พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 64

ฉู่เนี่ยนซีได้ฟังเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เฟยหลี และยังคงเห็นเหงื่อหยดเล็กๆ บนใบหน้าของเขา เห็นได้ชัดว่ารีบกลับมาตลอดเส้นทาง

เขาน่าจะกลัวว่าซ่างกวนเย็นหัวใจของเขาจะถูกรังแก จึงรีบร้อนเช่นนี้

นางอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ก้มหน้าลง บังคับตรเองไม่ให้ไปมองเขา

หากเย่เฟยหลีออกมาให้การเป็นพยานด้วยตนเอง บอกว่านางผลักซ่างกวนเย็น และทำให้เย่ฉงเซิ่งเป็นใบ้ ไม่ว่านางจะโต้เถียงอย่างไร มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย อย่างไรเสียนางก็เป็นพระชายาของเย่เฟยหลี ด้วยฐานะในขณะนี้ เขาจึงจะเป็นคนยุติธรรมที่สุด พูดอะไรก็มีคนเชื่อ

เย่เฟยหลีได้ยินคำถามนั้น จึงมองไปที่ซ่างกวนเย็นและเย่ฉงเซิ่ง

ฉู่เนี่ยนซีเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ ความรู้สึกผิดหวังก็เกิดขึ้นเช่นกัน

นางจะคาดหวังอะไร เขาจะไม่ให้ซ่างกวนเย็นได้รับความทุกข์อย่างแน่นอน และช่วยน้องชายของเขาให้ได้รับความยุติธรรม ส่วนนางนั้น เป็นเพียงแค่พระชายาที่มีข้อตกลงผิวเผินก็เท่านั้น!

สำหรับความยุติธรรมของนาง เย่เฟยหลีอาจจะไม่ได้สนใจมันเลย

เมื่อคิดอย่างนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็ผ่อนคลายลงมา บนใบหน้ามีความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด

แส้ นางทนได้ แต่เย่ฉงเซิ่งด่าประจานนางนางรับไม่ได้ หากนางต้องโดนแส้ เช่นนั้นเขาจะเป็นใบ้ไปตลอดกาล

นางปฏิเสธที่จะยอมรับ ด้วยฐานะของนางจึงไม่สามารถที่จะฆ่านางได้

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็ลุกขึ้นทันที กำลังที่จะพูดอะไร เย่เฟยหลีกลับเอ่ยปากเสียก่อน

"เรียนเสด็จพ่อ เสียงของน้องเจ็ด เมื่อวานได้เชิญหมอมาดูอาการแล้ว บอกว่าเกิดจากความโมโหจึงทำให้เสียงหายชั่วคราว สองวันนี้มีงานการทหารค่อนข้างมาก กระหม่อมได้สั่งกำชับแม่บ้านให้ดูแลวัตถุดิบในการต้มยา จึงลืมแจ้งเรื่องนี้ให้น้องเจ็ดได้ทราบ"

พูดจบ เย่เฟยหลีก็คำนับ โค้งตัวลง และกล่าวเสียงดังว่า "ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น กระหม่อมจะรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนพระชายาของกระหม่อม เป็นแค่คนไร้เดียงสาที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็เท่านั้น"

ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึง เบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองไปที่เย่เฟยหลี แต่เห็นว่าเขาไม่สนใจ ในดวงตาที่เย็นชาและดำมืด อารมณ์ดูไม่ชัดเจนอย่างมาก

ฝ่าบาทวางถ้วยชาลง เอนหลังพิง ระหว่างคิ้วดูผ่อนคลายลงมา "เดิมทีก็เป็นเช่นนี้เอง ดูเหมือนว่าการทำร้ายองค์ชายจะเป็นการสมมุติขึ้นมานะ!"

"แน่นอน!"

"ฝ่าบาท......" ฮองเฮาเห็นการลงโทษของฉู่เนี่ยนซีถูกยกเลิก ฉับพลันก็รู้สึกไม่พอใจ กำลังจะพูดอะไร ฝ่าบาทเงยหน้าขึ้น และมองไปที่นาง

"ทำไมหรือ ฮองเฮายังต้องการจะพูดอะไรอีก?"

ฮองเฮาเห็นคำกล่าวเตือนในแววตาฝ่าบาท ทำได้เพียงกลืนคำพูดกลับไป อารมณ์ในใจก็ไม่กล้ากำเริบขึ้นมา "หม่อมฉันไม่มีแล้วเพคะ"

"เช่นนั้นก็ดี ทุกคนออกไปเถอะ อ่องหลีอยู่ต่อ" ฝ่าบาทโบกๆ มือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ

"เดี๋ยวสิ คาดไม่ถึงเลยว่าเสด็จแม่จะไม่แยกผิดถูก จนเกือบจะลากพระชายาของกระหม่อมไปเฆี่ยนตีด้วยแส้ ตอนนี้น่าจะขอโทษนางด้วยใช่หรือไม่!" เย่เฟยหลีมองไปที่ฮองเฮาด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเรียบเฉย มีพลังที่แข็งแกร่งรอบตัว ทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนอยู่บนใบมีดที่เย็นชา หากไม่ระวังก็จะได้รับบาดเจ็บ

ฉู่เนี่ยนซีหยุดฝีเท้าลงทันที หันกลับไป ด้วยสีหน้าแปลกใจ เขาให้ฮองเฮาขอโทษตนอย่างนั้นหรือ?

ถึงแม้ว่าฮองเฮาจะไม่ชอบเย่เฟยหลีมาตลอด และปกติแล้วจะพูดจาเย็นชากับเขาอยู่เสมอ อย่างมากที่สุดเย่เฟยหลีก็เพียงแค่เพิกเฉยเย็นชาเท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นว่าเขาพูดฉีกหน้าตนเองเช่นนี้มาก่อน หลังจากตกตะลึงก็เกิดความโมโหขึ้นมา "คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะให้ข้ากล่าวขอโทษ! ข้าเป็นฮองเฮานะ!"

"ฮ่องเต้ทำผิดโทษเท่าสามัญ กฎเกณฑ์นี้ ฮองเฮาไม่เข้าใจหรือ?"

ครั้งนี้เย่เฟยหลีไม่ได้เรียกเสด็จแม่ ท่าทางมองออกอย่างชัดเจน

ในขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะพูดอะไร เย่เฟยหลีก็มองนางด้วยแววตาสงบ ให้นางระงับคำพูดลงไปทันที ที่เขากล่าวในตอนแรกทำให้นางตกตะลึง แต่ในตอนนี้กลับพูดเสียงดังกับฮองเฮาอย่างโจ่งแจ้ง นี่จึงทำให้ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ

"อย่าเสียมารยาท!" ฝ่าบาทที่อยู่ข้างๆ ตำหนิเสียงดัง "นางเป็นแม่ของประเทศ และเป็นเสด็จแม่ของเจ้า!"

เย่เฟยหลียังคงมีท่าทีเย็นชา รูปร่างสูงใหญ่ มองไปยังฮองเฮาอย่างไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย "กระหม่อมเพียงแค่ต้องการจะกล่าวเตือน ถึงฐานะของนางก็เท่านั้น"

"เจ้า......" ฮองเฮาไม่คิดว่าท่าทีของเขาจะแข็งกระด้างเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่อยากพูดนั้นของฝ่าบาท ฉับพลันก็ไม่มีทางเลือก ระงับความอึดอัดใจลงไป และกลับมาท่วงท่าที่สง่างามดังเดิม "อ๋องหลีมีความรักลึกซึ้งของสามีภรรยาจริงๆ พระชายาหลีมีวิธีที่ดี เพื่อให้อ๋องหลีทำเพื่อเจ้า จึงพูดจากับข้าเช่นนี้ เพียงแต่ เรื่องของวันนี้ ข้ามีความผิด ที่เข้าใจผิดพระชายาหลี นอกจากนำของที่ข้านำมาในวันนี้มอบให้แก่พระชายาหลีแล้ว วันหลังข้าจะส่งคนให้นำปิ่นปักผมที่ข้าชื่นชอบที่สุดไปให้ด้วย เพื่อเป็นการชดเชย"

เมื่อกล่าวจบ ฮองเฮาก็ถลึงตามองฉู่เนี่ยนซีด้วยความโมโห สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

เย่เฟยฟลีเห็นฮองเฮาจากไปแล้ว สายตาก็หันกลับไปมองซ่างกวนเย็นอีกครั้ง "เหลียงหยวน ช่วงนี้รองพระชายาซ่างกวนรู้สึกไม่ค่อยสบาย ส่งคนนำนางกลับไปที่จวน ไม่ต้องห่วงพักผ่อนกายใจอยู่ที่จวนเถอะ"

"ท่านอ๋อง......" ซ่างกวนเย็นมีสีหน้าตกตะลึง นี่ไม่ใช่การกักบริเวณหรอกหรือ แต่เมื่อมองเห็นสายตาที่กล่าวเตือนของเย่เฟยหลี ฉับพลันก็กลืนคำพูดลงไป สีหน้าน้อยใจ หวังว่าเย่เฟยหลีจะแสดงออก แต่เห็นเขายังคงมีท่าทีเย็นชา นางทำได้เพียงก้มหน้าอย่างเข้าใจสถานการณ์ กล่าวขอบคุณท่านอ๋องอย่างแผ่วเบา

เพียงแต่แววตาที่ดุร้ายคู่นั้น ถูกปิดบังทันทีในขณะที่ก้มหน้าลง

เมื่อเย่ฉงเซิ่งตั้งแต่เย่เฟยหลีพูดแก้ตัวให้ฉู่เนี่ยนซี ก็ตกตะลึงอยู่กับที่ เห็นการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของเขา ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสับสน

หาเรื่องกับฮองเฮา เขาเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้ฮองเฮามีจุดประสงค์อย่างชัดเจน ดังนั้นพี่สามจึงไม่อยากเก็บไว้ในใจ จึงลงมือโจมตีด้วยตนเอง

แต่ซ่างกวนเย็นเป็นคนโปรดของพี่สามไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ถูกกักบริเวณได้ล่ะ?

หรือว่าพี่สามจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับซ่างกวนเย็นจริงๆ ?

เมื่อคิดอย่างนี้ จู่ๆ หัวของเย่ฉงเซิ่งก็เหใอนจะระเบิด จึงรีบเดินไปข้างๆ เย่เฟยหลี พูดจาแบ๊ะๆ โดยไม่มีเสียงออกมา ดังนั้นจึงรีบร้อนอธิบายอย่างกระโดดโลดเต้น กลัวว่าเย่เฟยหลีจะเข้าใจผิด

เห็นเย่เฟยหลีกดมือที่โบกไม่มาของเขาลง ด้วยสีหน้ารังเกียจ "เหลียงหยวน เจ้าไปส่งอ๋องเซิ่งพักผ่อนด้วยตัวเองเถอะ แล้วให้แม่บ้านต้มยาให้ด้วย"

พูดจบ เย่ฉงเซิ่งยังอยากจะพูดอะไร ก็ถูกเหลียงหยวนลากออกไปจากโถงด้านหน้า

ในฉับพลัน โถงด้านหน้าก็สงบลงมาทันที

ฉู่เนี่ยนซีตื่นจากความตกตะลึง รีบคำนับให้ฝ่าบาท เตรียมจะจากไป

แต่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวออกจากประตู น้ำเสียงของฝ่าบาทก็ดังขึ้นจากด้านหลัง "อ๋องเซิ่งค่อนข้างโง่เขลา แต่การลงโทษนั้นก็พอสมควรแล้ว ยัยหนู เจ้าว่าอย่างไรล่ะ"

ฉู่เนี่ยนซีหยุดชะงักอยู่ที่นั่น แต่ก็ผ่อนคลายลงมาทันที หันกลับไปยิ้มกับฝ่าบาทอย่างเชื่อฟังพร้อมกล่าวว่า "เมื่อความโกรธของอ๋องเซิ่งสงบลง ไม่นานก็จะหายเองเพคะ"

พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีจึงยิ้มอีกครั้ง ในเมื่อฝ่าบาททรงทราบแล้ว และไม่มีการลงโทษนาง เช่นนั้นในอนาคตก็จะไม่สามารถขุดคุ้ยเรื่องในอดีตมาพูด ชีวิตของนางก็จะดำเนินต่อไปอย่างสงบสุข

เพียงแต่ไม่รู้ว่า อ๋องหลีไม่เป็นที่โปรดปราน ทำไมฝ่าบาทจึงต้องปิดบังให้นาง ฉวยโอกาสจัดการนางจะดีกว่า

เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางควรจะคิดมาก นางยังจะต้องเลื่อนขั้นมิติอย่างรวดเร็ว เพื่อออกจากการควบคุมของราชวงศ์นี้

เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงออกจากห้องโถงด้านหน้า

ด้วยการจากไปของฉู่เนี่ยนซี ในห้องโถงด้านหน้า จึงเหลือเพียงเย่เฟยหลีกับฝ่าบาทเพียงสองคนเท่านั้น

ฝ่าบาทโบกไม้โบกมือ ส่งสัญญาณว่าให้นั่งลง ทั้งสองคนนั่งเผชิญหน้ากัน กลับไม่ได้พูดอะไร

ฝ่าบาทจิบชาหนึ่งที เหลือบมองไปยังเย่เฟยหลี "ทำไม เจ้าไม่มีอะไรจะอธิบายหรอกหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี