นางไม่กล้าแตะไข่มงคลในจานสีแดงฉาน เพราะที่บ้านของท่านอา ไข่ถือเป็นของมีค่า มีเพียงจู้จื่อผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องเท่านั้นที่สามารถกินมันได้
ขนมมงคลก็อร่อยดี เพียงแต่ค่อนข้างแห้ง พอกินเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกกระหายน้ำ
“ดื่มน้ำด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยราวกับกำลังสั่งเด็กน้อย “เอ่อ ใช่แล้ว เจ้ามีนามว่ากระไร”
“จ้าวจิ่นเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
“ข้ามีนามว่าฉินมู่ซิว เจ้าเรียกข้าว่าอาซิวก็ได้”
จ้าวจิ่นเอ๋อร์ตอบอย่างเขินอาย
เมื่อท้องอิ่มแล้ว ท้องฟ้าก็มืดลง จ้าวจิ่นเอ๋อร์ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น
นางรู้ดีว่าวันนี้นางเป็นเจ้าสาวใหม่ และหน้าที่ของนางคือเข้าหอ
เมื่อก่อนตอนที่ซักผ้าอยู่ริมลำธาร นางเคยได้ยินพวกหญิงสาวที่ออกเรือนแล้วในหมู่บ้านพูดคุยเรื่องลับๆ ระหว่างสามีภรรยาอย่างบังเอิญ เมื่อเห็นว่าอีกประเดี๋ยวตนก็ต้องเผชิญกับเรื่องอย่างว่านั้นแล้ว จ้าวจิ่นเอ๋อร์ก็รู้สึกเขินอายจนหน้าแดงถึงลำคอ
“พื้นเย็นนะ เจ้าไม่ขึ้นมานอนหรือ”
ฉินมู่ซิวไม่เพียงแต่หน้าตาดีเท่านั้น น้ำเสียงยังไพเราะอีกด้วย ทว่าในเวลานี้กลับเหมือนเสียงสั่งตายเมื่ออยู่ในหูของจ้าวจิ่นเอ๋อร์ นางค่อยๆ ถอดเสื้อนอกออกอย่างเหนียมอาย ยืนอยู่ข้างเตียง ทว่าไม่กล้าขึ้นไป
ฉินมู่ซิวเขยิบเข้าด้านในเพื่อหลีกทาง “เจ้าไปนอนหันหัวไปทางนั้นเถอะ ข้าป่วยอยู่ เดี๋ยวเจ้าจะพลอยป่วยไปด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวจิ่นเอ๋อร์รู้สึกเหมือนได้รับการนิรโทษกรรม กระโดดขึ้นเตียงราวกับกระต่าย จากนั้นคว้ามุมผ้าห่มมาห่อกายตัวเองอย่างลวกๆ แล้วแสร้งข่มตานอน
อย่างไรเสียนางก็อายุยังน้อย อีกทั้งยังเร่งเดินทางมาค่อนวัน ไม่นานก็หลับไปจริงๆ
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่ปลายเท้าเบาลงและสม่ำเสมอ ฉินมู่ซิวที่อยู่ท่ามกลางความมืดก็ส่ายหัวเบาๆ
ยังเป็นเพียงเด็ก
วันต่อมา จ้าวจิ่นเอ๋อร์ตื่นตั้งแต่ยังไม่ทันรุ่งสาง เมื่อวานเร่งเดินทางมาครึ่งค่อนวันโดยที่ท้องว่าง ตกเย็นก็ได้กินขนมมงคลเพียงชิ้นเดียว จึงตื่นขึ้นมาด้วยความหิว
ทันทีที่สัมผัสท้องที่แฟบลง จ้าวจิ่นเอ๋อร์ก็นึกถึงคำพูดของแม่สื่อซุนพูดตอนเป็นแม่สื่อว่า “ตระกูลฉินร่ำรวยมาก มีเนื้อให้กินอยู่เนืองๆ”
ชาวบ้านทุกครัวเรือนในชนบทมีที่ดินไร่นาเพียงน้อยนิดในการดำรงชีวิต การอดมื้ออิ่มมื้อจึงถือเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา ใครจะกล้ากินเนื้อบ่อยๆ
จ้าวจิ่นเอ๋อร์กินเนื้อครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนเทศกาลตรุษจีน ครอบครัวของท่านอานางทำหมูตุ๋นน้ำแดงเพียงครึ่งจานอย่างตระหนี่ หนำซ้ำยังให้นางเอาน้ำที่เหลือติดจานไปคลุกข้าวกิน
“วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าเข้าบ้าน อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องมงคล จะมีเนื้อให้กินหรือไม่นะ?”
จ้าวจิ่นเอ๋อร์คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย และเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคสุดที่รัก