ในกลางดึกหลังจากที่เรนจิหลับไปแล้ว วายุก็จัดการอุ้มเขาไปนอนริมเพื่อที่จะให้ยี่หวาอยู่ตรงกลางแทน “เดี๋ยวเรนก็ตกเตียงหรอก”
“ไม่เด็กแล้ว”
“สำหรับคุณไม่เด็ก แต่สำหรับฉันเรนยังเป็นแค่เด็ก 5 ขวบ” ยี่หวากดเสียงต่ำ เพื่อให้รู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจที่เขาเลี้ยงลูกแบบนี้
“ก็ฉันอยากนอนกอดเธอ” เสียงวายุอ่อนลงทันที พร้อมกับดันหัวยี่หวาให้มาซุกที่หน้าอกของเขา
“คุณควรดีใจนะที่เรนอนุญาตให้คุณนอนบนเตียงกับฉันด้วย” เพราะว่าช่วงนี้มีพวกนักข่าวให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของวายุเยอะ เธอจึงยังไม่อยากกลับไปอยู่แบบเดิม อันที่จริงคอนโดเธอก็มีห้องนอนสองห้อง แต่วายุไม่ยอมนอนแยกกับเธอ เรนจิก็เลยต้องจำใจยอมให้เขานอนด้วย
“ถ้าไม่อนุญาตผมจะไล่ให้เขากลับไปนอนที่บ้าน”
ช่างเป็นพ่อลูกที่เข้ากันได้ดีจริงๆ
“ว่าแต่ทำไมคุณถึงจัดการกับกล้องวงจรปิดให้เหนื่อยด้วยค่ะ ปล่อยให้ลบไปเลยก็ได้นี่คะ” ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้มันยุ่งยากเลย เพราะเธอรู้ว่าเขาต้องเอาไฟล์ที่มีก่อนหน้านี้มาตัดต่อและทับซ้อนกันให้ต่อเนื่องโดยการตัดช่วงที่เธอเดินผ่าน
“ไม่เหนื่อย”
“แต่มันก็ได้ผลตอบรับดีมากเลย เพราะพวกชาวเน็ตต่างก็คิดว่าดาหลาเรียกร้องความสนใจ แทบจะไม่มีใครสงสารเลย” แต่ก็น่าเสียดายที่เธอถูกขังแค่วันเดียว “คุณว่าฉันทำเรื่องแย่เกินไปไหม”
“น้อยไป”
แสดงว่าทำแบบนี้ยังน้อยไป “เดี๋ยวฉันรอให้ทางนั้นเคลื่อนไหวก่อนแล้วค่อยโพสต์ไพ่ไม้ตายลงไป”
“โพสต์เลย”
“คุณว่าโพสต์เลยดีกว่าเหรอ” วายุไม่ตอบแต่พยักหน้าเล็กน้อย ซึ่งยี่หวาที่อยู่ในอ้อมกอดก็รู้สึกได้ “ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
วายุก้มหน้าลงไปจูบที่ผมหญิงสาวเบาๆ “ดีมาก”
วันต่อมาวายุไม่ไว้ใจยี่หวาแล้วจึงสั่งให้เธอมาที่บริษัทกับเขาด้วย เพราะวันนี้เรนจิต้องไปโรงเรียนแล้ว แม้ว่ายี่หวาจะไม่อยากมาเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา
“ผู้หญิงคนนั้นใช่คุณดาหลาหรือเปล่า” เสียงพนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นยี่หวาเดินเข้ามาข้างในบริษัทพร้อมกับวายุ แถมเขายังจับมือเธอไว้อีก แต่ที่พวกเขาไม่รู้ว่าเธอคือใคร เพราะยี่หวาใส่ผ้าปิดปาก
“ไม่น่าจะใช่ เพราะรู้สึกว่านักแสดงที่ชื่อดาหลาตอนนี้ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย”
“หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นชู้อย่างที่ในข่าวบอกมาจริงๆ”
วายุที่ได้ยินมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะหันไปส่งสายตาให้พิพัฒน์ที่ยืนอยู่แถวนั้นเป็นคนจัดการ ซึ่งพิพัฒน์เองก็รู้งานดีเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “เธอจะเขียนใบลาออกเอง หรือจะให้ทางเราเป็นฝ่ายไล่ออก”
“ไล่…ออก? ฉันแค่พูดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นชู้ตามที่ข่าวบอกเองนะ…” คำพูดของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกกลืนกินกลับไปเมื่อเห็นสายตาแหลมคมของวายุที่ส่งมา แม้จะเพียงหนึ่งวินาทีแต่มันก็ทำให้เธอทรุดลงกับพื้นทันที
ยี่หวามองเหตุการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกอดสงสารผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ จึงหันไปกระซิบกับวายุเบาๆ “คุณจะไล่เธอออกจริงๆ เหรอคะ”
“ไม่ได้ไล่ เธอลาออกเอง” เพราะเขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเลือกที่จะเขียนใบลาออกเองแน่ เพราะถ้าเธอถูกทางบริษัทไล่ออก ก็เท่ากับว่าชีวิตเธอจบแล้ว เพราะคงไม่มีบริษัทไหนกล้ารับเธอเข้าทำงานถ้าหากรู้ว่าถูกไล่มาจากพิชญไพศาลกรุ๊ป
ยี่หวาถึงกับพูดไม่ออก เพราะมันก็เป็นอย่างที่เขาพูด แต่ก็เป็นเพราะเขากดดันผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือไง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม