พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 88

“ไม่ต้อง เจ้าจับกลุ่มด้วยตัวเองเถอะ” ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเย็นชาและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“แต่ท่านพี่...... ” ใบหน้าของซ่างกวนเย็นดูลังเลและเป็นกังวล

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะแอบด่าในใจ ความเสแสร้งนี้หยุดไม่ได้จริงๆ!

แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งสองคน ผู้คนที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกได้ทันทีว่าซ่างกวนเย็นเป็นคนจิตใจดี ในขณะที่ฉู่เนี่ยนซีนั้นไม่รู้จักแยกแยะ และกล่าวต่อวว่า

“แม่นางซ่างกวน หากผู้อื่นไม่เห็นคุณค่าคุณ แล้วทำไมท่านต้องทำเช่นนี้”

“ใช่ ด้วยความสามารถของท่าน ไม่แน่ว่าจะได้ที่หนึ่ง หากพานางไปด้วย อย่าว่าแต่ไม่ได้ที่หนึ่งเลย แค่ไม่ได้อันดับสุดท้ายก็ดีมากแล้ว!”

ทุกคนพูดต่างพากันพูดเจ้าหนึ่งประโยคข้าหนึ่งประโยค โดยไม่มีใครสนใจฉู่เนี่ยนซีเลยแม้แต่น้อย

เย่เฟยหลียืนอยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง กวาดสายตามองไปยังคนที่พูดอย่างเยือกเย็น และแอบจำไว้ในใจ

ซ่างกวนเย็นดูลำบากใจและรีบโบกมือ “ไม่ ไม่ใช่ ท่านพี่เพียงแค่อยากอ่อนน้อมถ่อมตน ความฉลาดของเย็นเอ๋อร์เท่าหิ่งห้อย จะกล้าเทียบกับความสามารถทางด้านการประพันธ์ของท่านพี่ได้อย่างไร”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ดูถูกเหยียดหยาม! และมองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยสายตาเยาะเย้ย

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาง ยกยอปอปั้นได้ถูกเวลา หากฉู่เนี่ยนซียังเป็นเหมือนแต่ก่อน เกรงว่าอีกเดี๋ยวจะกระโดดลงไปจากเรือลำนี้

แต่……ตอนนี้……การยกยอปอปั้นนี้ จะต้องถูกกำจัดออกไป

“แต่ตอนนี้นางยังต้องระงับความหยิ่งยโสได้ดี” ในขณะพูดใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ที่แท้ในใจของน้องหญิง พี่หญิงก็เป็นเช่นนี้ พี่หญิงซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

ฉู่เนี่ยนซีลุกขึ้นยืน และมองดูนางด้วยความปลื้มใจ “แต่เจ้าก็พูดถูก เพื่อน้องหญิง วันนี้พี่หญิงไม่สามารถอ่อนน้อมถ่อมตนได้ เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้พูดโกหก พี่หญิงจะพยายามให้เต็มที่! ดังนั้นข้าคิดว่าพวกเราควรจะเพิ่มรางวัลกันหน่อย”

“เริ่มจากข้าก่อน” ในขณะพูด ฉู่เนี่ยนซีก็ถอดกำไลข้อมือและปิ่นปักผมออกจากหัว จากนั้นวางไว้บนโต๊ะ “หากชนะ สิ่งเหล่านี้ก็ยกให้พวกเขาไปเลย”

เย่เฟยหลีมองไปที่การเคลื่อนไหวของนาง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และทันใดนั้นก็เอาป้ายหยกบนตัวออก “หากชนะ จี้หยกชิ้นนี้ก็เป็นรางวัลด้วย”

เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เหลียนก็ขมวดคิ้ว เย่เฟยหลีวางรางวัลแล้วอย่างไร หากเขาไม่แสดงออก ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้นจึงผูกจี้หยกแล้วโยนลงบนโต๊ะ จากนั้นก็วางสิ่งที่อยู่ในมือลงด้วย

เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องทั้งสองเริ่มเพิ่มสีสัน ทุกคนก็ถอดของมีค่าที่ตัวออกมาด้วย

ในเวลานี้ของบนโต๊ะกองเป็นภูเขา

เมื่อฉู่เนี่ยนซีมองไปยังสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะ มุมปากภายใต้ผ้าคลุมก็ยกขึ้นด้วยความดีใจในทันที

สิ่งของเหล่านี้ อีกเดี๋ยวจะต้องเป็นของนางทั้งหมด!

นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เชี่ยวชาญเรื่องบทกลอนอยู่แล้ว

คนอื่นๆ มองไปยังสิ่งของบนโต๊ะ ต่างก็ดวงตาเป็นประกาย แม้ว่าพวกเขาจะมาจากตระกูลขุนนาง แต่สิ่งของมากมายเช่นนี้ รวมถึงจี้หยกติดตัวของท่านอ๋องทั้งสองด้วย สิ่งเหล่านี้โดยปกติจะไม่สามารถใช้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น หากวันนี้ชนะ ต่อไปก็จะมีชื่อเสียงในแวดวง

ซ่างกวนเย็นมองไปที่จี้หยกของเย่เฟยหลีบนโต๊ะ ไม่เพียงแต่ตกอยู่ในห้วงความคิด แต่นางจำได้ว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นของตกทอดที่ท่านแม่ของเขาทิ้งไว้ให้

เขาใช้เป็นรางวัลก็จริง แต่ก็มั่นใจเกินไป

หากนางชนะแล้วได้มันมา หลังจากนั้นก็คืนให้เขา เขาก็จะมองนางด้วยความชื่นชมใช่หรือไม่

แต่ฉู่หว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปที่รางวัลของเย่เหลียนด้วยความหลงใหลเช่นกัน และแอบสัญญาในใจว่านางจะต้องชนะให้ได้

ดังนั้นนางจึงดึงแขนเสื้อของซ่างกวนเย็นอย่างเงียบๆ และกล่าวเบาๆ “พี่ซ่างกวน หว่านเอ๋อร์จะต้องชนะให้ได้”

ฉู่เนี่ยนซีเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งสองคนอย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ จากนั้นจงใจกล่าวว่า “น้องหญิง เจ้าดูสิ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรางวัลของวันนี้ อีกเดี๋ยวกลุ่มของพวกเราจะต้องชนะ”

ในขณะพูดฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าไปทางฉู่หว่านเอ๋อร์ “จริงสิ น้องหว่านเอ๋อร์ จะมาอยู่กับพวกเราหรือไม่!”

เมื่อถูกฉู่เนี่ยนซีเอ่ยชื่อ ทั้งสองคนก็ตกตะลึงในทันทีและหลบสายตา

ฉู่เนี่ยนซีจ้องมองไปที่พวกนางอย่างงุนงง และก้าวไปข้างหน้าสองก้าว “น้องทั้งสองเป็นอะไรไป? ทำไมถึงไม่ตอบ?”

“นี่......ข้า......” ใบหน้าของทั้งสองคนดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อมองไปผู้คนที่จ้องมองมา สีหน้าก็เริ่มยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น

“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าไม่อยากอยู่กลุ่มเดียวกับข้า?” ฉู่เนี่ยนซีมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นมองไปทางซ่างกวนเย็นด้วยความเศร้าใจ “น้องหญิง เมื่อครู่บอกให้ข้าอ่อนน้อมถ่อมตน อันที่จริงก็มีความรู้ความสามารถไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้เจ้าถึงไม่เชื่อว่าพี่หญิงจะชนะ แล้วจะทำให้เจ้าสูญเสียรางวัลเหล่านี้หรือ?”

“ไม่......ไม่ใช่แบบนี้......”

“แล้วเป็นอย่างไร!” ดวงตาอันงดงามของฉู่เนี่ยนซีแดงเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารเล็กน้อย จากนั้นก็ดูเหมือนจะมองทะลุปรุโปร่ง และกล่าวอย่างโศกเศร้า “ช่างเถอะ! ไม่เป็นไร พวกเจ้าไปจับกลุ่มกับคยอื่นเถิด”

ซ่างกวนเย็นและฉู่หว่านเอ๋อร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ในใจพวกนางต่างก็อยากได้สิ่งของ หากจับกลุ่มกับฉู่เนี่ยนซี จะต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่หากไม่จับกลุ่มก็จะเป็นขึ้ปากให้ผู้อื่นพูดถึง

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งสามคน ทุกคนก็เข้าใจถึงความอึดอัดใจ และบางคนก็มีความคิดเห็นแตกต่างจากซ่างกวนเย็นในทันที

แต่ตอนนี้โอกาสนี้ ซ่างกวนเย็นมีความสามารถอย่างแท้จริง ดังนั้นยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการจับกลุ่มกับนาง

ดังนั้นบางคนจึงเริ่มดึงมาเป็นพวก “แม่นางซ่างกวนและแม่นางหว่านเอ๋อร์ มิสู้มาอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเราจะดีกว่า พวกเรายังขาดอีกสองคน!”

เดิมทีซ่างกวนเย็นอยากจะอยู่กลุ่มเดียวกับเย่เฟยหลี แต่เย่เฟยหลีไม่เคลื่อนไหวใดๆ อีกทั้งเกิดเรื่องเมื่อครู่ ในเวลานี้นางทำได้เพียงยอมล่าถอย จับกลุ่มกับหลิวเย่และอีกสองคน

ทางด้านฉู่เนี่ยนซี แม้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ ทุกคนจะเห็นความไม่ชัดเจน แต่เป็นเพราะชื่อเสียงของนาง คำพูดเหล่านั้นจึงกลายเป็นคำคุยโวโอ้อวด และทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เมื่อเห็นว่าฉู่เนี่ยนซียังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ซ่างกวนเย็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ เปิดเผยความคิดของนางแล้วอย่างไร ในที่สุดก็ยังต้องให้ความสำคัญกับวิชาความรู้ที่แท้จริง! อีกเดี๋ยวนางจะเหยียบนางให้จมดินแล้วขยี้!

“พระ……พระชายาหลี……ข้าขออยู่กลุ่มเดียวกับท่านได้หรือไม่?”

ในขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังแอบนับของมีค่าบนโต๊ะ ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนแอก็ดังออกมาในหู

ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น และเห็นหญิงสาวน่ารักคนหนึ่งที่มีกระบนใบหน้ายืนอยู่ตรงหน้านาง มองนางอย่างระมัดระวัง และกลัวว่านางจะปฏิเสธ

ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยิบตาด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร และยื่นมือออกไป “ยินดีรับเจ้าเข้ากลุ่ม!”

หญิงสาวที่มีกระมองไปยังมือที่ยื่นออกมา และไม่ตอบสนองอยู่นาน เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เนี่ยนซีจึงเป็นฝ่ายจับมือของนางไว้

หญิงสาวที่มีกระได้สติกลับมา ยิ้มอย่างเขินอาย และกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าชื่อเหยียนจือซิน”

“ดี!”

เย่เฟยหลีเหลือบมองไปที่มือของฉู่เนี่ยนซี จากนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปข้างๆ ฉู่เนี่ยนซี

“ข้าก็อยากจะอยู่กลุ่มเดียวกับเจ้า”

ในขณะพูด เย่เฟยหลีก็ยื่นมือออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี