หลังจากที่ยี่หวาส่งหนูน้อยเรนจิที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานย่อยเฮอเซนที่เพิ่งมาเปิดที่ประเทศไทยเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน แต่เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง เธอเลยต้องไปดูบ่อยๆ
เมื่อมาถึงพนักงานที่กำลังนั่งเม้าท์มอยกันอยู่ พอเห็นยี่หวาเดินเข้ามาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้กำลังตั้งใจทำงานอยู่ รีบกล่าวคำทักทายทันที “คุณยี่หวา! สวัสดีค่ะ/ครับ”
เนื่องจากที่นี่เป็นสำนักงานย่อยแห่งที่สองของเฮอเซนที่มาเปิดในประเทศไทย ซึ่งสำนักงานย่อยแห่งแรกอยู่ในประเทศอาร์ ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพราะยี่หวาให้ความสำคัญมาก พนักงานทุกคนจึงต้องผ่านการสัมภาษณ์กับยี่หวาโดยตรง ทำให้พนักงานที่ทำงานที่นี่ต่างก็รู้ดีว่ายี่หวาเป็นใคร
“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น ยังไม่ถึงเวลางานสักหน่อย ตามสบายๆ” ยี่หวาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ ที่ทำให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลาย เพราะที่นี่เป็นสำนักงานเกี่ยวกับการออกแบบ ยี่หวาเลยไม่อยากกดดันให้พนักงานต้องเครียด
“เจ้านายคะ นี่คือสถานที่ที่สามารถไปเปิดสาขาย่อยในนามของสำนักงานใหญ่ได้ค่ะ ส่วนนี่รายชื่อฝ่ายคู่ค้าที่ยื่นเสนอต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายค่ะ” เสียงอมีเลียดังขึ้นพร้อมกับเอกสารเมื่อยี่หวาเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน
อมีเลีย เลขาส่วนตัวที่ประเทศอาร์ซึ่งยี่หวาได้พากลับมายังประเทศไทยด้วย โดยอีกฝ่ายอยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติหรือครอบครัวที่ไหน เลยตัดสินใจมาที่ประเทศไทยกับยี่หวา อีกอย่างเป็นเพราะยี่หวาเคยช่วยชีวิตเธอไว้ ดังนั้นชาตินี้ทั้งชาติเธอสัญญาว่าจะติดตามยี่หวาจนกว่ายี่หวาจะไม่ต้องการเธอเอง
ทั้งที่ทั้งสองคนค่อนข้างสนิทกันแท้ๆ แต่อมีเลียก็ยังคงเรียกยี่หวาว่าเจ้านายอยู่ดี แถมไม่ว่ายี่หวาจะพูดยังไง อีกฝ่ายก็ยังคงยืนหยัดที่จะเรียกเช่นเดิม
“เหนื่อยหน่อยนะ เพราะอะไรยังไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่เหนื่อย อีกอย่างมีพนักงานบางส่วนที่ย้ายมาจากสำนักงานใหญ่ เลยทำให้มีคนช่วยแบ่งเบาได้มากเลย” คนตรงหน้าพูดเสร็จก็เผยรอยยิ้มจริงใจ ที่ทำให้เห็นได้ชัดว่าเธอพูดจากใจจริง
ทุกครั้งที่เปิดสำนักงานย่อย พวกพนักงานที่ไปทำงานต่างประเทศต่างก็อยากจะกลับมาบ้านตัวเอง จึงทำให้มีพนักงานขอย้ายสาขาจำนวนเยอะมาก แต่พนักงานที่ย้ายได้ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“งั้นเดี๋ยวอีกสักสามชั่วโมงเราค่อยออกไปดูสถานที่กัน จะได้ไปกินข้าวด้วยเลย”
“ค่ะ”
พออมีเลียออกไปจากห้องยี่หวาก็เริ่มทำการเปิดเอกสารจำนวนมากที่ได้รับมาเมื่อครู่ มีเวลาแค่สามชั่วโมงคงต้องเน้นไปที่ตัวแทนจำหน่ายในเขตเมืองหลวงก่อน ทางสำนักงานจะได้ไม่ต้องเสียเงินทุนมาก
แต่ในขณะที่ยี่หวากำลังคัดกรองเอกสารอยู่นั้น สายตาก็ไปสะดุดกับรายชื่อคู่ค้าคนหนึ่งเข้า
ปาลิดา จิรภิญญากุล
ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของเรนจิไม่พอ ยังตามมาหลอกหลอนถึงงานของเธอเลยเหรอ ทั้งที่อายุน้อยกว่ายี่หวาแค่เพียงเดือนเดียว แต่ตอนนี้ดาหลากลับยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเพียงแค่นักแสดงปลายแถวเท่านั้น
แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
ยี่หวาไม่สนใจว่าดาหลาจะนำเสนอสถานที่ได้ดีขนาดไหน วางแผนการดำเนินกิจการอย่างไร เงินลงทุนเท่าไหร่ เพราะยังไงเศษกระดาษแผ่นนี้ก็ต้องไปอยู่ในกองขยะอยู่ดี เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้อีก แต่ยกเว้นคนเก่งของเธอไว้อย่างหนึ่งแล้วกัน
หลังจากที่ยี่หวาคัดแยกฝ่ายคู่ค้าที่ยื่นเสนอขอเป็นตัวแทนบางส่วนออกมาเสร็จแล้ว ก็รีบเดินไปหาอมีเลีย เพราะตอนนี้เธอหิวข้าวมากแล้ว
“นี่เอกสารฝ่ายคู่ค้าที่คัดแยกออกมาบางส่วน ให้ฝ่ายตลาดคัดเลือกอีกที เอาแค่สองรายเท่านั้น แล้วก็โทรไปติดต่อภายในวันนี้ จะได้รีบทำเอกสารสัญญา”
ยี่หวาที่กลับมาเมืองไทยแค่ปีละครั้ง เลยไม่รู้ว่าตระกูลไหนมีอิทธิพลต่อประเทศนี้มากกว่ากัน ถ้าได้คนกลุ่มนั้นมาเป็นตัวแทนจะต้องมีลูกค้าเยอะแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม