"แล้วผมเลือกอะไรได้บ้างล่ะครับ" นี่คือคำตอบที่เขาให้ไป
"เลือกได้สิลูก ถ้าลูกไม่แต่งแม่ก็.."
"พอเถอะคุณ" สายตาของผู้เป็นสามีจ้องหน้าภรรยา นางก็เลยไม่พูดต่อ สามีคงจะบอกว่าได้คนนี้เป็นสะใภ้ยังดีกว่าคนที่ผ่านมา
"เอาเป็นว่าเราจะจัดตามฤกษ์สะดวก ผมว่าเป็นสัปดาห์หน้าเลยดีกว่า"
"สัปดาห์หน้าเลยเหรอคะคุณพี่ น้องกลัวว่าจะไม่ทัน"
"ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวผมจะให้คนที่เขาถนัดจัดงานนี้รับหน้าที่ไป"
"ก็ได้ค่ะ"
ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้แต่นั่งฟัง และตอบตกลงตามที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายเสนอมาทุกอย่าง
จนการคุยสู่ขอผ่านไปด้วยดี
"ผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าเขายันตัวลุกขึ้น พอผู้ใหญ่ไม่ห้ามปรามเขาก็รีบเดินออกมา
"ฉันไปด้วยค่ะ"
"ดูจะติดกันตั้งแต่ยังไม่แต่งเลยนะคะเนี่ย" คนที่พูดตามไปก็คือผกาแก้วแม่ฝ่ายหญิง ..แต่ดูเหมือนว่าคู่สนทนาจะไม่อยากเจรจาด้วยอีกนั่นแหละ นางก็เลยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ
"คุณจะไปกับผมเหรอ" ออกมาถึงด้านนอกรามสูรหันกลับไปถามเธอที่เดินตามมา
"คุณช่วยไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อย ฉันอยากไปเฝ้าแม่"
"โรงพยาบาลไหนล่ะ" ชายหนุ่มก็เลยเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ส่วนหญิงสาวรีบเดินอ้อมไปเปิดอีกข้าง
[หน้าโรงพยาบาล]
"คุณพอจะมีเวลาว่างสักหน่อยไหมคะ"
"ทำไม" ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงขึ้นมาดูเวลา ว่าพอจะมีเวลาให้เธอไหม
"ถ้าคุณมีธุระก็ไปเถอะค่ะ" หญิงสาวกำลังจะถอดเซฟตี้เบลท์ออก แต่เธอหาที่ล็อคไม่เจอ "มันเอาออกยังไงคะ" เมื่อคืนนี้เธอมัวแต่มองรอบข้างก็เลยไม่ได้ดูว่าเขากดออกให้เธอแบบไหน
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปด้านข้างของตัวเองแล้วก็กด
"แฟนผมดื้อก็เลยต้องได้ทำแบบนี้" เห็นสีหน้าของเธอสงสัยก็เลยบอกไป ว่าทำไมเขาต้องดัดแปลงที่ล็อคใหม่
"ฉันไปก่อนนะคะ เออลืมเลย" กำลังจะลงจากรถแต่หันกลับมาอีกที "ฉันยังไม่มีเบอร์โทรคุณ"
"?"
"ก็เผื่อมีธุระด่วน จะได้โทรตามไงคะ ธุระเรื่องผู้ใหญ่ค่ะ" แค่ดูแววตาก็รู้แล้วว่าเขาคิดยังไง เป็นผู้หญิงแต่ดันไปขอเบอร์โทรผู้ชายก่อน
ชายหนุ่มก็เลยเอานามบัตรของตัวเองส่งให้
พอเธอลงจากรถเขาก็ขับออกไป
"ทำไมมาได้บ่อยจังเลยล่ะลูก" นางแปลกใจก็เลยถามลูกสาวดู
"แม่ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะ โรสจะมาหาแม่ได้บ่อยกว่านี้อีก"
"ทำไมเหรอ"
"ก็โรสกำลังจะออกเรือนแล้วไงคะ ลูกเขยของแม่ใจดีมากเลย"
"จริงเหรอลูก"
"ถ้าเขาไม่ติดธุระคงขึ้นมาด้วยแล้วค่ะ"
"เขามาส่งหนูเหรอ"
"ใช่ค่ะ"
"เขาทำงานทำการอะไรล่ะลูก" ที่นางถามเพราะอยากจะรู้จักคนที่จะฝากฝังลูกสาวไว้ด้วยให้มากกว่านี้
"ทำงานเหรอคะ.." หญิงสาวแอบล้วงเอานามบัตรในกระเป๋าออกมาดู "เขาเป็น CEO ค่ะแม่ เจ้าของบริษัท.." เธอก็เลยพูดตามชื่อบริษัทที่เขาให้นามบัตรมา
"การเป็นภรรยาต้องช่วยงานสามีด้วยนะลูก" ถึงแม้นางไม่เคยอยู่ในสถานะนั้น แต่ก็อยากจะสอนลูกสาวไว้
"ค่ะแม่" มือเรียวเอื้อมไปจับมือของแม่มาแนบไว้กับแก้ม "แม่ต้องหายเร็วๆ นะ จะได้ไปอยู่บ้านของลูกเขยด้วยกันไง"
นางไม่ได้ตอบลูกสาวหรอก เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีวันได้ออกจากโรงพยาบาล ถ้าออกไปคงไปแบบร่างที่ไร้วิญญาณ แต่นางก็ดีใจนะที่ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนที่จะจากโลกนี้
เช้าวันต่อมา.. ที่บ้านพลโทพงศธร
แต่ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เดี๋ยวหาว่าเขาแล้งน้ำใจก็เลยจะไปส่งเธอก่อน
[โรงพยาบาล]
"ขอบคุณมากนะคะ"
"จะกลับตอนไหน"
"ฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ"
พอส่งเธอเสร็จรามสูรก็รีบขับรถกลับบริษัท ที่จริงเขาไม่ใช่คนว่างงานหรอก เขายังมีกิจการของครอบครัว ตอนที่พ่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา ท่านอยู่ในตำแหน่งก็เลยมีชื่อรวมหุ้นของบริษัทไม่ได้
ค่ำมืดของวันเดียวกัน..
"ทำไมต้องนั่งแท็กซี่กลับ"
"คุณแม่?" อุตส่าห์คิดว่าจะแอบเข้ามาไม่ให้แม่เห็น ไม่รู้ว่าท่านยืนอยู่หน้าบ้าน
"ไหนบอกไปดูแหวนไง แล้วแหวนอยู่ไหน" นางเก็บทุกรายละเอียดเพราะไม่ชอบคนโกหก และเรื่องนี้สโรชาก็รู้ดี
"แหวนก็ต้องอยู่กับคุณรามสูรสิคะ ก็เป็นแหวนหมั้น"
"เขาซื้อให้กี่กะรัต"
"เออ.."
"ทำไมต้องโกหก ไปไหนมากันแน่" นางเลี้ยงดูของนางมาทำไมจะดูไม่ออก
"โรสไม่ได้โกหกนะคะ ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อโรสจะโทรหาคุณรามสูรก็ได้" ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
{"ที่รักคะ"}
อีกสถานที่หนึ่งที่ที่เธอโทรไปหา..
ตอนนี้เขากำลังมีประชุมด่วน เพราะต้องรีบเคลียร์งานก่อนงานแต่ง และในห้องประชุมค่อนข้างยุ่ง ก็เลยต้องได้เปิดเสียงโทรศัพท์ดังหน่อย
พอปลายสายเรียกที่รักมาเท่านั้นแหละ สายตาคมกรอกมองไปทั่วที่ประชุม เพราะตอนนี้ต่างก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียว
{"คุณแม่อยากจะเห็นแหวนที่เราไปดูกันค่ะ ฉันจำไม่ได้ว่ากี่กะรัต 5 หรือ 10 กะรัตนะคะ"}
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก