ในที่สุดวันที่ยี่หวารอคอยก็มาถึง ไม่ใช่วันที่เธอจะได้รู้ว่าเรนจิเป็นลูกของเธอไหม แต่มันคือวันที่ทุกคนจะได้รู้ความจริงว่าเธอมีลูกชายน่ารักขนาดไหน แต่ก่อนอื่นเธอจะแอบวายุไปโรงพยาบาลได้ยังไง ก็เขาเล่นตัวติดกับเธอไม่ยอมห่างเลยนี่สิ
ขนาดเธอเองก็นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา แต่เขาก็ยังเหลือบตาขึ้นมามองเธอเป็นระยะๆ เลย นี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เรนจิจะเลิกเรียนแล้วด้วย
ขอให้เขามีงานด่วนเข้ามาทีเถอะ!
วินาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์วายุก็ดังขึ้น เขามองบนหน้าจอเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องนอน แต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตามามองเธอเพื่อเป็นการเตือนว่าห้ามไปไหน
เอ๊ะ? ทำตัวมีพิรุธ...แต่ช่างเถอะ! เพราะนี่เป็นโอกาสทองของเธอที่จะสามารถออกไปข้างนอกได้โดยที่เขาไม่รู้
ยี่หวาไม่รอช้ารีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย แล้ววิ่งออกมาจากห้องทำงานของวายุทันที แต่จังหวะนั้นเองสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นธาราธรที่กำลังเดินมาพอดี ยี่หวาจึงรีบย่อตัวลงแล้วก้มลงไปหลบใต้โต๊ะของพนักงานคนหนึ่ง
ซึ่งพนักงานคนนั้นก็รู้งานดี นั่งทำงานต่ออย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอธาราธรเดินกลับเข้าห้องไปยี่หวาก็รีบลุกขึ้น แต่ก่อนจะวิ่งออกมาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณกับพนักงานที่ช่วยเธอไว้
แต่เนื่องจากหลายวันมานี้ยี่หวาต้องมาที่ทำงานพร้อมวายุตลอด จึงต้องนั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลแทน พอมาถึงที่หมายยี่หวาก็โทรหาอมีเลียให้เอารถมาให้ เพราะเธอตั้งใจว่าวันนี้เธอจะเป็นคนไปรับเรนจิเอง
“ผลเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ยี่หวาหันไปถามรชานนท์ด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะมั่นใจแค่ไหน แต่การที่ได้เห็นจากหลักฐานก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
“นี่ครับ คุณลองเปิดดูเองเลย”
ยี่หวาค่อยๆ หยิบกระดาษที่ถูกใส่อยู่ในซองออกมาหาเลข 99.99% แล้วมันก็มีจริงๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองรชานนท์อีกที ซึ่งเขาก็พยักหน้าให้ยี่หวา
“เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ ด้วย!”
“หมอดีใจกับคุณด้วย ถ้าประธานภูวิศรู้เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ หมออยากจะอยู่ในเหตุการณ์ที่คุณเซอร์ไพรส์เขาด้วยเลย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีฉันแอบเขามาค่ะ ต้องรีบกลับไปบอกข่าวดีแล้ว ขอบคุณคุณหมอมากเลยค่ะ” ว่าจบยี่หวาก็รีบออกมาจากห้องทันที เพราะเธอรู้สึกได้ถึงความสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋า วายุต้องโทรตามแล้วแน่เลย
แต่เป็นเพราะเธอรีบร้อนมากเกินไปไม่ทันได้ระวัง บวกกับพยายามล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋า จึงชนเข้ากับคนคนหนึ่งจนอีกฝ่ายล้มลงไปกับพื้น
“ขอโทษค่ะ! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ยี่หวายื่นมือไปยังหญิงสาวตรงหน้า แต่ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาเธอก็เก็บมือกลับอย่างรวดเร็ว “ก็คิดว่าใคร...ที่แท้ก็ดาราตกอับนี่เอง”
“แก!!!” ดาหลาตะโกนใส่ยี่หวาเสียงดัง ทำให้ผู้คนที่อยู่แถวนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว ยี่หวาจึงเล่นละครด้วยการยื่นมือไปให้ดาหลาพร้อมกับสีหน้าใสซื่อ แต่ก็ถูกเธอปัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี “ไม่ต้องมายุ่ง”
“นี่เธอ ผู้หญิงคนนั้นใช่ดาหลาไหม คนที่มีข่าวว่าเล่นบทรักกับพนักงานบนเรือ” เสียงผู้คนรอบข้างเริ่มดังขึ้น
“ใช่ๆ ฉันจำหล่อนได้ นี่สินะคือธาตุแท้ของเธอ ไอเราก็อุตส่าห์คิดว่าเป็นผู้หญิงเรียบร้อยใสๆ คนเรานี่ดูกันที่เบื้องหน้าไม่ได้เลยจริงๆ รู้สึกผิดหวังชะมัด”
“แล้วผู้หญิงที่หุ่นดีๆ ตรงนั้นใคร ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ เธอจัง ขนาดไม่เห็นหน้าก็รู้ว่าต้องสวยมากแน่ๆ”
ยี่หวาที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นจุดสนใจแล้วก็ไม่อยากอยู่ทะเลาะกับดาหลาต่อ เพราะในมือเธอก็ยังคงมีเอกสารสำคัญ ซึ่งเธอก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นก่อนวายุกับเรนจิ พวกเขาจะต้องได้เห็นเป็นคนแรก
ในจังหวะที่ยี่หวาเดินสวนดาหลา เธอก็พึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ยืมเลือดไปตรวจดีเอ็นเอ ทีหลังก็ช่วยขอก่อนนะ...น้องสาว”
ดาหลาถึงกับตัวแข็งทื่อหน้าถอดสี สายตามองไปทางยี่หวาอย่างหวาดระแวง อย่าบอกนะว่าเอกสารในมือของเธอเมื่อครู่คือผลตรวจดีเอ็นเอ!
ทำไมยัยนี่ต้องเข้ามาเป็นมารผจญในชีวิตเธอตลอดด้วย!
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ วายุที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับทางโรงแรมเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์ยี่หวาขอแต่งงานเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง แต่กลายเป็นว่าเธอกลับไม่อยู่! เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ด้วย เพราะวันนี้ตั้งแต่เธอตื่นมาก็ดูแปลกๆ แถมขณะที่กำลังนั่งทำงานก็เห็นสายตาเธอเหลือบมองไปที่ประตูกับนาฬิกาอยู่บ่อยๆ
มีเรื่องอะไรกันแน่ทำไมเธอถึงต้องแอบเขาไปโรงพยาบาลแบบนั้น
อันที่จริงแม้ว่าพวกเขาจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นพิธีจริงๆ อย่างน้อยผู้ชายอย่างเขาก็ควรทำอะไรบ้าง เพราะที่จดทะเบียนสมรสก็เป็นเพราะเธอพูดขึ้นมา
ขณะที่กำลังขับรถไปรับเรนจิ โทรศัพท์ยี่หวาก็ดังขึ้นอีกครั้ง พบว่าวายุโทรเข้ามาเป็นสายที่ห้าแล้ว เธอจึงรีบกดรับอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหลค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม