พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 62

เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ สำนักการแพทย์จึงมีชื่อเสียงเลื่องลือขจรไกล เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้หยูตงและคนอื่นๆ ได้จัดการอย่างเหมาะสมแล้ว มีการรับสมัครพนักงานกับหมอเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะยุ่ง แต่ก็สามารถรับมือได้

ฉู่เนี่ยนซีใช้เวลาตลอดทั้งเช้าอยู่ที่สำนักการแพทย์ เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์อย่างไม่รู้จบกับหมอเทวดาเฮ่อหลันไปพลาง และใจลอยรอคนไข้ที่มีอาการป่วยพิเศษไปด้วย เพื่อเลื่อนขั้นไปอีกระดับหนึ่ง

แต่ว่า ตลอดจนถึงเที่ยง ไม่มีใครที่เรียกว่าป่วยหนักเลย ฉะนั้น หลังจากฉู่เนี่ยนซีกระชับสั่งสองสามประโยค จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปที่จวนอ๋องหลี

ฉู่เนี่ยนซีเพิ่งจะกลับมาถึงจวนอ๋อง สาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งมาข้างๆ นางด้วยสีหน้าร้อนรนใจ พลางมองไปยังห้องโถงด้านหน้า และกล่าวกระซิบอย่างระมัดระวังว่า "พระชายา ท่านกลับมาแล้ว ฝ่าบาทกับฮองเฮาก็อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ"

"พวกเขามาทำไมกันหรือ?" ฉู่เนี่ยนซีไม่เข้าใจเล็กน้อย

"ว่ากันว่า เป็นที่ท่านรักษาฝ่าบาทให้หายดี ฮองเฮาจึงมาที่นี่เพื่อให้รางวัลแก่พระชายาเป็นการส่วนตัว แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด จึงรู้ว่าอ๋องเซิ่งอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเรียกอ๋องเซิ่งมาเข้าเฝ้า......จากนั้น......" สาวใช้เหลือบมองฉู่เนี่ยนซีอย่างกังวลใจ คำพูดต่อไปไม่ได้พูดออกมา

แน่นอนฉู่เนี่ยนซีรู้ว่านางต้องการจะพูดอะไร และทราบเรื่องที่นางทำให้อ๋องเซิ่งกลายเป็นใบ้ด้วย

เพียงแต่ว่า ที่ฝ่าบาทกับฮองเฮามาที่นี่อาจจะบังเอิญเกินไปหน่อย หลังจากที่รักษาเย่ฉงเซิ่งแล้ว พวกเขาสองคนก็มาถึงจวนอ๋องหลีเลย

เกรงว่ารางวัลนี้จะเป็นเรื่องปลอม เพื่อนำเรื่องที่นางทำให้เย่ฉงเซิ่งเป็นใบ้มาเปิดเผย และเป็นเรื่องจริงที่จะได้ลงโทษนาง!

"ท่านอ๋องล่ะ?" ฉู่เนี่ยนซีคิดเล็กน้อยและเอ่ยถาม

"ว่ากันว่าส่งคนไปบอกกล่าวที่ค่ายทหารแล้ว ไม่นานน่าจะกลับมาเจ้าค่ะ"

ฉู่เนี่ยนซีคิดใคร่ครวญเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า "อืม! เราเข้าไปกันก่อนเถอะ"

พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็เดินนำหน้าไปยังห้องโถงด้านหน้า

ในห้องโถงด้านหน้า เวลานี้นอกจากฝ่าบาทกับฮองเฮาแล้ว เย่ฉงเซิ่งกับซ่างกวนเย็นก็อยู่ที่นั่นด้วย และเสี่ยวเถากำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นราวกับนกกระทาตัวหนึ่ง และหลังจากที่ได้เห็นฉู่เนี่ยนซี แววตาที่มืดมนก็ดูสว่างสดใสขึ้นมาทันที

ฝ่าบาทนั่งอยู่ในท่าตรง เอนพิงอยู่บนเก้าอี้ หลับตา และเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะไม่หยุด

"ซีเอ๋อร์คารวะเสด็จพ่อ เสด็จแม่"

ฝ่าบาทได้ยินเสียง จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เมื่อเผชิญกับดวงตาที่ใสสะอาดและเรียบๆ คู่นั้นของฉู่เนี่ยนซี มันทำให้เขาลืมความโกรธและคำถามก่อนหน้านี้ไปเลย

"ฉู่เนี่ยนซี เจ้าน่าจะรู้ความผิดแล้ว!" ฮองเฮาเห็นว่าตั้งนานแล้วฝ่าบาทก็ยังไม่พูดอะไร จึงเอ่ยปากก่อน

สายตาที่เย็นชาของฉู่เนี่ยนซีมองไปทางฮองเฮาอย่างสับสนงุนงง "ไม่ทราบว่าซีเอ๋อร์ทำอะไรผิดหรือเพคะ?"

"รู้อยู่แก่ใจยังจะแสร้งถาม! เสียงของอ๋องเซิ่งถูกยาพิษของเจ้า รีบส่งยาถอนพิษมา ฝ่าบาทกับข้าจะพิจารณาฐานะของเจ้า จากโทษหนักจะกลายเป็นเบา!"

ฉู่เนี่ยนซีได้ฟังเช่นนี้ ก็คุกเข่าลงบนพื้น ตื่นตกใจ ใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ "เสียงของอ๋องเซิ่งถูกวางยาพิษหรือเพคะ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อวานนี้ข้างสระบัว ยังด่าทอซีเอ๋อร์ว่าอัปลักษณ์ทำให้คนสะอิดสะเอียน และยังให้อ๋องหลีหย่ากับซีเอ๋อร์อยู่เลยไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงได้เป็นใบ้ไปแล้วล่ะ?"

ฉู่เนี่ยนซีแสดงออกอย่างชัดเจน มองไปที่ฝ่าบาทกับฮองเฮา และยังมองไปที่เย่ฉงเซิ่งด้วย ท่าทางนั้นดูไร้เดียงสาอย่างมาก ดูเหมือนว่าทุกการกระทำที่กล่าวมา ข้าไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวกับข้าเลย

เย่ฉงเซิ่งเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็ลุกขึ้นทันที หยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยความโกรธต้องการจะขว้างไปที่ฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีเห็นเช่นนั้นดูเหมือนจะตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ฉวยโอกาสนี้เอียงตัวหมอบลงบนพื้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้วยชา"เพล้ง"แตกกระจายอยู่ข้างๆ ฉู่เนี่ยนซี แต่น้ำชาในถ้วยยังคงกระเซ็นมาถูกแขนของนาง

ฉู่เนี่ยนซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พับแขนเสื้อขึ้น ฉับพลันผิวขาวๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา

"อ๋องเซิ่งโกรธเพราะอับอาย จนถึงกับจะฆ่าแกงข้าเลยหรือ?" ฉู่เนี่ยนซีกุมแขนเอาไว้ บีบเค้นน้ำตาออกมา ถึงแม้จะหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ท่าทีที่เสแสร้งว่าอ่อนแอนั้น กลับทำให้รู้สึกถึงการได้รับความไม่เป็นธรรมที่ใหญ่หลวง และทำให้คนเข้าข้างนางโดยไม่รู้ตัว

เย่ฉงเซิ่งเห็นท่าทีนี้ของนาง ความรู้สึกละอายใจที่ขว้างถ้วยชาไปเมื่อครู่นี้ได้หายไปหมด คิดอยากจะโต้แย้ง แต่ท้ายที่สุดกลับเปล่งเสียงออกมาได้แค่แบ๊ะๆ เท่านั้น

ฝ่าบาทเห็นเย่ฉงเซิ่งลงมือต่อหน้าตนเอง และเห็นท่าทางเช่นนี้ของฉู่เนี่ยนซี ฉับพลันสายตาราวกับเป็นคบเพลิง นำถ้วยชาบนโต๊ะทุบลงไปที่เย่ฉงเซิ่งอย่างแรง "บังอาจนัก! ความถูกต้องความยุติธรรมศีลธรรมและเกียรติยศไปอยู่ที่ไหนหมด? คาดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือต่อหน้าข้า หากข้าไม่อยู่ เจ้าจะไม่ฆ่าคนเลยหรือ!"

ในขณะนี้เย่ฉงเซิ่งพูดไม่ออก เต็มไปด้วยความโกรธแต่ไม่สามารถระบายได้ เขาสามารถหลบหลีกถ้วยชาได้ และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก แต่ฝ่าบาทโกรธอยู่ในขณะนี้ เขาจึงทำได้เพียงคุกเข่าลงบนพื้น รีบโบกไม้โบกมือ

ฉู่เนี่ยนซีมองเขา ที่มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน จึงทำให้เย่ฉงเซิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น ดวงตาทั้งคู่ถมึงทึง ก้าวไปข้างหน้า

ฉู่เนี่ยนซีตัวสั่นเทา และทำท่าทางไร้เดียงสาดังเดิม พร้อมกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า "เสด็จพ่อช่วยข้าด้วย อ๋องเซิ่งจะทุบตีข้าอีกแล้ว"

"ไอ้ลูกไม่รักดี! ยังคิดที่จะลงมืออีกหรือ!" ฝ่าบาทตบโต๊ะ และถลึงตาใส่

เย่ฉงเซิ่งรีบคุกเข่าลง จากนั้นฝ่าบาทก็ชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ เขา "ซีเอ๋อร์ เจ้ามานั่งนี่ ดูสิว่าเขาจะยังกล้าลงมืออีกไหม!"

ซ่างกวนเย็นที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงลุกขึ้นและคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสง่างาม พร้อมกล่าวว่า "ฝ่าบาทอย่าตำหนิอ๋องเซิ่งเลยเพคะ เขาไม่สามารถพูดได้ ดังนั้นอารมณ์จึงฉุนเฉียวเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าจะตำหนิให้ตำหนิเย็นเอ๋อร์เถอะเพคะ"

"ล้วนต้องตำหนิเย็นเอ๋อร์ เมื่อวาน.....ที่เมื่อวานพูดล่วงเกินท่านพี่ไป ดังนั้นท่านพี่จึงผลักเย็นเอ๋อร์ลงไปในสระบัว อ๋องเซิ่งที่ปฏิบัติตนอย่างเป็นธรรม จึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเย็นเอ๋อร์ ด้วยคำพูดที่ไม่มีความหนักเบาเล็กน้อย ไม่ใช่ต้องการจะด่าประจานท่านพี่เลย"

"หากท่านพี่เจ็บแค้น เช่นนั้นเย็นเอ๋อร์เต็มใจที่จะถูกท่านพี่วางยา ได้โปรดท่านพี่อย่าได้ทรมานอ๋องเซิ่งเลย อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีความผิดอะไร!"

น้ำเสียงของซ่างกวนเย็นอ่อนหวานไพเราะ คำพูดที่พูดออกมาก็อดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกเมตตา แต่ความหมายในแต่ละประโยคกลับกล่าวหาว่าฉู่เนี่ยนซีผลักนางลงไปในสระบัว อีกทั้งเพราะว่าความเจ็บแค้นจึงวางยาพิษแก่อ๋องเซิ่งด้วย

ตั้งแต่ต้นจนจบ ซ่างกวนเย็นคือเหยื่อ และอ๋องเซิ่งคือคนยุติธรรมที่กลายเป็นเหยื่อเช่นกัน คนร้ายก็คือฉู่เนี่ยนซีเพียงผู้เดียว

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และในใจก็ชื่นชมการโป้ปดของนางเช่นกัน

"ฉู่เนี่ยนซี เจ้าไม่เพียงแต่อิจฉา ยังวางแผนลอบทำร้ายองค์ชายอีกด้วย เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก ไม่แปลกใจเลยอ๋องเซิ่งที่อารมณ์ดีอยู่จะถูกเจ้าทำให้ฉุนเฉียวได้!" ฮองเฮามีสีหน้าเคร่งขรึม ชี้นิ้วตำหนิฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่ฮองเฮา ดวงตาทั้งคู่สดใสมีชีวิตชีวา "ซ่างกวนเย็นเป็นคนโปรดของอ๋องเซิ่ง ทั้งสองคนนัดพบอย่างลับๆ กันหลายครั้ง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปกป้องซึ่งกันและกัน เป็นเพราะซีเอ๋อร์โดดเดี่ยวเพียงลำพัง จึงถูกใส่ร้ายป้ายสีก็เท่านั้น!"

"อะไรนะ!"

"สารเลว!"

เสียงแรกคือเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อของฮองเฮา แต่เสียงต่อมาคือฝ่าบาทที่ตบโต๊ะและด่าทอออกมา

ซ่างกวนเย็นเห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกตกใจ รีบกล่าวอธิบายว่า : "ฉู่เนี่ยนซี เจ้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอะไรกัน! ฝ่าบาทไม่ใช่เช่นนั้นนะเพคะ นางพูดจาเหลวไหล เย็นเอ๋อร์กับอ๋องเซิ่งเป็นผู้บริสุทธิ์เพคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี