็กๆ อีกด้วย จึงทำให้เขาโลภในชื่อเสียงโชคลาภ เดินออกนอกลู่นอกทาง"

เถ้าแก่จ้าวพูดจบ ก็หยุดชั่วขณะ มองดูการแสดงออกของทุกๆ คน และกล่าวต่อว่า "ทุกๆ คนเพื่อเป็นการไว้หน้า ก็จะไม่ทำร้ายใคร ให้เขาปิดกิจการด้วยตนเองก็พอ! เพื่อเป็นการตอบแทน วันนี้หอชุบชีวิตจะให้ส่วนลด 10% เกี่ยวกับยาและการตรวจสำหรับทุกท่าน!"

"เถ้าแก่จ้าวเป็นคนดีจริงๆ เดิมทีสำนักการแพทย์แห่งนี้ต้องการแข่งขันกิจการกับเขา คาดไม่ถึงว่าเขายังจะใจกว้างเช่นนี้"

"นั่นนะสิ ข้าเห็นว่า ต่อไปนี้จะไปหาหมอหรือไปเอายา ก็จะไม่ไปที่ไหนแล้ว จะไปที่หอชุบชีวิตเท่านั้น!"

การพูดชื่นชมหอชุบชีวิตและการพูดกระทบกระเทียบสำนักการแพทย์นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง สายตาของฉู่เนี่ยนซีเย็นชา ราวกับดวงดาวที่อยู่ห่างไกล สวยงามแต่กลับเย็นไปถึงกระดูก

"เถ้าแก่จ้าวอาจจะจ้องมองที่นี่มาตลอดทั้งเช้า เพียงแต่นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมจริงๆ ที่สามารถปลุกปั่นทุกๆ คนได้ และยังสามารถดึงภาพลักษณ์ของคนใจบุญสุนทานได้ด้วย!"

ฉู่เนี่ยนซีมองเขา และพูดทีละถ้อยทีละคำ

เถ้าแก่จ้าวถูกพูดถึงเช่นนี้ เขายังคงไม่หวั่นไหว ยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้ม และพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและมีเหตุผลว่า "เจ้าพูดถึงอะไรกัน ข้าเห็นว่าเจ้าอายุไล่เลี่ยกับคนในครอบครัวหรอก จึงได้เข้ามาพูดเพื่อโน้มน้าว ข้าทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เจ้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้ายังอายุน้อย และมีเวลาอีกมากที่จะแสวงหางานทำ ทำไมถึงได้มาเที่ยวหลอกลวงเช่นนี้ล่ะ"

"ข้าไม่ได้หลอกลวงใคร หมอเทวดาเฮ่อหลันมาถึงก็จะทราบเอง เพียงแต่ว่าท่านก็พูดถูกจริงๆ ว่าข้ายังอายุน้อย มีเวลาอีกมากที่จะไปแสวงหางานทำ เพียงแต่ว่า หากเถ้าแก่จ้าวไม่หาหมอเทวดามารักษาให้ดีๆ เกรงว่าจะมีเวลาอีกไม่มาก!"

"ข้าพูดโน้มน้าวเช่นนี้เพื่อเป็นผลดีแก่เจ้า คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะต่อว่าข้า เจ้าไม่สามารถปฏิบัติตนอย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้ได้นะ!" เถ้าแก่จ้าวไม่สามารถยิ้มต่อไปได้ เขากัดฟันมองไปที่ฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีไม่โกรธเคือง แต่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา "เถ้าแก่จ้าวเพื่อเห็นแก่ร่างกายของตนเองจึงไม่ควรเกรี้ยวโกรธนะ มิฉะนั้นอาการของโรคจะรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นหมอเทวดาก็ยากที่จะช่วยได้!"

"เจ้า......" หนวดเคราของเถ้าแก่จ้าวยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่ถมึงทึง เขาไม่เคยเห็นใครที่สาปแช่งคนอื่นอย่างใจเย็นเช่นนี้ ราวกับว่าทุกสิ่งที่คนคนผู้นี้พูดเป็นความจริง

แต่ตนเองก็เป็นหมอ จะไม่ทราบได้อย่างไรว่าตนเองมีอาการป่วย!

"เจ้าอย่ามาพูดถ่วงเวลาให้คนอื่นตกใจอยู่ที่นี่เลย สำนักการแพทย์แห่งนี้ของเจ้าไม่ช้าก็เร็วจะต้องปิดลง รีบปิดไปเสียก่อนจะดีกว่า"

"ใช่ เถ้าแก่จ้าวพูดถูก! ต้องรีบปิดกิจการเร็วๆ!"

"ถูกต้อง เถ้าแก่จ้าวกำลังคิดเพื่อเจ้า แต่เจ้ากลับด่าสาปแช่งเขา บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีคนเช่นนี้ได้ รีบปิดกิจการซะเถอะ! อย่าทำร้ายคนอื่นอีกเลย"

ใช่! ปิดกิจการ! ปิดกิจการ!

......

เสียงประณามปิดกิจการดังขึ้นมาในฝูงชน กระทั่งมีคนหลายคนที่ต้องการจะหยิบหินผักใบไม่มาขว้างปา แต่อย่างไรก็ตามคนสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉู่เนี่ยนซี รู้สึกได้ถึงพลังการสังหารที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้จึงล้มเลิกความคิดนี้ และทำได้เพียงร้องตะโกนไม่หยุดเท่านั้น

หยูตงหยูซีขมวดคิ้วแน่น มองไปที่ฉู่เนี่ยนซี แต่ก็เห็นนางสงบนิ่งจนน่าแปลกใจ ราวกับว่านางมีแผนในใจ เพียงแค่มองคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา เหมือนว่าว่ากำลังดูเรื่องตลกของคนอื่นอยู่

คนทั้งสองเห็นเจ้านายของตนเองเป็นเช่นนี้ จึงไม่เอ่ยปากใดๆ และทำได้เพียงภาวนาในใจเงียบๆ ว่าหมอเทวดาเฮ่อหลันจะรีบมาโดยเร็ว

เถ้าแก่จ้าวเห็นว่าสถานการณ์ยากต่อการควบคุมมากยิ่งขึ้น ในแววตายิ่งมีความลำพองใจ แต่ยังคงมองไปยังฉู่เนี่ยนซีด้วยท่าทีจริงจัง "เจ้าหนุ่ม ข้าว่าเจ้า......"

"หุบเขายามาร่วมแสดงความยินดีกับการเปิดกิจการ!" เสียงที่คมชัดและน่าฟังดังขึ้นเบื้องหลังฝูงชน คำพูดที่อยู่ในปากของเถ้าแก่จ้าวถูกกลืนกลับไป และรีบมองไปยังต้นตอของเสียงนั้น

จึงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนถือกล่องผ้าในมือ ตามด้วยผู้หญิงอีกแปดคนที่อยู่ด้านหลังและในมือก็ถือกล่องคนละกล่อง เดินเข้ามาอย่างช้าๆ

"ข้าน้อยหลันยี เจ้าหุบเขาได้ส่งเรามาร่วมแสดงความยินดีที่ได้เปิดกิจการหอยา! และนี่คือของขวัญที่เจ้าหุบเขาเตรียมมาให้โดยเฉพาะ!"

หลันยีคำนับเล็กน้อย มีท่าทีจริงใจ หลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็เปิดกล่องผ้าในมือทีละคน

มีความสงสัยฉายในแววตาของฉู่เนี่ยนซี แต่ก็ยังมองไปในกล่อง ชั่วขณะใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

นี่คือ.....ลูกหลงเสียน!

ลูกหลงเสียนสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด แม้แต่คนที่ใกล้ตายแล้ว ก็ยังสามารถช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่มันก็หาได้ยากอย่างมาก ว่ากันว่าตอนนี้มีเพียงสองลูกเท่านั้น ลูกหนึ่งอยู่ที่ซีจุ้น และอีกลูกหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย คาดไม่ถึงว่าอีกลูกหนึ่งจะปรากฏอยู่ที่นี่!

หลันยีเห็นความประหลาดใจในแววตาของนาง จึงทำให้ให้นางอดไม่ได้มาจะชื่นชมฉู่เนี่ยนซีเป็นอย่างมาก

ลูกหลงเสียนนั้นมีค่า เพราะว่ามันหากยากมาก ฉะนั้นจึงมีน้อยคนที่จะรู้จัก แต่เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้รู้จักมัน จึงได้แสดงสีหน้าเช่นนี้

ฉู่เนี่ยนซีระงับความสงสัยและความตื่นเต้นในใจลงไป ไม่นานสีหน้าก็กลับมาสงบนิ่งตามปกติ ประสานมือแสดงความเคารพให้พวกนาง "พวกแม่นางมาไกลถึงที่นี่ เกรงใจจริงๆ ข้าในนามเจ้าหอขอขอบคุณพวกเจ้าด้วย! เพียงแต่ของขวัญชิ้นนี้มีราคาสูง ข้าจึงไม่อาจรับไว้ได้"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี