ยี่หวาถึงกับผงะทำหน้าตาเหลอหลา นี่มันเกิดอะไรขึ้น “พวกนายเป็นใคร”
“นายหญิงจำพวกผมไม่ได้แล้วเหรอครับ พวกผมไม่ได้เจอนายหญิงหลายเดือนคิดถึงมากเลยครับ”
เดี๋ยวนะ? คนที่จะเรียกเธอว่านายหญิงก็มีแต่คนของหมอนั่น อย่าบอกนะว่า “พวกนายเป็นคนของฮาเดส?”
“ในที่สุดนายหญิงก็จำพวกเราได้”
“ฮาเดสสั่งให้พวกนายมาทำอะไร ทำไมต้องสั่งให้คนมาลักพาตัวเด็กสองคนนั้นด้วย แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองนี้เหรอ”
“เจ้านายไม่อยู่ที่นี่ครับมีแต่พวกผม ว่าแต่นายหญิงรู้ได้ยังไงครับว่าพวกผมสั่งให้คนลักพาตัวเด็กสองคนนั้น”
“ฉันเป็นคนช่วยพวกเขาเอง”
“ฮะ! นายหญิงจัดการกับคนพวกนั้นเหรอ แล้วนายหญิงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” พวกเขาถามยี่หวาอย่างเป็นห่วง เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไปมีหวังคนคนนั้นได้ฆ่าพวกเขาให้ตายในทันทีแน่
“ไม่เป็นไร”
ทั้งสามคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ค่อยยังชั่ว ไม่งั้นเจ้านายเล่นงานพวกผมตายแน่ แล้วนายหญิงมาทำอะไรที่นี่ครับ พวกผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอนายหญิงที่นี่ คิดถูกจริงๆ ที่รับงานนี้”
“ตอบคำถามฉันมา”
“เอ่อ...ผมว่านายหญิงโทรไปคุยกับเจ้านายเองดีกว่าครับ เพราะพวกผมไม่สามารถบอกได้จริงๆ”
กฎในองค์กรคือ แม้ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวหากได้รับภารกิจอะไรแล้วก็ห้ามพูดออกมาเด็ดขาด
“งั้นเอาโทรศัพท์นายมา” เพราะเธอไม่อยากให้เขารู้เบอร์ใหม่ของเธอ ไม่งั้นเขาก็จะเจาะสัญญาณจีพีเอสเข้าเครื่องแล้วคอยติดตามเธออีก
แล้วดูเหมือนว่าพวกเขาตรงหน้ายี่หวาจะรู้ดีว่าเพราะอะไรจึงยื่นโทรศัพท์ไปให้เธอแต่โดยดี ยี่หวาไม่รอช้ารีบกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วกดปุ่มโทรออกทันที
รอเพียงไม่นานปลายสายก็รับ เพราะคนส่วนน้อยมากที่จะรู้เบอร์โทรศัพท์ที่แท้จริงของฮาเดสทำให้เขาไม่ต้องคิดเยอะเวลากดรับ “...”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรยี่หวาก็ได้แต่ทำหน้าเอือมระอา “เลิกสักทีเถอะ นิสัยที่ต้องให้คนอื่นพูดก่อน”
อย่างน้อยๆ เขาก็ควรจะส่งสัญญาณบอกให้อีกฝ่ายรู้บ้างว่าเขากดรับแล้ว
ปลายสายยังคงเงียบ ก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงตื่นเต้น “เสียงแบบนี้...อาซาเลียเหรอ! เธอใช่ไหม!”
“อืม ฉันเอง นายสั่งให้พวกเขามาลักพาตัวเด็กสองคนนั้นทำไม”
“เธอรู้ได้ยังไง พวกมันบอกเธอเหรอ”
“เสียใจด้วยนะแผนนายล่มแล้ว เพราะฉันเป็นคนช่วยพวกเขาเอง”
“เธอช่วยทำไม! เธอรู้ไหมว่าเด็กสองคนนั้นเป็นใคร พวกมันเป็นคนของตระกูลคอนเทอวิลล์นะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจจะล้างแค้นให้เธอ!” ปลายสายตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ จนเธอต้องขยับโทรศัพท์ออกห่างจากหู
ยี่หวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด “ใครใช้ให้นายมายุ่งเรื่องของฉัน ถึงพวกเขาจะไม่ต้องการฉัน แต่ฉันก็ยังมีพี่อยู่! อีกอย่างฉันไม่อยากมีอะไรติดค้างกับตระกูลนั้นด้วย”
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนพื้นทั้งสามคนถึงกับสะดุ้ง แล้วพวกเขาก็เดาได้เลยว่าต่อไปอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา
“ที่รักอย่าโกรธสิ ฉันขอโทษที่ไม่ถามเธอก่อน”
“ไม่ถามงั้นเหรอ ฉันว่านายตั้งใจจะทำลับหลังฉันมากกว่า ถ้าฉันไม่มาเจอพวกเขาฉันก็คงไม่มีทางรู้เรื่องนี้”
“จริงสิ! แล้วเธอไปทำอะไรที่นั่นเธอไม่ได้อยู่เมืองหลวงงั้นเหรอ หรือว่าใครทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ฉันจะกลับไปจัดการให้เดี๋ยวนี้...สฟริงซ์! เอาเครื่องขึ้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม