ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 135

ในที่สุดวันที่ยี่หวารอคอยก็มาถึง ไม่ใช่วันที่เธอจะได้รู้ว่าเรนจิเป็นลูกของเธอไหม แต่มันคือวันที่ทุกคนจะได้รู้ความจริงว่าเธอมีลูกชายน่ารักขนาดไหน แต่ก่อนอื่นเธอจะแอบวายุไปโรงพยาบาลได้ยังไง ก็เขาเล่นตัวติดกับเธอไม่ยอมห่างเลยนี่สิ

ขนาดเธอเองก็นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา แต่เขาก็ยังเหลือบตาขึ้นมามองเธอเป็นระยะๆ เลย นี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เรนจิจะเลิกเรียนแล้วด้วย

ขอให้เขามีงานด่วนเข้ามาทีเถอะ!

วินาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์วายุก็ดังขึ้น เขามองบนหน้าจอเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องนอน แต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตามามองเธอเพื่อเป็นการเตือนว่าห้ามไปไหน

เอ๊ะ? ทำตัวมีพิรุธ...แต่ช่างเถอะ! เพราะนี่เป็นโอกาสทองของเธอที่จะสามารถออกไปข้างนอกได้โดยที่เขาไม่รู้

ยี่หวาไม่รอช้ารีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย แล้ววิ่งออกมาจากห้องทำงานของวายุทันที แต่จังหวะนั้นเองสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นธาราธรที่กำลังเดินมาพอดี ยี่หวาจึงรีบย่อตัวลงแล้วก้มลงไปหลบใต้โต๊ะของพนักงานคนหนึ่ง

ซึ่งพนักงานคนนั้นก็รู้งานดี นั่งทำงานต่ออย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอธาราธรเดินกลับเข้าห้องไปยี่หวาก็รีบลุกขึ้น แต่ก่อนจะวิ่งออกมาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณกับพนักงานที่ช่วยเธอไว้

แต่เนื่องจากหลายวันมานี้ยี่หวาต้องมาที่ทำงานพร้อมวายุตลอด จึงต้องนั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลแทน พอมาถึงที่หมายยี่หวาก็โทรหาอมีเลียให้เอารถมาให้ เพราะเธอตั้งใจว่าวันนี้เธอจะเป็นคนไปรับเรนจิเอง

“ผลเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ยี่หวาหันไปถามรชานนท์ด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะมั่นใจแค่ไหน แต่การที่ได้เห็นจากหลักฐานก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

“นี่ครับ คุณลองเปิดดูเองเลย”

ยี่หวาค่อยๆ หยิบกระดาษที่ถูกใส่อยู่ในซองออกมาหาเลข 99.99% แล้วมันก็มีจริงๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองรชานนท์อีกที ซึ่งเขาก็พยักหน้าให้ยี่หวา

“เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ ด้วย!”

“หมอดีใจกับคุณด้วย ถ้าประธานภูวิศรู้เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ หมออยากจะอยู่ในเหตุการณ์ที่คุณเซอร์ไพรส์เขาด้วยเลย”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีฉันแอบเขามาค่ะ ต้องรีบกลับไปบอกข่าวดีแล้ว ขอบคุณคุณหมอมากเลยค่ะ” ว่าจบยี่หวาก็รีบออกมาจากห้องทันที เพราะเธอรู้สึกได้ถึงความสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋า วายุต้องโทรตามแล้วแน่เลย

แต่เป็นเพราะเธอรีบร้อนมากเกินไปไม่ทันได้ระวัง บวกกับพยายามล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋า จึงชนเข้ากับคนคนหนึ่งจนอีกฝ่ายล้มลงไปกับพื้น

“ขอโทษค่ะ! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ยี่หวายื่นมือไปยังหญิงสาวตรงหน้า แต่ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาเธอก็เก็บมือกลับอย่างรวดเร็ว “ก็คิดว่าใคร...ที่แท้ก็ดาราตกอับนี่เอง”

“แก!!!” ดาหลาตะโกนใส่ยี่หวาเสียงดัง ทำให้ผู้คนที่อยู่แถวนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว ยี่หวาจึงเล่นละครด้วยการยื่นมือไปให้ดาหลาพร้อมกับสีหน้าใสซื่อ แต่ก็ถูกเธอปัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี “ไม่ต้องมายุ่ง”

“นี่เธอ ผู้หญิงคนนั้นใช่ดาหลาไหม คนที่มีข่าวว่าเล่นบทรักกับพนักงานบนเรือ” เสียงผู้คนรอบข้างเริ่มดังขึ้น

“ใช่ๆ ฉันจำหล่อนได้ นี่สินะคือธาตุแท้ของเธอ ไอเราก็อุตส่าห์คิดว่าเป็นผู้หญิงเรียบร้อยใสๆ คนเรานี่ดูกันที่เบื้องหน้าไม่ได้เลยจริงๆ รู้สึกผิดหวังชะมัด”

“แล้วผู้หญิงที่หุ่นดีๆ ตรงนั้นใคร ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ เธอจัง ขนาดไม่เห็นหน้าก็รู้ว่าต้องสวยมากแน่ๆ”

ยี่หวาที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นจุดสนใจแล้วก็ไม่อยากอยู่ทะเลาะกับดาหลาต่อ เพราะในมือเธอก็ยังคงมีเอกสารสำคัญ ซึ่งเธอก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นก่อนวายุกับเรนจิ พวกเขาจะต้องได้เห็นเป็นคนแรก

ในจังหวะที่ยี่หวาเดินสวนดาหลา เธอก็พึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ยืมเลือดไปตรวจดีเอ็นเอ ทีหลังก็ช่วยขอก่อนนะ...น้องสาว”

ดาหลาถึงกับตัวแข็งทื่อหน้าถอดสี สายตามองไปทางยี่หวาอย่างหวาดระแวง อย่าบอกนะว่าเอกสารในมือของเธอเมื่อครู่คือผลตรวจดีเอ็นเอ!

ทำไมยัยนี่ต้องเข้ามาเป็นมารผจญในชีวิตเธอตลอดด้วย!

ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ วายุที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับทางโรงแรมเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์ยี่หวาขอแต่งงานเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง แต่กลายเป็นว่าเธอกลับไม่อยู่! เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ด้วย เพราะวันนี้ตั้งแต่เธอตื่นมาก็ดูแปลกๆ แถมขณะที่กำลังนั่งทำงานก็เห็นสายตาเธอเหลือบมองไปที่ประตูกับนาฬิกาอยู่บ่อยๆ

มีเรื่องอะไรกันแน่ทำไมเธอถึงต้องแอบเขาไปโรงพยาบาลแบบนั้น

อันที่จริงแม้ว่าพวกเขาจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นพิธีจริงๆ อย่างน้อยผู้ชายอย่างเขาก็ควรทำอะไรบ้าง เพราะที่จดทะเบียนสมรสก็เป็นเพราะเธอพูดขึ้นมา

ขณะที่กำลังขับรถไปรับเรนจิ โทรศัพท์ยี่หวาก็ดังขึ้นอีกครั้ง พบว่าวายุโทรเข้ามาเป็นสายที่ห้าแล้ว เธอจึงรีบกดรับอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหลค่ะ”

“เธอยังกล้าฮัลโหล?”

ยี่หวาเสียวสันหลังวาบ เพราะน้ำเสียงเขาดูโกรธมากจริงๆ “ขอโทษค่ะ คุณอย่าโมโหฉันเลยนะ สัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันไปไหนแล้วไม่บอก ครั้งหน้าถ้าฉันไปไหนจะรีบบอกคุณเลย”

วายุอยากจะถามออกไปว่าเธอไปทำอะไรที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่กล้าถามอยู่ดี บางทีเธออาจจะมีเหตุผลที่ยังบอกเขาไม่ได้ก็ได้ “ไม่มีครั้งหน้า”

“ค่ะๆ ต่อไปถ้าฉันจะไปไหน ฉันจะให้คุณไปด้วย โอเคไหมคะ? เพราะงั้นคุณอย่าโมโหเลยนะ เดี๋ยวฉันไปรับเรนเอง แล้วจะบอกถึงเหตุผลวันนี้ค่ะ” ยี่หวาพูดอย่างออดอ้อนหวังว่าเขาจะให้อภัยเธอ

“ดูแลตัวเองดีๆ รับเรนเสร็จโทรมาหาฉันด้วย”

“โอเคค่ะ ฉันจะโทรรายงานคุณเป็นระยะๆ เลย”

หลังจากวางสายจากยี่หวา วายุก็เดินหน้าถมึงทึงออกมาข้างนอกห้อง ก่อนจะกวาดสายตาไปมองพนักงานแต่ละคนที่ปล่อยให้ภรรยาเขาหนีลงไปแบบนั้น ซึ่งคนที่เขาเพ่งเล็งมากที่สุดก็คือธาราธร

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ธาราธรเดินออกมาจากห้องทำงานเมื่อเห็นว่าวายุเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู จนพนักงานแต่ละคนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย

“ใครปล่อยให้เธอลงไป”

“พี่หมายถึงอะไร? ยี่หวาไม่ได้อยู่ในห้องหรอกเหรอครับ” ธาราธรถามออกมาอย่างงงๆ เพราะเขาไม่เห็นตอนที่ยี่หวาลงไปข้างล่างเลย แต่เขาคงลืมไปว่าตัวเองไม่ได้นั่งอยู่ในห้องทำงานตลอด

“ไม่อยู่” วายุที่รู้สึกได้ว่ามีพนักงานคนหนึ่งดูลุกลี้ลุกลน จึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาช้าๆ ก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงเยือกเย็น “เห็นใช่ไหม”

“ขอ...ขอโทษค่ะท่านประธาน!” พนักงานสาวรีบลุกขึ้นยืนและก้มหัวให้ทันที

แต่ยังไม่ทันที่วายุจะได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับเสียงหวานๆ ของยี่หวา “ฉันถึงที่โรงเรียนของเรนแล้วนะ”

“อืม”

“แล้วก็คุณห้ามไปว่าพวกพนักงานเด็ดขาดเลยนะ เพราะถ้าคุณรู้เหตุผลที่ฉันหนีมาคุณจะต้องขอบใจพวกเขา”

“ก็ได้” จากนั้นวายุก็เดินกลับเข้าห้องไป ปล่อยให้พนักงานยืนงง นี่สรุปเธอรอดแล้วใช่ไหม? ขอบคุณนายหญิงที่ทรงเมตตา!

ขณะที่ยี่หวากำลังยืนรอรับเรน ก็มีพวกแม่ของเด็กคนอื่นมองมาที่เธอ เหมือนจะอยากเข้ามาพูดอะไรด้วยแต่ก็ไม่กล้า ซึ่งยี่หวาไม่ได้สนใจยืนนิ่งๆ สายตามองไปที่ประตูทางเข้า

ผ่านไปสักพักก็มีเด็กๆ วิ่งออกมา ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้สนใจยี่หวาเช่นกัน เพราะวันนี้ยี่หวาใส่ผ้าปิดปาก เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ แต่ยกเว้นคนเก่งของเธอที่พอออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ก็ยิ่งมาเกาะขาเธอ

“หม่ามี๊!”

ยี่หวายกนิ้วชี้ขึ้นมาที่ปาก เป็นสัญญาณบอกให้เรนจิเงียบก่อน จากนั้นก็จูงมือเขาไปที่รถ “โชคดีจริงๆ ที่เพื่อนเรนไม่เห็นหม่ามี๊”

“ผมขอโทษครับ เกือบทำให้หม่ามี๊ต้องเหนื่อยแล้ว”

“ต่อให้หม่ามี๊เหนื่อยก็ไม่มีทางใช่ความผิดของเรน เพราะลูกชายของหม่ามี๊ถูกเสมอ”

“แม่ของเรนก็ถูกเสมอเหมือนกันครับ” ยี่หวารู้ได้ทันทีว่าแม่ที่เขาพูดถึงก็คือเธอเอง ต้องเป็นเพราะสายเลือดแน่เลยที่ทำให้เรนรักเธอตั้งแต่แรกเห็นแบบนี้ ผิดกับเธอที่มักจะผลักไสให้เขาไปหาพวกคนชั่ว

“งั้นเรารีบไปหาพ่อหนูกันเถอะ หม่ามี๊มีอะไรจะเซอร์ไพรส์เรนด้วย รับรองเรนต้องดีใจมากแน่ๆ”

ขณะที่ยี่หวากำลังขับรถกลับเธอก็ไม่ลืมที่จะโทรไปบอกวายุก่อน “ฉันรับเรนมาแล้วกำลังไปหาคุณนะ!”

น้ำเสียงยี่หวาดูตื่นเต้นมาก ทำเอาวายุถึงกับตื่นเต้นไปด้วย ไม่รู้ว่าเธอจะบอกอะไรเขากันแน่ แต่ความปลอดภัยเธอต้องมาก่อน “ไม่ต้องรีบมาก ขับรถดีๆ”

“รับทราบค่ะที่รัก...อ๊ะ!”

ปัง!

เอี๊ยด!!

โครม!!!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม