ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ข้อเสียอย่างเดียวของลูกชาย เวลาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครก็จะร้องไห้ เพื่อส่งเสียงบอกว่าตอนนี้เขาตื่นแล้วนะ
คนที่เช่าบ้านข้างๆ ชะโงกใบหน้ามองผ่านรั้วบ้านมาดูอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง มองไปหลังบ้านก็เห็นว่าแม่ของเด็กที่กำลังตากผ้าอยู่รีบวิ่งเข้ามา
"รามิลครับ โอ้ย" รีบมากจนขาสะดุด แต่โชคดีที่ยังไม่ล้ม เพราะเกาะขอบประตูไว้ได้ทัน
จังหวะนั้นคนที่แอบมองอยู่แทบอยากกระโดดข้ามรั้วมาช่วย แต่ก็ต้องได้หยุดตัวเองไว้
"หนูหิวแล้วเหรอลูก" สโรชาอุ้มลูกพร้อมกับเดินไปที่ชงนม ถ้าวางแกลงมีหวังร้องไห้ลั่นบ้านอีกแน่
เธอแบ่งน้ำออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งปล่อยไว้ให้พออุ่นๆ เวลาชงจะได้ง่ายหน่อย
หญิงสาวอุ้มลูกชายพร้อมเขย่าขวดนมเพื่อให้นมผงละลายในน้ำ เด็กน้อยก็หัวเราะจนเสียงดัง เวลาเห็นเขย่าขวดนมทีไรรามิลชอบมาก
คนที่ยืนพิงรั้วบ้านอยู่ มีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเด็กหัวเราะ แต่ดวงตาของเขาเจือปนไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าออกมา
หน้าบ้าน..
"เราจะไม่เข้าไปดูหน่อยหรือคะคุณท่าน" แม่บ้านที่นั่งรถมาด้วยกันถามผู้เป็นนาย
"ไม่ต้องหรอกปล่อยไว้แบบนี้แหละ" รถของพุดตาลจอดอยู่หน้าบ้านนี่เอง และนางก็ลดกระจกลงเพื่อฟังเสียงหลาน แถมยังแอบส่องเข้ามาเห็นคนที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของบ้านอีกหลังด้วย
"แล้วเราจะเอายังไงต่อคะ"
"กลับบ้านกันก่อน วันหลังค่อยมาใหม่" คนเป็นย่าคิดถึงหลานชายแทบใจจะขาด ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วนางคอยประคบประหงมไม่ยอมห่าง
แต่พุดตาลก็ไม่ได้ทิ้งแม่กับลูกไว้แบบนี้ เพราะนางให้คนเฝ้าอยู่ไม่ไกล ที่จริงคนของนางก็ทำงานเร็วเท่ากับนักสืบ ถ้าไม่งั้นคงไม่รู้เรื่องสามีตัวดีมีนอกบ้านหรอก
พุดตาลแอบดีใจที่ลูกชายไม่เหมือนพ่อซะทุกอย่าง เห็นลูกชายเป็นห่วงเมียกับลูกแล้วคนเป็นแม่ก็หายห่วง
"เรากลับกันเถอะ" พุดตาลสั่งคนขับรถ ระยะทางจากที่นี่กลับบ้านก็ร่วมสองชั่วโมงได้
เวลาผ่านไป.. รามิลตื่นขึ้นมากินนมและเล่นได้สักพักก็ง่วงนอนอีก เธออยู่เป็นเพื่อนลูกจนหลับสนิท สโรชาถึงได้ออกมาทำงานบ้านต่อ
พอออกมาอากาศก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ดูจะครึ้มฟ้าครึ้มฝน ผ้าที่ตากไว้ก็เลยต้องได้เก็บเข้ามาตากไว้ที่ร่มแทน
พอได้ยินเสียงสัญญาณรถพุ่มพวงที่ขายของ สโรชาก็รีบออกมายืนรอหน้าบ้าน เธอมีลูกน้อยก็เลยไม่สะดวกไปตลาด ต้องได้ใช้บริการรถที่เรียกว่าพุ่มพวง
หญิงสาวเลือกสองสามอย่าง เพื่อจะมาทำเป็นอาหารให้กับตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงินติดตัวมา แต่เธอจะใช้เงินเปลืองไม่ได้เพราะลูกก็โตขึ้นทุกวัน
"แล้วเจ้าตัวเล็กไปไหนล่ะ"
"รามิลหลับอยู่ค่ะ" เธอเคยอุ้มลูกออกมาซื้อของ พ่อค้าก็เลยเอ็นดู
พอได้ของที่ต้องการ สโรชาก็กลับเข้ามาปรุงเป็นอาหารแบบง่ายๆ เพราะเธอกินอาหารรสจัดไม่ได้
ทำความสะอาดไปได้สักพักรถขายอาหารก็ส่งสัญญาณมาแต่ไกล หลายวันแล้วที่เธอทำแบบนี้วนไป แต่ทำไมเธอถึงมีความสุขมาก ถึงแม้มันจะเหนื่อย แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว หวังว่าเวลาแห่งความสุขของเธอกับลูกจะยาวนาน
ขณะที่รอรถขายอาหารวิ่งมาถึงบ้าน หญิงสาวก็รีบเช็ดน้ำตาออก โชคดีช่วงกลางวันคนแถวนี้ออกไปทำงานกันหมด เมื่อไรเธอจะเข้มแข็งได้สักที
ช่วงที่ซื้ออาหาร หญิงสาวก็คอยฟังเสียงลูกชาย ถ้าตื่นเขาจะร้องไห้ แต่ตอนนี้เงียบมากสโรชาก็เลยมีเวลาทำอาหารต่อ
[บริษัท]
ในเมื่อลูกชายเข้ามาดูงานที่บริษัทไม่ได้ คนเป็นแม่ก็เลยต้องได้มาจัดการแทน เรื่องงานในบริษัทนางรู้ทุกอย่าง พออายุเยอะพุดตาลก็ปล่อยให้ลูกเป็นคนบริหารไปเองคนเดียว
"เรื่องส่งของออกมีปัญหาอีกแล้วครับท่าน"
"บอกลูกค้าเราจะรับผิดชอบ" การขนส่งทางเรือไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย เวลาไหนที่คลื่นลมแรง ของที่ส่งไปชอบจะมีความเสียหายเกิดขึ้นบ่อย ถึงต้องได้ทำประกันภัยเกี่ยวกับของเสียหายไว้
"ใคร?" ช่วงที่ทำอาหารอยู่ในครัวเธอเหมือนได้ยินเสียงดังตุ๊บอยู่ข้างรั้ว "หรือว่าเราหูฝาด" มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร
หญิงสาวอดชะโงกหน้ามองไปดูบ้านข้างๆ ไม่ได้ รั้วบ้านเป็นแบบปิดทึบก็จริง แต่ความสูงถ้าเขย่งเท้าขึ้นมองก็จะเห็นบ้านอีกหลัง
"สงสัยจะไปทำงานหรือเปล่า ไม่เห็นมีคนอยู่บ้าน" พูดแค่นั้นเธอก็เดินไปทำครัวต่อ
มือหนายื่นไปแตะกระจกหน้าต่างที่มีเด็กชายตัวน้อยๆ นอนหลับอยู่ในห้องนั้น ดวงตาของคนที่มองผ่านกระจกเข้าไป มีน้ำตาเจือปนออกมาให้เห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก