ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 30

สรุปบท [ตอนที่ 30 ดูก็รู้ว่าเธอใส่ใจแค่ไหน]: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม

[ตอนที่ 30 ดูก็รู้ว่าเธอใส่ใจแค่ไหน] – ตอนที่ต้องอ่านของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม

ตอนนี้ของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER- ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง [ตอนที่ 30 ดูก็รู้ว่าเธอใส่ใจแค่ไหน] จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“ฉันยังไม่รู้ชื่อหนูเลย…หนูชื่ออะไร” ยี่หวาก้มหน้าลงไปถามเด็กน้อยที่เธอกำลังเดินจูงมืออยู่

“เรนจิครับ ผมชื่อเรนจิ แต่หม่ามี๊เรียกแค่เรนเฉยๆ ก็ได้ครับ” เด็กน้อยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ยี่หวาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “เรนหิวไหม”

อันที่จริงเขาก็ไม่หิวเท่าไหร่ แต่ถ้าหม่ามี๊ถามแบบนี้แสดงว่าจะต้องพาเขาไปกินข้าวแน่เลย “หิวครับ”

“ว่าแต่ที่บ้านหนูทำกับข้าวได้ไหม”

“ได้ครับ” ได้ไม่ได้ไม่รู้ ตอบได้ไว้ก่อน เพราะเขาไม่อยากจะแยกกับหม่ามี๊เลย อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้อยู่กับเธอให้นานที่สุดก็พอ

“งั้นหนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวฉันทำให้”

“อะไรก็ได้ครับที่หม่ามี๊ทำ”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปซื้อวัตถุดิบกันดีกว่า จะได้รีบกลับบ้านหนูกัน”

“ครับ”

หลังจากที่ทั้งคู่เดินซื้อวัตถุดิบทำอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ยี่หวาก็ขับรถมายังบ้านพิทวัสชญวงศ์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเด็กน้อยคนนี้ เมื่อจอดรถเสร็จขณะที่ยี่หวากำลังจะเดินไปอุ้มตุ๊กตาข้างหลังเบาะ ก็ถูกเรนจิที่วิ่งลงจากรถมาดักหน้าและดึงเสื้อเธอไว้ก่อน

ยี่หวาเมื่อเห็นท่าทีของเรนจิก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร จึงก้มลงไปอุ้มตัวเด็กน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ไม่รู้ว่าทำไมเธอรู้สึกคุ้นเคยได้ถึงขนาดนี้

รวมถึงตัวเรนจิเองที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากให้ผู้หญิงคนนี้อุ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการโดนอุ้มมันสบายขนาดนี้

“คุณชายน้อย!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้น พอยี่หวาหันไปก็พบกับหญิงสาวสูงวัยที่อยู่ในชุดแม่บ้าน กำลังวิ่งมาทางนี้

“สวัสดีค่ะ” ยี่หวาหันไปกล่าวทักทาย ทั้งที่เด็กน้อยก็ยังคงกอดคอเธออยู่ “ขอโทษนะคะ ช่วยขนตุ๊กตากับของข้างหลังรถไปไว้ที่ห้องคุณชายน้อยให้หน่อยได้ไหมคะ”

“ได้ค่ะ พวกแก! มาช่วยหน่อย” หญิงสาวหันไปเรียกคนที่อยู่แถวนั้นมาช่วยอีกแรง เพราะของที่ยี่หวาซื้อกับเรนจิวันนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย ทั้งเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าเต็มไปหมด

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอต้องซื้อของให้เด็กที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ด้วย เธอรู้แค่ว่าเธออยากซื้อให้ อยากให้เด็กคนนี้ได้ใส่เสื้อที่เธอเป็นคนเลือก เพราะชุดที่เด็กน้อยใส่อยู่ตอนนี้ ดูเหมือนจะโตเกินวัยไปหน่อย ไม่สมกับเป็นเด็กเลย

“ขอบคุณค่ะ” จากนั้นยี่หวาก็อุ้มเด็กน้อยด้วยแขนข้างเดียว และก้มลงไปหยิบถุงวัตถุดิบอาหารที่เพิ่งซื้อมาถือไว้อีกข้าง ทั้งที่ตัวเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เบาเท่าไหร่ แต่ยี่หวากลับอุ้มได้อย่างสบาย

“เรนหลานย่า! กลับมาแล้วเหรอ…” เสียงคุณหญิงพิชญ์สิณีต้องถูกกลืนกลับไป เมื่อเห็นว่าหลานสุดที่รักของเธอกำลังถูกผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งอุ้มอยู่

บ้าไปแล้ว!?!

ปกติเด็กคนนี้ไม่ชอบให้ใครอุ้ม ขนาดเธอกับสามียังอุ้มได้แค่ไม่กี่วินาทีเอง ส่วนพ่อของเขาก็ได้อุ้มนานขึ้นมาหน่อยแต่ก็ไม่เคยเกินห้านาที แต่ที่แน่ๆ แม่แท้ๆ ของเขากลับไม่เคยได้อุ้มเลย แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครเจ้าเด็กน้อยถึงยอมให้อุ้มได้นานขนาดนี้ แถมดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมลง กอดคอเธอคนนั้นไว้แน่นอีก

“สวัสดีค่ะ” ยี่หวาเอ่ยทักทายผู้หญิงตรงหน้าอย่างนอบน้อม

พิชญ์สิณีที่เห็นหญิงสาวถึงกับต้องตะลึงในความงามของเธอ เพราะแบบนี้เจ้าเรนเลยดูชอบผู้หญิงคนนี้สินะ “ไหว้พระเถอะจ้ะ หนักไหม…มาเดี๋ยวฉันอุ้มเอง” พิชญ์สิณีกำลังจะเข้าไปอุ้มเรนจิแทน แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวน้อยกอดคอยี่หวาแน่นกว่าเดิมเสียอีก

“เอ่อ…ไม่เป็นไรค่ะ หนูอุ้มไหว พอดีว่าหนูขอยืมครัวหน่อยได้ไหมคะ หนูจะทำอาหารให้เรนทาน”

“เรนจะกินเหรอ…”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูเข้าไปตักข้าวให้นะคะ”

“ขอบใจ”

พอยี่หวาตักข้าวให้พิชญ์สิณีเสร็จ ทั้งสามคนก็ลงมือทานข้าว แต่ทันทีที่พิชญ์สิณีได้ตักข้าวเข้าปากไปหนึ่งคำ ก็ต้องทำหน้าตกใจออกมา “เธอใส่อะไร”

“เอ่อ…คุณหญิงทานได้ไหมคะ พอดีหนูชอบหุงข้าวด้วยน้ำสมุนไพรค่ะ”

“มันอร่อยมาก ฉันชอบ ว่าแต่เธอใส่อะไรไปบ้าง เผื่อทีหลังฉันจะได้ให้พ่อครัวทำแบบนี้ให้บ้าง”

“ก็พวกขมิ้นชัน ตะไคร้ ขิง ขึ้นฉ่าย กระชาย หรืออะไรก็ได้ที่คุณหญิงชอบเลยค่ะ ต้องเอาแต่น้ำจากสมุนไพรแค่บางส่วนใส่ลงไปในข้าว เพราะถ้ามากไปกลิ่นจะแรงทำให้ไม่อยากอาหารค่ะ”

“ใครสอนเธอทำ”

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ มันนึกขึ้นมาในหัวได้เอง รู้ตัวอีกทีหนูก็ทำแบบนี้มาตลอดค่ะ”

“ครอบครัวเธอโชคดีนะ ที่ได้กินอาหารอร่อยและมีประโยชน์แบบนี้ทุกวัน กับข้าวอย่างอื่นก็อร่อย รสไม่จัดจนเกินไป”

“เพราะตอนนี้ค่ำแล้ว หนูไม่อยากให้เรนกินอาหารรสจัด เดี๋ยวกลางคืนจะปวดท้องเอาได้” ว่าจบยี่หวาก็หันไปหยิบกระดาษทิชชูแล้วเอื้อมมือไปเช็ดปากที่เลอะให้เด็กน้อยข้างๆ

พิชญ์สิณีได้แต่มองการกระทำของผู้หญิงคนนี้ ทั้งที่คนคนนี้กำลังคุยกับเธออยู่ แต่ก็จะคอยตักอาหารตรงหน้าให้เรนจิตลอด อันไหนที่ใหญ่เกินไปก็จะเอามาตัดในจานแล้วส่งให้เขาอีกที คอยเช็กดูว่าเขากินเลอะไหม คอยสังเกตว่าเขาอยากกินอะไร

นี่มันครั้งแรกที่พิชญ์สิณีเห็นหลานของตัวเองกินข้าวสองจาน แต่ก็ต้องยอมรับว่ากับข้าวที่เธอทำอร่อยจริงๆ แถมยังเป็นกับข้าวที่หลานเธอชอบอีก แต่ละจานมีสารอาหารแทบครบทุกอย่าง ดูก็รู้ว่าเธอใส่ใจแค่ไหน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม