"คุณเห็นสามีของฉันไหมคะ" คิดว่าตัวเองหาดีแล้วแต่ก็ไม่เจอเขา มีวิธีเดียวคือถามคนที่เพิ่งจะขึ้นมาบนเรือ "สามีฉันตัวสูงๆ เขาเป็นอีกคนที่ลงไปช่วย.." แต่ดูเหมือนทุกคนกำลังวุ่นวายกันอยู่จนเธอต้องได้หลบทางให้ก่อน
เป็นแบบนี้เองเหรอ เรือที่เขาออกมาช่วยชีวิต ผู้ที่ประสบภัยกลางทะเล เคยนั่งดูแต่ถ่ายทอดตามโทรทัศน์หรือไม่ก็สื่อโซเชียล ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเองแบบนี้
"กัปตัน" มองไปอีกทีก็เห็นกัปตันออกมาตรวจสอบ "กัปตันสามีฉันอยู่ไหน" หญิงสาวรีบตรงเข้าไปหาคนที่จะให้คำตอบเธอได้
"คุณออกมาทำไมครับ"
"คุณรามสูรสามีฉันอยู่ไหน"
"เรือของคุณรามสูร.."
"ไหนคุณบอกว่าเขาปลอดภัย ตอนนี้เขาอยู่ไหน ตอนนี้สามีฉันอยู่ไหน!!" ขณะที่ถามเธอพยายามจะไม่มองท่าทีที่กัปตันเรือกำลังสื่อให้เห็น
"ทางเราต้องขออภัยด้วย ผมขอไปแจ้งชายฝั่งก่อน" หลังจากการตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเรือลำนั้นที่บอกว่ากำลังมีปัญหาไม่ได้กลับมาด้วย กัปตันต้องได้ทำหน้าที่แจ้งไปยังกองบัญชาการ
"ไม่นะ!" แม้แรงจะยืนก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่เธอต้องได้รีบเดินตามหลังกัปตันเรือไปให้ทัน
"มีเรือเล็กอีกลำขออาศัยขึ้นเรือใหญ่ของเราครับ" เสียงตะโกนดังมาจากชั้นล่างเพื่อให้กัปตันที่อยู่ชั้นบนได้ยิน
พอได้ยินกัปตันก็รีบเดินไป ณ.จุดที่มองเห็นว่าเป็นเรือที่มาจากประเทศไหน เพราะตรงจุดเกิดเหตุ ถึงแม้จะอยู่ในน่านน้ำไทย แต่ก็ใกล้อีกหลายอาณาเขต
"อนุญาตให้ขึ้นเรือได้" เห็นแค่ธงก็รู้แล้วว่าเป็นเรือของประเทศเดียวกัน กัปตันและลูกเรืออีกหลายคนรีบวิ่งลงมา เพราะดูเหมือนว่าเรือลำนั้นจะมีผู้ประสบภัยติดมาด้วย
อีกหนึ่งคนที่วิ่งตามลงมาก็คือสโรชา หญิงสาวภาวนาขอให้หนึ่งในนั้นมีสามีของเธออยู่ด้วย
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าข้างเธอจนได้ เมื่อมองไปเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังประคองร่างของสามีเธอขึ้นมาบนเรือลำใหญ่
กัปตันไม่เคยหายใจโล่งขนาดนี้มาก่อน เมื่อเห็นบุตรชายของท่านพลเอกปลอดภัยกลับมา เพราะถ้าไม่เช่นนั้นคงเป็นกัปตันเรือต่อไปอีกไม่ได้แน่
"ผมบอกให้รออยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ" แม้เรี่ยวแรงจะยืนเองยังไม่มี ต้องให้คนได้ช่วยพยุงร่าง แต่เขาก็ยังคงพูดแบบเป็นห่วงไม่อยากให้เธอออกมาเห็นภาพพวกนี้
หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวสั่นระริก ดวงตาที่เจือปนไปด้วยน้ำตา จ้องมองใบหน้าของเขาแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"ขอบคุณนะคะที่คุณทำตามสัญญา" ขณะที่มองสามีอยู่ ดวงตาของเธออดมองดูผู้ชายอีกคนที่หอบหิ้วร่างของเขาขึ้นมาบนเรือไม่ได้ ทำไมหน้าตาของทั้งสองถึงละม้ายคล้ายกันนัก เขาเป็นลูกชายคนเดียวไม่ใช่เหรอ แต่หญิงสาวก็ทิ้งความสงสัยนั้นไว้ก่อน เมื่อแพทย์ประจำเรือรีบเข้ามาดูอาการของสามีเธอ
"พวกคุณเป็นเรือมาจากที่ไหน" มีเรือลำอื่นขอขึ้นต้องได้ตรวจสอบอยู่แล้ว และหน้าที่นั้นก็คือหน้าที่ของกัปตัน
"ผมแค่ออกมาหาอาหารทะเลไปกิน" คำตอบกวนๆ ได้ออกมาจากผู้ที่ช่วยชีวิตหลายคน แม้แต่กัปตันเรือเอง เพราะคนที่เขาช่วยก็คือบุตรชายของท่านพลเอกซึ่งมีอำนาจสูงสุด "ผมขออยู่ในเรือจนกว่าพายุจะผ่านไปแล้วกัน" ว่าแล้วชายนิรนามก็เดินเข้าไปในเรือแบบถือวิสาสะ แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร แถมยังหาอาหารเครื่องนุ่งห่มห่มมาให้เปลี่ยน
รามสูรถูกพามาไว้ในห้องพัก ซึ่งมีสโรชาคอยดูแลไม่ยอมห่าง เพราะตอนนี้เขาได้รับยาเข้าไป เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนมากที่สุด
เวลาผ่านไปดึกดื่นค่อนคืน เธอเริ่มนึกกลัว เพราะเรือลำนี้ไม่ได้มีแค่คนเป็น หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้สามีแล้วจับมือของเขามาโอบร่างตัวเองไว้
แต่คนเป็นสามีไม่รู้ตัวเลย เพราะฤทธิ์ยาทำให้เขาหลับลึกมาก
จนถึงเช้าวันใหม่ สโรชาก็ยังคงอยู่ในอ้อมกอด แต่ตอนนี้เจ้าของอ้อมกอดนั้นได้มองเธอที่เพิ่งจะตื่นนอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก