ห้าวินาทีก่อนหน้านี้ ขณะที่ยี่หวากำลังคุยกับวายุอยู่ จู่ๆ รถกระบะที่ขับตามหลังเธอก่อนหน้านี้ก็เหยียบคันเร่งจนมาชนท้ายเธอเข้าอย่างจัง และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจงใจด้วย ยี่หวาที่กำลังจะเหยียบหนีก็ต้องหักหลบ จนชนเข้ากับเสาบริเวณเกาะกลางเต็มๆ เพราะข้างหน้ามีรถกำลังติดไฟแดงอยู่
ช่วงเสี้ยววินาทีนั้นยี่หวาก็รีบทิ้งโทรศัพท์ในมือก่อนจะพลิกตัวไปอยู่ตรงหน้าเรนจิ และกอดเขาแน่นเพื่อบังเศษกระจกที่แตกให้ จนมีเศษกระจกชิ้นหนึ่งทิ่มเข้ามาที่หลังเธอเต็มๆ
เพราะรถวันนี้ที่เธอขับเป็นรถธรรมดาที่ให้อมีเลียเอามาให้ ระบบความปลอดภัยจึงไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร...
ยี่หวาที่พอจะรู้สึกตัวก็พยายามยื่นมือไปหยิบเอกสารผลตรวจดีเอ็นเอที่เสียบอยู่ส่งให้เรนจิถือไว้ ก่อนจะพึมพำออกมาอย่างยากลำบาก “เอาให้...พ่อหนู...แม่...รักลูกนะ”
จากนั้นยี่หวาก็หมดสติไป เรนจิที่เห็นว่าแม่ของเขาไม่ขยับตัวแล้วก็นิ่งงัน ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวใดๆ เช่นกัน มือเล็กๆ กำเอกสารไว้แน่น ดวงตาเหม่อลอยมองยี่หวาที่มีเลือดท่วมตัวอยู่
วายุที่รู้สึกถึงความผิดปกติในโทรศัพท์ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องทำงานจนลืมรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ในใจได้แต่ภาวนาขอร้องว่าอย่าให้เกิดอันตรายใดๆ ขึ้นกับยี่หวาและเรนจิเลย
ธาราธรอาสาขับรถให้เพราะเขากลัวว่าพี่ชายเขาจะรีบจนเกิดอันตราย วายุเปิดจีพีเอสแล้วมายังจุดที่ยี่หวาอยู่ พอเห็นอุบัติเหตุข้างหน้าก็ไม่รอช้าวิ่งลงมาจากรถเห็นหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังถูกพาขึ้นรถพยาบาล
จากนั้นสายตาเขาจะเหลือบไปเห็นลูกชายที่ยืนนิ่งสายตาเลื่อนลอยมองยี่หวา รอบตัวมีพยาบาลคนหนึ่งเช็กอาการอยู่ วายุรีบเดินไปหาเรนจิทันที แม้ว่าตอนนี้ในใจเขาจะกลัวมาก แต่สติก็ต้องมาเป็นอันดับแรก “ลูกเป็นอะไรไหม”
เรนจิเงยหน้าขึ้นไปมองวายุอย่างกับหุ่นยนต์ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นเอกสารในมือให้เขาตามที่ยี่หวาสั่ง วายุหยิบมาแต่ยังไม่เปิดดู เพราะตอนนี้ร่างกายลูกชายเขาสำคัญที่สุด
“ตัวเล็ก...ปลอดภัยดีค่ะ เพราะคุณยี่หวา...เอาร่างกายมาบังให้” พยาบาลสาวเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักเพราะไม่รู้ว่าจะตกใจกับอะไรก่อนดี
อย่างแรกคือผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุคือดาราสาวที่ชื่อยี่หวา...
อย่างที่สองดูเหมือนว่ายี่หวาจะมีลูกแล้ว...
อย่างที่สามผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้คือประธานภูวิศชื่อดัง...
อย่างที่สี่ลูกชายของยี่หวาก็คือลูกชายของประธานภูวิศ...
โชคดีแค่ไหนที่ตัวเธอเองนั้นยังไม่ช็อกตายกับเหตุการณ์ตรงหน้าเสียก่อนจะได้รักษาคนเจ็บ
“หวังว่าจะเป็นความลับ” น้ำเสียงเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยการข่มขู่ ทำเอาพยาบาลสาวรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ค่ะๆ พวกเราทุกคนจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” เจอสายตาแบบนี้ต่อให้เขาไม่บอกก็ไม่มีใครกล้าพูดออกไปหรอก
วายุไม่สนใจพยาบาลคนดังกล่าวรีบอุ้มเรนจิแล้วขึ้นไปยังรถพยาบาลด้วย ทำเอาพยาบาลและหมอแต่ละคนหายใจไม่ทั่วท้องเลย ไม่กี่นาทีต่อมารถพยาบาลก็มาถึงโรงพยาบาล
ขณะที่มาวายุได้โทรไปบอกกับรชานนท์ก่อนแล้ว พอมาถึงเขาก็รีบวิ่งออกมารับ จากนั้นก็เข็นยี่หวาไปยังห้องฉุกเฉิน
“เป็นไงบ้างพี่! เรนไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วยี่หวาปลอดภัยใช่ไหม” ธาราธรที่ขับรถตามมาถึงก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของเรนจิที่นั่งนิ่งเหมือนหิน “เรนเป็นอะไรไป เรนพูดกับอาสิ”
จากนั้นบรรยากาศก็เงียบไป เพราะธาราธรเองก็ไม่กล้าส่งเสียงดังอีก เนื่องจากตอนนี้เรนจิไม่แม้แต่จะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ
วายุกดเบอร์โทรหาพีรพัฒน์ เขาเป็นพี่ชายเธออย่างน้อยเขาก็ควรที่จะรู้เรื่องนี้ และไม่กี่นาทีต่อมาพีรพัฒน์ก็วิ่งหน้าตั้งมายังหน้าห้องฉุกเฉิน
ธาราธรถึงกับคิ้วขมวดเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้ “ทำไมมาเร็ว”
“พอดีผมมาทำธุระที่โรงพยาบาลนี้พอดี แล้วยี่หวาเป็นยังไงบ้างครับ เธอปลอดภัยใช่ไหม” พีรพัฒน์พูดออกมาน้ำตาคลอเบ้า
“เรนหลานย่า!!! เรนเป็นยังไงบ้าง!” พิชญ์สิณีที่ได้รับโทรศัพท์จากธาราธรว่าเรนจิเกิดอุบัติเหตุก็รีบให้คนขับรถที่บ้านมาส่งที่โรงพยาบาลทันที
“หลานไม่เป็นไรใช่ไหม” ธวัฒน์ที่เพิ่งมาถึงก็หันไปถามเรนจิขึ้นเช่นกัน แต่เรนจิก็นั่งจ้องไปยังประตูห้องฉุกเฉินโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
“เรนปลอดภัย” วายุพูดออกมาลอยๆ เพราะสายตาเขาตอนนี้หยุดอยู่ที่เป้าหมายเดียวกับลูกชาย
“จะปลอดภัยได้ยังไง! ดูตัวเรนสิ มีเลือดเต็มไปหมดเลย ทำไมแกไม่พาเรนไปให้หมอดู ทำไมถึงปล่อยให้มานั่งอยู่ตรงนี้...” พิชญ์สิณีตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ
ธาราธรที่เห็นท่าทางไม่ดีของพี่ชายก็รีบพูดขึ้นแทน “คุณป้าใจเย็นก่อนนะครับ บนตัวเรนเป็นเลือดยี่หวา”
แต่พอพิชญ์สิณีได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้นอารมณ์ก็ร้อนขึ้นไปกว่าเดิมอีก “อย่าบอกนะว่าที่เรนเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น” จากนั้นก็หันไปบ่นกับวายุ “นี่ลูกปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นไปไหนมาไหนกับเรนงั้นเหรอ ลูกไว้ใจเธอมากเกินไปแล้ว! ต่อไปแม่ขอสั่งห้ามไม่ให้ลูกพาเรนไปไหนกับเธออีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม