พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 67

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านนักบวชหนวดเครายาว ร่างกายก็กลับมาสู้ความสงบ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ที่หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

ทุกๆ คนเห็นท่าทีที่อ่อนแรงของเขา ฉับพลันล้วนถอนหายใจออกมา ในขณะที่ให้ความสนใจในวิธีการแก้หายนะ ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมท่านนักบวชที่ติดต่อเทพเจ้าจนต้องเหน็ดเหนื่อย นั่นคือความรักที่ยิ่งใหญ่

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เจ้าชักกระตุกเจ้าก็ต้องเหงื่อออกเพราะความเหนื่อยล้าสิ

"ท่านนักบวช เป็นอย่างไรบ้าง!" ฝ่าบาทกับไทเฮารีบเดินไปข้างหน้า

ชายชราหนวดเครายาว เช็ดเหงื่อที่หน้าผากเล็กน้อย และพยักหน้า "สำเร็จลุล่วงแล้ว"

ได้ยินคำพูดนี้ คนในที่นั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

"เช่นนั้นจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย"

"เมื่อข้าน้อยได้ติดต่อกับเทพเจ้า จึงได้ทราบถึงรากเหง้าของหายนะครั้งใหญ่นี้ ตราบใดที่หาเจอ และเผาเพื่อสังเวย ไม่เพียงแต่หายนะจะถูกทำลายไป ยังจะปกป้องให้ไทเฮามีอายุยืนยาว บ้านเมืองและประชาชนก็จะอยู่เย็นเป็นสุขอีกด้วย"

ไทเฮารู้สึกดีใจ จึงรีบเอ่ยถามว่า "เช่นนั้นรากเหง้าของหายนะนี้ จะหาได้จากที่ใด"

"รากเหง้าของหายนะ นั่นคือผู้หญิงที่เกิดวันที่สามเดือนเก้า"

"อะไรนะ! ท่านนักบวชหมายความว่า จะต้องใช้คนที่มีชีวิตอยู่เป็นเครื่องสังเวยอย่างนั้นหรือ?" ดวงตาของไทเฮาเบิกกว้างทันที ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับประเทศ หากจะต้องสังเวยคนที่มีชีวิตอยู่ นั่นเป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมจริงๆ

"ถูกต้อง แต่นางเป็นมนุษย์ แล้วก็เป็นหายนะด้วย ผู้หญิงคนนี้กระทบกระเทือนชะตากรรมของแคว้นปู้เย่ทั้งหมด เป็นการกลับชาติมาเกิดของดาวหายนะ การเซ่นสังเวยด้วยไฟเท่านั้นจึงจะกำจัดหายนะได้"

นักบวชเต๋าหนวดเครายาวลูบหนวดเครา และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ฮองเฮาซ่อนความยินดีเอาไว้ในใจ แสร้งทำท่าทางประหลาดใจ "บุตรสาวของซื่อหลาง บุตรสาวของใต้เท้าเฉิน และบุตรสาวของใต้เท้าเฮ่อ ดูเหมือนว่าจะเป็นชั่วยามนี้"

เป็นธรรมดาที่ฮองเฮาจะรู้และคุ้นเคยกับอายุและวันเกิดของผู้หญิงที่มาแต่งงานขององค์ชายแต่ละคน

คำพูดนี้ออกไปก็ไม่มีใครรู้สึกสงสัย แต่เมื่อคนสองสามคนนั้นถูกเอ่ยชื่อ จู่ๆ ก็เดินไปข้างหน้าและคุกเข่าคำนับ "ฝ่าบาท ไทเฮาลองคิดทบทวนก่อน กระหม่อมมีบุตรสาวเพียงคนเดียว จะไม่ใช่ดาวหายนะอย่างแน่นอน"

"บุตรสาวของกระหม่อมก็ว่านอนสอนง่าย ก็ไม่ใช่ดาวหายนะอย่างแน่นอน"

"ไทเฮาฝ่าบาททรงได้โปรดคิดทบทวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

ตลอดเวลาทุกๆ คนต่างทอดถอนใจ เพราะยังมีครอบครัวอื่นที่มีคนเกิดในชั่วยามนี้ อดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลงให้มากขึ้น กลัวว่าจะถูกค้นพบ

ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วแน่น สายตาเยือกเย็นมองไปยังฮองเฮา นางไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะว่านางก็เกิดในชั่วยามนี้เช่นกัน

เมื่อสบสายตากัน แววตาของฮองเฮาที่มองฉู่เนี่ยนซี ประกายไปด้วยความลำพองใจ

นี่ทำให้ฉู่เนี่ยนซีแทบอยากจะเข้าไปฉีกเนื้อนาง คนเหล่านี้ที่ถูกเอ่ยชื่อ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เป้าหมายของนาง เหตุที่ไม่เรียกนางโดยตรง เพราะกลัวจะถูกคนครหาว่าเป็นความจงใจของฮองเฮาก็เท่านั้น

ดูเหมือนว่าจะยังมีข้อมูลอื่นๆ อยู่ด้านหลังพวกเขา แน่นอนว่าดาวหายนะนั่นก็คือนาง

เย่เฟยหลีดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉู่เนี่ยนซี หันไปก็เห็นนางมองไปบนแท่นด้วยใบหน้าเย็นชา

ในใจรู้สึกตกตะลึง หรือว่า......

"ไทเฮา ฝ่าบาท......พระชายาหลี พระชายาหลีก็เกิดวันเดียวกันกับบุตรสาวของกระหม่อม" ซื่อหลางคุกเข่าลงบนพื้น ชี้นิ้วไปทางฉู่เนี่ยนซี และตะโกนกล่าว

ฉู่เฉิงเซี่ยงบีบมือ และลุกขึ้นอย่างฉับพลัน "ใต้เท้าหลิวจะพูดก็ต้องคิกใคร่ครวญให้ดีๆ นะ! บุตรสาวของเจ้าไม่ใช่ ก็จะเป็นบุตรสาวของข้างั้นหรือ!"

ฉู่เฉิงเซี่ยงมีสีหน้าเคร่งขรึม กุมมือ ยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้ใต้เท้าหลิวเห็นก็รู้สึกกดดัน

"ในเมืองปู้เย่แห่งนี้ใครเลยจะไม่รู้ พระชายาหลีเคยนอกรีตมาก่อนหน้านี้ วันๆ เอาแต่วิ่งไล่ตามอ๋องหลี และยังสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ว่ากันว่าที่คุณชายใหญ่ของฉู่เฉิงเซี่ยงต้องขาพิการทั้งสองข้าง ก็อาจจะเป็นเพราะนางด้วย หากพูดว่าดาวหายนะ พระชายาหลีก็เป็นคนที่คู่ควรแล้ว" ใต้เท้าหลิวพยายามเพิกเฉยต่อแรงกดดันที่ฉู่เฉิงเซี่ยงมีต่อเขา และพูดทีละถ้อยทีละคำ

สีหน้าของฝ่าบาทไม่อาจคาดเดาได้ มองไปยังคนทั้งสอง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา

ฉู่เฉิงเซี่ยงได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า "ที่เจ้าพูดมา นั่นเป็นเรื่องในอดีต! ขาของบุตรชายคนโตของข้าบาดเจ็บก็จริง แต่บุตรสาวของข้าได้รักษาจนกลับมาเดินได้แล้ว"

ทุกคนต่างมองอย่างคึกคัก เมื่อได้ยินว่าขาของฉู่เจี้ยนอี้ถูกรักษาโดยฉู่เนี่ยนซี ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาคาดเดามาจลอดว่าเป็นหมอเทวดาเฮ่อหลัน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพระชายาหลี มิน่าเล่าในเวลานั้น หมอเทวดาเฮ่อหลันจึงปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพ

ชายชราหนวดเครายาว ดวงตาทั้งคู่ดูเป็นประกาย เดินไปข้างๆ ไทเฮา "เทพเจ้ายังชี้แนะอีกหนึ่งเงื่อนไข บอกว่าดาวหายนะนี้กลับชาติมาเกิด จะต้องมีร่องรอยพิเศษอะไรบนร่างกายอย่างแน่นอน"

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ฉับพลันคนในที่นั้นก็ราวกับน้ำเดือดในหม้อ วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

"พระชายาหลี บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่ไม่ใช่หรือ?"

"ใช่สิ ได้ยินมาว่าตอนเด็กๆ นางยังไม่มีเลย จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมา หากพูดเช่นนี้ ดาวหายนะในเวลานั้นน่าจะอยู่บนตัวนางใช่หรือไม่?"

"มิน่าเล่า ตั้งแต่นั้นมา พระชายาหลีก็สร้างปัญหาไปทั่ว มีนิสัยเย่อหยิ่งชอบสันโดษ และได้ยินมาว่าแม้กระทั่งพี่ชายพี่สะใภ้ของตนเองก็ไม่สนิทสนมด้วย"

ชั่วขณะทุกๆ คนก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ลืมการชื่นชมทักษะทางการแพทย์ที่เหนือชั้นของนางก่อนหน้านี้ไม่เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่ใกล้ๆ ยังเอนตัวไปข้างๆ เพื่อหนีห่างจากนางเล็กน้อย

"ไม่ทราบว่าพระชายาหลีคือท่านไหน ข้าน้อยขอดูหน่อยจะได้หรือไม่"

เย่เฟยหลีได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็เคร่งขรึมจนน่ากลัว ฉับพลันต้องการจะลุกขึ้น แต่ฉู่เนี่ยนซีดึงเขาเอาไว้ ส่ายหัว แล้วจากนั้นนางก็ลุกขึ้น เดินไปด้านหน้าแท่น

แผ่นหลังของนางตั้งตรง ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเย็นชาและสูงส่ง

นักบวชเต๋าหนวดเครายาว หรี่ตามอง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "เป็นผู้หญิงคนนี้จริงๆ หากข้าน้อยคาดเดาไม่ผิด เมื่อดาวหายนะบังเกิดขึ้น ผู้หญิงคนนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงจนเป็นที่น่าตกใจ ไม่ทราบว่าใช่หรือไม่"

"ใช่ๆๆ จากหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพระชายาหลีมีนิสัยใจคอเปลี่ยนไปมาก สิ่งเหล่านี้ประจักษ์แจ้งต่อสายตาทุกๆ คน"

ซื่อหลางและใต้เท้าหลิวที่อยู่ข้างๆ กล่าว และคนอื่นๆ ก็ต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ฉู่เนี่ยนซีหัวเราะเยาะ ในตาคู่นั้นใสแจ๋วราวกับทางช้างเผือก แต่รอยยิ้ม กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา

"หากดาวหายนะบังเกิดขึ้น จะทำให้คนเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เช่นนั้นรอยแผลเป็นบนใบหน้าข้าเกิดจากอะไรล่ะ? ท้ายที่สุดแล้วเป็นดาวหายนะที่ทิ้งเอาไว้ หรือทำให้คนเกิดความเปลี่ยนแปลงกันแน่"

น้ำเสียงฉู่เนี่ยนซีเย็นชา ทำให้นักบวชเต๋าตกตะลึงทันที

นี่คือความสะเพร่า เพียงแต่คนทั่วไปเมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางเช่นนี้ จะต้องคุกเข่าขอร้องอ้อนวอน จะมาถอดความหมายในคำพูดอย่างใจเย็นเช่นนี้เสียที่ไหนกัน

"มีอย่างแน่นอน! รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเจ้านี้ เป็นการลงโทษของสวรรค์สำหรับดาวหายนะ ดังนั้นจึงทิ้งเอาไว้ และการเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้นแล้วในขณะนั้น บางทีด้วยเหตุผลบางอย่างดาวหายนะจึงไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา แต่เมื่อปลุกให้ตื่นขึ้นมาก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน คาดว่าพระชายาหลี......เอ่อ ไม่ใช่สิ ดาวหายนะได้ปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว"

คำพูดของชายชราหนวดเครายาว ดูลี้ลับอย่างมาก แต่ในสมัยโบราณ มีคนจำนวนมากที่เชื่อถือเทพเจ้า จึงเชื่อในคำพูดของเขา

เมื่อได้ยินว่าตอนนี้ดาวหายนะได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว แม้แต่ไทเฮาก็หนีห่างด้วยใบหน้าหวาดกลัว

"หึหึ......" ฉู่เนี่ยนซีปิดปากหัวเราะ หลังจากหัวเราะก็เดินมาบนแท่น เข้าใกล้เขาทีละก้าวๆ "ท่านนักบวชติดต่อกับเทพเจ้าเช่นนี้ เทพเจ้าได้บอกกับเจ้าหรือไม่ ว่าท่านนักบวชจะตายเมื่อไหร่"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี