"ใครเหรอลูก?" ยายเห็นหลานสาวตกใจเมื่อผู้ชายร่างสูงเปิดประตูเข้ามา มือที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา รีบดึงหลานมาไว้ด้านหลังแบบไม่กลัวตาย ยังไงก็ต้องปกป้องหลานให้ได้ก่อน
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มไหว้พร้อมกับกล่าวสวัสดีแบบจริงใจ
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณยาย" ขณะที่พูดกับยายสายตาเธอยังคงมองดูผู้ชายตรงหน้าแบบคิดถึง
"คุณเป็นหัวโจกพวกนี้ใช่ไหม" ยายซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ก็ถามเหมือนคนบ้านๆ ทั่วไป
"หัวโจก?" ชายหนุ่มทวนคำพูดของหญิงวัยชราที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เอวาก็นึกขำในความคิดของยาย
"หลานสาวฉันเป็นหนี้พวกคุณอยู่เท่าไร ฉันพอจะมีที่ทางอยู่บ้างเดี๋ยวขายมาคืนให้"
"ไปกันใหญ่แล้วค่ะยาย" ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งอายเขา
"ผมว่าคุณยายไปนั่งก่อนดีกว่าครับ"
"คุยกันตรงนี้แหละ"
"ยายคะฟังวาก่อนนะ.. เขาไม่ได้เป็นแบบที่ยายคิดหรอก เขาเป็นทหาร" ก่อนอื่นต้องให้ยายรู้ก่อนว่าเขาไม่ใช่นักเลงแบบที่ยายคิด
"ทหาร? แบบทหารรับจ้างน่ะเหรอ?" มันยิ่งน่าตกใจกว่าคนที่ตามทวงหนี้รายวันเสียอีก
"ยายฉัน ดูทีวีมากเกินไปค่ะ" เอวาก็เลยหันไปพูดกับเขา
พอยายตั้งสติได้ก็แอบมองสายตาของทั้งสองที่มองกันและกัน
"พวกเราสองคนเป็นแฟนกันหรือ?"
"เออ.." เขายังไม่ได้ให้สถานะนั้นกับเธอ ก็เลยไม่รู้จะบอกยายยังไงดี
"เราเป็นมากกว่าแฟนกันครับ"
"เป็นมากกว่าแฟนยังไง" ยายยังคงถามฝ่ายชายต่อ
ทศกัณฐ์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาพร้อมจะมีครอบครัวแล้วเหรอ แต่หน้าที่การงานของเขามันเสี่ยงมาก ใจหนึ่งก็ไม่อยากดึงเธอเข้ามาในวงจรชีวิตที่ไม่รู้ว่าวันไหนเขาจะไม่ได้กลับมาแบบนี้
แต่พอเขาเงียบไปมันก็ทำให้อีกคนรู้สึกน้อยใจ เธออยากได้ยินเขาบอกยายว่าเธอเป็นเมียมากกว่า แต่ในเมื่อสถานะนั้นเขาเก็บไว้ให้คนอื่น..
"ฉันอยากกลับบ้านกับยาย"
"เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ"
"ฉันอยากกลับไปส่งยาย" เอวาพยายามทำตัวให้เขาไม่เห็นว่าเธอกำลังน้อยใจ
"ยายเพิ่งมาทำไมต้องรีบให้กลับด้วย พักอยู่ที่นี่ก่อน"
ยายของเอวาที่ยืนมองดูทั้งสองพูดคุยกัน ทำไมคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนจะดูไม่ออกว่าทั้งสองมีใจให้กัน
"ถ้างั้นเราเข้าห้องกันเถอะค่ะยาย" จากที่คิดถึงเขามาร่วมเดือนได้ ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นแบบที่คิดไว้ พอเขากลับมาเธอก็จะกอดให้หายคิดถึง ..แต่ตอนนี้คงต้องได้กอดยาย
"มีอะไรครับท่าน" เพลิงที่ยืนรออยู่ข้างนอกเห็นเจ้านายเดินออกมา
"ไม่รู้"
"อ้าว.. ท่านไม่รู้แล้วพวกผมจะรู้เหรอครับ"
"มึงกวนตีนกูอีกแล้วนะไอ้เพลิง"
"สงสัยทะเลาะกับเมียมา" เพลิงก็เลยหันไปพูดเบาๆ กับชาติ
"กับผู้ชายคนนั้นไปถึงไหนกันแล้ว" ยายยังไงก็เป็นยาย ถ้าไม่ไหวก็อยากจะพาหลานกลับ
เอวาไม่ได้ตอบเป็นคำพูด เธอตอบด้วยน้ำตา จนผู้เป็นยายโอบหลานเข้ามากอดไว้
"ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรา เหลนคนเดียวทำไมยายจะเลี้ยงไม่ได้"
"คุณยายรู้เหรอคะ" หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาออกแบบตกใจ เพราะไม่คิดว่ายายจะรู้เรื่องนี้แล้ว
ยายแก่ๆ ทำได้แค่พยักหน้า ทีแรกท่านก็ไม่มั่นใจเท่าไร แต่พอหลานพูดมาแบบนี้ชัวร์เลย
ดึกๆ คืนเดียวกัน,,
"ไม่ให้กลับ"
"แล้วคุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่ทำไม อยู่ในฐานะอะไร" คิดว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้วเชียว แต่ก็หยุดน้ำตาไม่ได้ทำไมถึงอ่อนแอนัก
"อยู่ในฐานะเมียไง"
ลูกน้องที่ยืนเรียงรายอยู่ต่างก็มองมา เพราะทุกคนรู้ดีว่าทศกัณฐ์ไม่อยากมีพันธะใดๆ
"คุณแน่ใจแล้วเหรอที่พูดแบบนี้" คนที่ถามเป็นยายบ้าง และดูจากที่เขามีบ้านเนื้อที่กว้างขวาง ลูกน้องเต็มบ้าน ทหารคนนี้คงยศคงไม่ธรรมดาแน่ และกิตติศัพท์ของเหล่าทหารพวกนี้ ก็เป็นที่พูดถึงเรื่องผู้หญิง ทำไมยายจะไม่รู้
"แน่ใจแล้วครับ" หลังจากที่ไม่ได้ตอบคำถามเธอมาทั้งคืน และไม่ได้นอนกอดเมีย ทั้งๆ ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน มันทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย ถ้าไม่เพราะฤทธิ์ยาเมื่อคืนนี้ก็คงจะนอนไม่หลับ
"ถ้าคุณแน่ใจคุณต้องจัดงานแต่งและยกย่องหลานของยายเป็นเมียในทะเบียน"
"เรื่องนั้นคงต้องใช้เวลาหน่อยครับ" เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่ขอเวลา
"ก็ได้ วันนี้ยายจะพาเอวากลับไปก่อน คุณต้องการเวลานานเท่าไรก็ได้"
"คุณยายจะพาเธอกลับเหรอครับ"
"ยาย.." ทีแรกก็ตั้งใจไว้ว่าจะกลับกับยายนั่นแหละ แต่พอได้ยินเขาบอกว่าเป็นเมีย ตอนนี้ไม่อยากจะไปเลยด้วยซ้ำ
"ถ้างั้นยายจะกลับก่อน" หลานยิ่งกำลังท้องก็เลยไม่อยากทำร้ายจิตใจ ถึงยังไงฝ่ายชายก็ออกปากแล้ว
"ขอบคุณมากนะคะยาย" เอวากอดยายไว้แน่น
ยายเธอก็เหมือนคนแก่บ้านนอกทั่วไปที่ห่วงบ้าน แต่เธอคิดเหตุผลที่จะเอายายมาอยู่ด้วยได้แล้ว คลอดลูกเมื่อไรจะให้ยายมาเลี้ยงเหลนเอง
ทศกัณฐ์ให้ชาติขับรถกลับไปส่งยายถึงบ้าน เพราะชาติเคยไปมาแล้ว
"เข้าบ้านกัน" มองตามท้ายรถของยายไปจนหลับตา ชายหนุ่มถึงชวนเธอเข้าบ้าน "มึงจะไปไหนไอ้เพลิง" แต่พอตอนเปิดประตูบ้านก็เห็นว่าเพลิงเดินตามมาติดๆ
"เข้าบ้านสิครับ"
"อยู่ข้างนอกนี่แหละ" ว่าแล้วทศกัณฐ์ก็ปิดประตูล็อกไว้ไม่ให้ใครเข้ามาได้..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก