มือเรียวเอื้อมไปโอบต้นคอพ่อของลูกแบบอยากเอาชนะผู้หญิงอีกคน แต่ใครจะรู้ว่าในใจนั้นเศร้ามากแค่ไหน ที่ต้องได้ทำตัวแบบนี้เพื่อแย่งสามีของตัวเองกลับมา
กึก! กึก!! เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นขณะที่มะปรางเดินออกจากห้อง และตามมาด้วยเสียงปิดประตูอย่างแรง จนคนที่นั่งทำงานอยู่ด้านนอกมองมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ใบหน้างามของหญิงสาวที่ยังคงพยุงตัวลุกไม่ได้ เพราะถูกมือหนาโอบร่างไว้ พยายามเบือนหน้าหลบอีกฝ่ายที่ยื่นริมฝีปากมาหวังจะจูบ
"ฉัน.. ฉันแค่จะเข้ามาถามเรื่องงาน"
"แค่จะมาถามเรื่องงานต้องอ่อยขนาดนี้เลยเหรอ" ขณะที่พูดดวงตาคมมองลงไปดูร่องหน้าอก เหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะเห็นจุกแล้ว
"แต่ก็ดูมันได้ผลดีไม่ใช่เหรอคะ" เธอจะถอยตอนนี้ไม่ได้ ต้องเดินหน้าต่อและพุ่งชนมันไปเลย
"อยากกลับมาเหรอ" รามสูรก็ยังคงเป็นรามสูร เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบพูดอ้อมค้อม และสิ่งที่เขาไม่ชอบอีกอย่างคือคนโกหก
"คุณถามแบบนี้ไม่เกรงใจผู้หญิงที่อยู่หน้าห้องเลยเหรอคะ" ขณะที่พูดใบหน้าหวานยังคงอยู่ใกล้อีกฝ่าย ถ้าเขายื่นมาแค่นิดเดียวก็จะพิชิตริมฝีปากของเธอได้แล้ว
มันไม่ได้เกินความคาดหมายของเขาหรอก เธอคงจะรับรู้เรื่องนี้มาแล้วจากปากแม่ของเขา และเธอคงจะจำมะปรางได้ดี เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เข้าไปส่องไอจีของมะปราง ซึ่งบางครั้งทางนั้นก็ชอบเอารูปคู่มาลง
และเขาก็รู้ดีว่ามะปรางคงจะจำเธอได้ ถึงได้ตั้งการ์ดมาแต่ไกลขนาดนั้น
รามสูรยังคงถือคติเดิม เขาไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ ถ้าคบใครก็จะไม่คบเผื่อเลือก ที่เขาไม่ตามเธอเพราะมะปรางจะกลับมา นั่นหมายถึงว่าเขายังเลือกมะปรางอยู่ จนมาถึงวันนี้ที่เห็นเธอกลับมาอีกครั้ง
"ถ้าจะคิดนานขนาดนั้นฉันว่าคุณปล่อยฉันได้แล้วมั้งคะ"
เธอต้องเข้มแข็งสิสโรชา ..พอเขาปล่อยจริงก็มีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นมา นั่นคือความรู้สึกน้อยใจ ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแค่ไหนเขาก็ยังคงเลือกผู้หญิงคนนั้น
"เรามาพูดเรื่องงานกันดีกว่าค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ฉันยังไม่มีงานอะไรทำเลย"
"อยากทำอะไรก็ทำไป" เขาหันกลับไปทำงานอีกครั้ง จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน
"เอาเป็นว่าฉันไปถามผู้จัดการก็ได้" ที่เธอพูดไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะถ้าท่านประธานไม่ป้อนงานมาให้ก็คงต้องผู้จัดการแล้วล่ะ จะให้เธอไปทำเองยังไม่รู้เลยว่าบริษัทเขาทำเกี่ยวกับอะไร
"ไม่ต้อง" ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันกลับไปด้านหลังของตัวเองแล้วหยิบเอกสารบนชั้นนั้นออกมา
"งานอะไรคะ" เธอเอื้อมมือไปรับเอกสารนั้นมาเปิดดู
"ส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์"
"แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง" เธอไม่ได้เรียนมาทางนี้เลย ถ้าให้ทำบัญชียังจะง่ายกว่า
"คุณก็ต้องตามงานที่จะส่งออก"
"ตามงาน ถ้างั้นต้องตามกับผู้จัดการฝ่ายผลิตใช่ไหมคะ" ว่าแล้วหญิงสาวก็หันหลังให้กำลังจะออกไปอีกครั้ง
"ไม่ต้อง"
"อะไรของคุณอีกล่ะ"
"แค่ติดต่อเลขาผู้จัดการก็พอ"
"แปลกคนคุยกับผู้จัดการเลยจะไม่ง่ายกว่าเหรอ" หญิงสาวบ่นพึมพำขณะที่เดินออกมาจากห้องนั้น
"กาแฟค่ะบอส" เลขาหน้าห้องรอจังหวะที่ประตูเปิดออกอยู่แล้ว เพราะแอบฟังอยู่ตลอด พอคนที่อยู่ด้านในออกมามะปรางก็รีบเข้าไป "กาแฟค่ะบอส" ที่มะปรางต้องได้พูดซ้ำเพราะสายตาเขายังคงมองตามคนที่เพิ่งจะออกไป
"ก็วางไว้สิ"
"คุณเปลี่ยนไปนะคะ"
"เปลี่ยนไปยังไง"
"เมื่อกี้คุณไล่ฉันออกไป"
"คุณนั่นแหละเป็นอะไร จะเข้าห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะประตู" มือหนึ่งซ่อนโทรศัพท์อีกมือยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออก
"หึงผมเรื่องเมื่อกี้เหรอ"
"!!" เธอยังคงติดสายอยู่กับลูกชาย แถมคนที่เป็นเจ้าของเครื่องก็คือคุณย่าอีก "เห็นภาพแบบนั้นคุณจะให้ฉันหัวเราะร่าเริงหรือไง"
"เราจะไม่พูดเรื่องนั้นกัน ผมจะมาคุยเรื่องงานที่ต้องตาม"
"เดี๋ยวฉันจะไปหาคุณที่ห้อง"
"ไม่ต้อง เดี๋ยวจะพาลงไปดูฝ่ายผลิต ว่าต้องตามงานตรงไหนบ้าง" ที่จริงไม่จำเป็นต้องให้รองประธานลงไปตามงานเอง แต่ในเมื่อเธออยากทำงานเขาก็เลยจะสอนให้รู้ทีละขั้นตอน
ขณะที่ทั้งสองเดินผ่านหน้าห้องทำงาน เลขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นมองแบบไม่พอใจเอามากๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้เห็น เพราะคิดว่าสโรชากำลังเล่นสงครามประสาทกับตัวเองอยู่แน่
ในลิฟต์..
"??" หญิงสาวที่ยืนมองตัวเลข ตกใจเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายถอดเสื้อสูทมาคุมตัวให้
"ตัวเองทำงานเป็นถึงรองประธาน ต้องเป็นเยี่ยงอย่างให้พนักงาน"
"เยี่ยงอย่างยังไงคะ"
"อย่างเช่นเรื่องการแต่งตัว"
ทีแรกแอบดีใจที่เขาถอดเสื้อสูทมาให้ใส่ทับ คิดว่าเป็นห่วงกลัวคนอื่นมอง แต่ที่ไหนได้กลัวเป็นเยี่ยงอย่างไม่ดีต่อพนักงานนี่เอง
"....."
พอประตูลิฟต์เปิดออก สโรชาก็ถอดเสื้อสูทนั้นคืนให้กับเจ้าของ และเธอก็เดินออกจากลิฟต์ไปก่อน..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก