พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 68

คนบนแท่นเห็นนางเข้ามาใกล้ก็รู้สึกไม่เข้าใจ แต่เมื่อนางได้พูดคำพูดนี้ออกมา อดไม่ได้ที่จะตึงเครียดขึ้นมา ฮองเฮาจึงตะโกนกล่าวว่า "ฉู่เนี่ยนซี เจ้าจะทำอะไร? หรือว่าต้องการฆ่าคนเพื่อปิดปาก? รีบมาขัดขวางนางเร็วเข้า!"

"ใครบังอาจ!" ในดวงตาของฉู่เนี่ยนซีราวกับมีแสงเย็นวาบ มองไปที่องครักษ์ที่เตรียมจะเข้ามา จากนั้นก็มองไปยังฮองเฮา "นี่ฮองเฮาหมายความว่าอย่างไร ไม่ว่าอย่างไร ซีเอ๋อร์ก็เป็นคนของราชวงศ์นะเพคะ ตอนนี้ถูกคนเอาดาวหายนะมาสวมหัว ไม่ว่าอย่างก็จะต้องคิดออก หากข้าเป็นดาวหายนะจริง เพื่อเห็นแก่ร่างกายของไทเฮากับฝ่าบาท และประเทศชาติบ้านเมืองนี้แล้ว ตนเองจะต้องถูกโยนลงเตาไฟ แต่ปัจจุบันนี้สามารถถูกเผาโดยไม่มีเหตุอันควรได้"

ฉู่เนี่ยนซีพูดอย่างเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย อดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกประทับใจเล็กน้อย

ต่อให้บูชาเทพเจ้า ก็ไม่สามารถเผาคนให้ตายทั้งเป็นได้อย่างแน่นอน

ไทเฮามองนางอย่างตกตะลึง รู้สึกพูดไม่ออกอยู่ในใจ แง่หนึ่งก็เชื่อท่านนักบวช อีกแง่หนึ่งกลับเห็นท่วงท่าที่งดงามมีสง่าและชอบธรรมของฉู่เนี่ยนซี ไม่เหมือนกับดาวหายนะตามที่ปากของเขาพูดเลย จึงอดถามไม่ได้ว่า "ท่านนักบวช เจ้าดูซิ ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า ดาวหายนะอาจจะมีคนอื่นอีกก็ได้"

"ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ดาวหายนะมีลักษณะพิเศษที่เด่นชัด ท่านนี้สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งดาวหายนะยังชำนาญฝนการเถียงข้างๆ คูๆ ด้วย ไทเฮาไม่สามารถถูกภาพที่ปรากฏหลอกจนทำให้สับสนได้นะพ่ะย่ะค่ะ"

ท่านนักบวชหนวดเครายาวเห็นไทเฮาลังเลสงสัย ก็รีบกล่าวปฏิเสธทันที

ฉู่เนี่ยนซีมองเขา ด้วยใบหน้าที่ยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเรื่องที่กำลังพูดทั้งหมดในขณะนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย

"ท่านนักบวชยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย เจ้าสามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้ น่าจะรู้ว่าตนเองจะตายเมื่อไหร่! ท่านนักบวชไม่กล้าตอบ หรือไม่รู้วิธีที่ติดต่อกับเทพเจ้ากันแน่"

"เจ้า......เป็นธรรมดาที่ข้าจะรู้อยู่แล้ว แต่ความตายนั้นเป็นความลับ ไม่สามารถรั่วไหลได้"

"อย่างนี้นี่เอง ท่านนักบวชคิดแทนผู้อื่นเช่นนี้ จะต้องมีชีวิตที่สงบสุขราบรื่นอายุยืนยาวเป็นร้อยๆ ปีอย่างแน่นอน" ฉู่เนี่ยนซีก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง แต่เท้าดูเหมือนว่าจะเหยียบชายกระโปรงของตนเอง ฉับพลันจึงซวนเซไปข้างหน้าสองก้าว

"ไอ๋หยา" ฉู่เนี่ยนซีทำเสียงตกใจ ในแววตาแสร้งทำว่ามีความตื่นตระหนกเข้ามาแทนที่

ในเวลาเดียวกัน ฉู่เนี่ยนซีก็เข้าใกล้ท่านนักบวชมากยิ่งขึ้น มือโบกไปมา ในชั่วพริบตาแป้งเหล่านั้น ก็ได้ผ่านปลายจมูกของเขา

จากนั้นก็ทรงตัวยืนอย่างมั่นคง "ขอโทษนะ ชุดฝ่ายในวันนี้ค่อนข้างยาวไปเล็กน้อย"

"หึ......" ท่านนักบวชหนวดเครายาวโบกแส้ขึ้นลง "ข้าจะต้องสงบสุขราบรื่นอย่างแน่นอน"

"หื๊ม? อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะบอกกับเจ้าว่า ข้าก็ติดต่อกับเทพเจ้าได้เช่นกัน เทพเจ้าเพิ่งจะบอกข้าว่า หากเจ้าไม่ใช่คนชอบธรรม อีกสักครู่เจ้าจะต้องตายโหง!"

"ดาวหายนะอย่างเจ้าเจตนาจะพูดให้คนที่อยู่ที่นี่ตกใจ" ชายชราหนวดเครายาวกล่าวอย่างโมโห หันไปทางไทเฮาทันที "ไทเฮากับฝ่าบาทได้โปรดออกคำสั่งโดยเร็วด้วย ดาวหายนะพูดมากขึ้น ก็จะมีเหตุร้ายเกิดมากขึ้นไปด้วย เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าจะไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้"

ไทเฮาได้ฟังคำพูดของท่านนักบวช ถึงแม้ว่าจะเป็นห่วงประเทศชาติ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นคนที่มีชีวิต อดไม่ได้ที่จะยุ่งเหยิงเล็กน้อย "เอ่อ ข้าทานเจมาหลายปีแล้ว แล้วคนที่มีชีวิตตอนนี้จะต้องถูกเผาจนตาย......ท่านนักบวชมีวิธีอื่นหรือไม่"

"มีเพียงวิธีการนี้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าที่อยู่ตรงหน้าเรานี้ไม่ใช่คนแล้ว เวลานั้นที่ดาวหายนะเข้าร่าง เจ้าของร่างเดิมได้ตายไปแล้ว! ดังนั้นไทเฮาไม่จำเป็นจะต้องตำหนิตนเอง การทำเช่นนี้ ร่างเดิมก็จะสงบสุขไปด้วย"

"เสด็จแม่เพคะ ร่างกายของท่านกับฝ่าบาทและประเทศชาติเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะทนไม่ได้ แต่ในเมื่อท่านนักบวชบอกแล้วว่า ตอนนี้เป็นดาวหายนะ ไม่ใช่คน เช่นนั้นเราควรจะกำจัดอันตรายเพื่อประชาชน" ฮองเฮาเห็นว่าไทเฮายังคงลังเลอยู่ ทันใดนั้นจึงกล่าวอย่างมีนัยแฝง

ไทเฮารู้สึกยุ่งเหยิงในใจ ทันใดนั้นก็ราวกับพบจอกแหน ค่อยๆ มั่นคงขึ้นมา ในเมื่อเป็นดาวหายนะ เช่นนั้นก็ควรกำจัดทิ้งเสีย! ประเทศชาติไม่สามารถสั่นคลอนได้

เมื่อเชื่อมโยงทุกอย่างแล้ว น้ำเสียงของไทเฮาจึงเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ "เอาคนมา นำดาวหายนะ ไปบูชาสวรรค์!"

"ใครบังอาจ!"

"ช้าก่อน!"

"ช้าก่อน!"

เสียงสามเสียงดังขึ้นในเวลาเดียวกัน เห็นเย่เฟยหลีกระโดดออกมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว มาอยู่ข้างๆ ฉู่เนี่ยนซี และฉู่เฉิงเซี่ยงกับฉู่เจี้ยนอี้ก็รีบพุ่งเข้ามาที่แท่นบูชา ต่างพากันมาปกป้องอยู่ข้างๆ นาง

"เสด็จย่าคิดทบทวนก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระชายาของหลานชาย หลานชายรู้จักดีที่สุด หลานชายจะปกป้องด้วยชีวิต นางไม่สามารถเป็นดาวหายนะได้อย่างเด็ดขาด" เย่เฟยหลียืนอยู่ข้างหน้านางอย่างเงียบๆ ถึงแม้ว่านางจะมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของเขา แต่ทว่ายังสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บบนร่างกายของเขา

ไทเฮาเห็นหลานชายที่ตนเองรักที่สุด คาดไม่ถึงว่าจะปกป้องด้วยชีวิต ทำให้เขาเย็นชาและไร้ความปรานีเช่นนี้ ดาวหายนะคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

"เหลวไหล! เจ้าไม่สามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้ จะรู้ได้อย่างไรว่านางไม่ใช่ดาวหายนะ! รูปลักษณ์เช่นนี้ก็สามารถทำให้เจ้าหลงใหลจนกลายเป็นเช่นนี้ บอกว่านางไม่ใช่ดาวหายนะ เช่นนั้นจะเป็นใครเล่า!"

"ถึงแม้ว่าหลานชายจะไม่สามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้ แต่หลานชายเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด เป็นธรรมดาที่จะต้องรู้ หลานชายเคยถูกยาพิษจนหายใจแขม่วๆ ก็เป็นนางที่ทุ่มเทกายใจเพื่อช่วยชีวิต เสด็จพ่อเจ็บป่วยก็เป็นนางที่ช่วยชีวิต ถึงแม้ชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของนางจะไม่ดี นั่นก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น แต่เสด็จย่าจะส่งคนไปสอบถามที่จวนของหลานชายก็ได้ แม้กระทั่งคนรับใช้ล้วนชื่นชมนางอย่างไม่ขาดปาก"

เย่เฟยหลีพูดจบ จากนั้นจึงหันไปมองฉู่เนี่ยนซี และกล่าวอีกว่า "บางทีหลานชายอาจจะถูกนางทำให้หลงใหล แต่ไม่ใช่ถูกทำให้ลุ่มหลงเพราะดาวหายนะอย่างที่พวกท่านกล่าวถึง แต่เป็นเพราะอยู่ด้วยกันกับนางทั้งวันทั้งคืน หลานชายจึงรู้จักการวางตัวของนาง การจัดการเรื่องราวของนาง ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของนาง ไม่ว่าจะดีใจหรือโกรธหรือเจ้าเล่ห์ หลานชายจึงเข้าใจว่านางไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ"

ฉู่เนี่ยนซีได้ฟังคำพูดของเขา ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดขึ้นในหัว นี่คือเขา......สารภาพรักอยู่หรือ? เขาบอกว่า เขาหลงใหลนางหรือ?

"หากเสด็จย่ายืนกรานว่านางคือดาวหายนะ เช่นนั้นก็เผาหลานชายให้ตายไปด้วยเถอะ"

ฉู่เฉิงเซี่ยงสองพ่อลูกที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟยหลี ก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ

ฉู่เฉิงเซี่ยงมองไปยังเย่เฟยหลีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา คำนับให้กับไทเฮากับฝ่าบาท "หากไทเฮาต้องการจะลงโทษบุตรสาวของกระหม่อม เช่นนั้นก็ลงโทษพ่ออย่างกระหม่อมไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

"ไทเฮาได้โปรดให้กระหม่อมเข้าร่วมกับน้องสาวด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ" ฉู่เจี้ยนอี้ยังคงมีท่าทีอบอุ่น แต่คำพูดที่ออกมากลับเต็มไปด้วยการอ้อนวอน ทำให้คนไม่อาจโต้แย้งได้

ฉู่เนี่ยนซีมองคนทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นใจ

ในโลกแห่งการเชิดชูเทพเจ้า คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่กลัวนางเพียงเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นดาวหายนะ แต่กลับปกป้องนางต่อหน้าไทเฮาและฝ่าบาทอีกด้วย

ไทเฮาเห็นทั้งสามคนเป็นเช่นนี้ ชั่วขณะก็รู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ชี้นิ้วไปที่พวกเขา พูดไม่ออกเป็นเวลาครู่หนึ่ง

เมื่อฝ่าบาทเห็นเช่นนี้ รีบไปช่วยสงบสติอารมณ์ของไทเฮา จากนั้นก็กล่าวตำหนิว่า "นี่พวกเจ้าสามคนก่อกบฏหรือ! ยังไม่รีบถอยไปอีก!"

"ตลอดชีวิตนี้กระหม่อมทำงานให้กับประเทศชาติ ตอนนี้บุตรชายคนโตก็เข้าสู่ราชสำนักแล้ว ลูกชายคนที่สองต่อสู้ในสนามรบตลอดทั้งวัน บุตรชายในตระกูลของกระหม่อมอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ หากวันนี้แม้แต่บุตรสาวในตระกูลก็ไม่สามารถปกป้องได้ กระหม่อมก็คงไม่มีหน้าที่จะอยู่บนโลกใบนี้แล้ว แทนที่จะให้คนผมหงอกส่งคนผมดำ ก็ให้เราตายไปด้วยกันเลยจะดีกว่า ปัญหาต่างๆ จะได้สิ้นสุดลง"

บนใบหน้าของฉู่เฉิงเซี่ยง เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและผิดหวัง ผิดหวังต่อแคว้นปู้เย่ และผิดหวังต่อราชวงศ์ด้วย

"เพียงแค่น้องสาวคนเดียวของกระหม่อม หากไม่สามารถปกป้องนางได้ กระหม่อมในฐานะพี่ชาย! ดังนั้นต้องขออภัยที่ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้!" ฉู่เจี้ยนอี้ยืนตัวตรง เขาผู้ที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เวลานี้กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา พูดออกมาอย่างทรงพลัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี