สรุปเนื้อหา [ตอนที่ 53 ถ้าจะอุ้มก็ต้องอุ้มไปหาหม่ามี๊เท่านั้น] – ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER-
บท [ตอนที่ 53 ถ้าจะอุ้มก็ต้องอุ้มไปหาหม่ามี๊เท่านั้น] ของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย -BUTTER- อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง วายุที่กำลังจะหมดความอดทนกับลูกชายตัวเอง เพราะเจ้าตัวเอาแต่ส่งเสียงโวยวายให้เขาพาไปหายี่หวา จนเขาแทบจะไม่มีสมาธิทำงานเลย
“ถ้าลูกยังไม่เลิกโวยวาย พ่อจะไม่ให้ลูกไปเจอเธออีก” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจนี้ทำให้ธาราธรที่ยังนั่งอยู่ในห้องรู้สึกเย็นเยียบเข้าไปถึงกระดูก
แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้สนใจ เอาแต่พูดคำเดิมๆ ซ้ำๆ ว่า “ผมจะไปหาหม่ามี๊!”
วายุที่ทนไม่ไหวแล้วก็เดินไปอุ้มลูกชายขึ้น ทำให้เด็กน้อยรีบร้องโวยวายเสียงดัง “พ่อปล่อยผม! ถ้าจะอุ้มก็ต้องอุ้มไปหาหม่ามี๊เท่านั้น!”
ธาราธรที่เห็นว่าความอดทนของพี่ชายหมดแล้ว ก็รีบเอ่ยห้าม “พี่ปล่อยหลานก่อน เดี๋ยวผมพาหลานไปข้างนอกเอง อย่าเพิ่งโมโหเลย”
วายุไม่สนใจเสียงโวยวายของทั้งคู่ อุ้มเด็กน้อยเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ภายในห้องทำงานเขา จากนั้นก็ปล่อยเด็กน้อยลงบนเตียง แล้วปิดประตูขังไว้ในห้อง
“ถ้าไม่เงียบไม่ต้องออกมา ตั้งแต่ลูกเจอเธอรู้ตัวไหมว่าตัวเองเอาแต่ใจขนาดไหน” ถึงเขาจะชอบที่เห็นลูกชายเขาเริ่มมีความรู้สึก ไม่ว่าจะโกรธ เสียใจ หรือออดอ้อนเหมือนเด็กทั่วไปแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา!
เขากำลังรีบเคลียร์งานเพื่อที่จะได้ไปหาเธอเหมือนกัน แต่ก็ดันโดนเจ้าลูกชายตัวดีกวนจนงานไม่คืบหน้าเลย คิดว่าเขาจะไม่อยากเจอเธอหรือไง
“พ่อไม่มีสิทธิ์ขังผม!!!” เด็กน้อยตะโกนเสียงดังมาจากในห้อง พร้อมกับได้ยินเสียง ตึง! ตึง! ที่กำลังเอามือน้อยๆ ทุบประตูอยู่
“ถ้าพ่อไม่มีสิทธิ์ แล้วใครจะมีสิทธิ์ คิดว่าลูกอยากเจอเธอคนเดียวเหรอ”
“ผมจะฟ้องหม่ามี๊!” เด็กน้อยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เข้าหูคนเป็นพ่อเลย
“งั้นลูกก็อยู่ในห้องไปจนกว่าอารมณ์ของลูกจะเย็นลง พ่อจะรีบเคลียร์งาน” ว่าจบวายุก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดเอกสารดูต่อ
“เอ่อ…พี่จะขังเรนไว้จริงๆ เหรอ” ธาราธรพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก สายตาพยายามมองไปทางประตูห้องนอนที่มีเสียงดังอยู่
วายุเงยหน้าขึ้นจากเอกสารแล้วมองไปที่น้องชาย พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ “อยากโดนขังแทน?”
ธาราธรถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ส่ายหัวไปมา รีบตอบกลับทันที “ไม่ครับ ไม่อยาก”
ขอโทษนะหลานรักที่อาช่วยเราไม่ได้…
วายุกำลังจะก้มหน้าลงทำงานต่อ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ภายในห้องที่ก่อนหน้านี้ว่าหนาวแล้ว ตอนนี้อุณหภูมิดูเหมือนจะลดลงยิ่งไปอีก
ส่วนคนที่กำลังเคาะประตูอยู่ คาดว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามีหวังได้เข้าไปนอนในห้องเย็นแน่
แค่คิดธาราธรก็เสียวสันหลังวาบแล้ว…
หน้าห้องทำงานของวายุ ยี่หวาที่กำลังยืนเคาะประตูอยู่ก็เริ่มรู้สึกลังเล ว่าเธอควรจะเคาะต่อไป หรือว่าเธอควรจะหันหลังแล้วเดินกลับไปที่ลิฟต์ดี
ไหนพนักงานประชาสัมพันธ์ ที่ส่งเธอหน้าลิฟต์ที่ชั้นหนึ่งบอกว่าแค่เธอเคาะประตูทีเดียว ท่านประธานก็เปิดแล้วไง นี่เธอเคาะตั้งสามครั้งแล้ว ยังไม่มีแววว่าคนข้างในจะออกมาเปิดเลย
ส่วนพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็ส่งสายตากดดันมาให้ยี่หวา จนเธอใกล้จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว…
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงได้กล้าไปเคาะห้องท่านประธานแบบนั้น”
“ไม่รู้ แต่ผ่านด่านเลขาข้างล่างมาได้ก็คงเป็นคนรู้จักของท่านประธานแหละ”
“ขนาดเห็นจากข้างหลังยังรู้ว่าสวยเลย ดูหุ่นเธอสิ น่าอิจฉามาก”
“หรือผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแม่ของคุณชายน้อย”
วายุนิ่งไปเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะทำหน้าเฉยชา พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงให้เห็นว่าไม่สบอารมณ์ “ฉันขังเขาไว้ในห้อง”
“คุณขังเรน? ขังทำไมคะ ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ฉันขอไปหาเรนได้ไหม”
“อยู่ในห้อง” น้ำเสียงของวายุเห็นได้ชัดว่าแฝงไปด้วยความไม่พอใจ จนธาราธรที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจและตื่นเต้น
ถ้าคนที่ไม่รู้จักวายุดี อาจจะคิดว่าเขากำลังโกรธที่อีกฝ่ายมารบกวน แต่ความจริงแล้วในสายตานั้นบอกว่า เขาน้อยใจมากที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาถามหาแต่ลูก
แต่ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญ เพราะที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้หน้าเหมือนยี่หวาขนาดนี้
เมื่อกี้แค่คล้าย แต่ตอนนี้เหมือนเลย…
“พี่! นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเธอถึงได้เหมือนยี่หวาขนาดนี้” ธาราธรไม่รอช้ารีบตะโกนถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ยี่หวาที่ได้ยินดังนั้น รีบหันไปหาธาราธร “คุณก็รู้จักฉันเหรอ” ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้วายุเป็นคนอธิบาย
“นี่น้องชายฉัน เขาก็รู้จักเธอเหมือนกัน”
“นี่คือเพื่อนฉันที่คุณพูดถึงเหรอ” ยี่หวาจำได้ว่าวายุเคยบอกว่าเธอมีเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่
“ไม่ใช่ เธอเข้าไปหาเรนเถอะ เดี๋ยวฉันอธิบายให้เขาฟังเอง” วายุพูดขึ้นเพราะตอนนี้เรนจิก็ยังคงไม่เลิกเคาะประตูห้องสักที
“โอเคค่ะ” ยี่หวาได้แต่คิดในใจว่าทำไมคนรู้จักเธอเยอะจัง นี่พี่เธอพลาดอะไรไปเยอะเลยนะ ถึงได้ไม่รู้จักคนพวกนี้ แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงต่อไป จะมีใครที่ไหนรู้จักเธออีกไหม
เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วสิ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม