สรุปเนื้อหา [ตอนที่ 8 ทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน] – ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER-
บท [ตอนที่ 8 ทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน] ของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย -BUTTER- อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
วายุเลือกที่จะจอดรถก่อนถึงหน้าประตูบ้านจิรภิญญากุล ตามความต้องการของยี่หวา ซึ่งเหตุผลคาดว่าเขาน่าจะได้รู้ในเร็วๆ นี้แล้ว
“เวลาอาบน้ำอย่าลืมเก็บสร้อยดีๆ ห้ามใส่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่แค่เวลาออกจากห้องก็พอ” เพราะถ้าเธอใส่อาบน้ำกลัวว่าเขาอาจจะถูกจับขังคุกได้
ในตอนนี้วายุคงดูเหมือนผู้ชายโรคจิตไปแล้ว แต่ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ เขาก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับยี่หวาบ้าง
“โอเคค่ะ ถ้าเข้าห้องเมื่อไหร่หนูจะรีบถอดเก็บใส่กล่องเลย” อีกอย่างเครื่องรางแบบนี้เธอไม่กล้าใส่สุ่มสี่สุ่มห้าหรอก แต่ถ้าเจอหน้าคนพวกนั้นแน่นอนว่าเธอจะต้องไม่ลืมใส่ไว้ป้องกันเด็ดขาด
ยี่หวาลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ประโยคแรกที่ได้ยินจากปากของพ่อ ไม่ใช่คำเป็นห่วง แต่กลับเป็นคำดูถูกว่า “ตกลงเอาเงินที่ขายตัวได้ไปหาหมอแล้วสินะ”
“คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ พี่สาวทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ” ดาหลาส่งเสียงอ่อนหวานด้วยความตกใจแต่ยี่หวาฟังแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เสแสร้ง
รวมถึงวายุที่กำลังดูภาพวิดีโอที่ถ่ายจากสร้อยในโทรศัพท์ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังแสดง แต่ที่ทำให้เขาตกใจก็คือผู้ชายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพ่อของเธอได้พูดคำนั้นออกมา
“นี่นะเหรอคำพูดที่พ่อพูดกับลูกสาว หลังจากที่เพิ่งทำให้ลูกตกจากบันไดหัวแตกจนต้องเย็บหกเข็ม”
วายุหน้าเปลี่ยนสีทันที อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เธอไม่ได้ตกลงมาเอง แต่ถูกคนทำให้ตกลงมา
แถมคนที่ทำยังเป็นพ่อของเธออีก...
แล้วยิ่งไปกว่านั้น ทั้งๆ ที่ลูกสาวตัวเองเลือดไหลขนาดนั้น แต่กลับปล่อยให้หาทางจัดการเอง นี่ถ้าเขาไม่ขับรถตามเธอมา ป่านนี้เธออาจจะเลือดไหลหมดตัวแล้วก็ได้
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” น้ำเสียงเย่อหยิ่งออกมาจากปากญาณิศา หรือก็คือแม่เลี้ยงของยี่หวาในตอนนี้
“แม่อุตส่าห์เสียสละชีวิตตัวเองให้ฉัน ฉันไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก”
เมื่อเห็นว่ายี่หวาพูดถึงแม่ตัวเอง ญาณิศาก็รีบหันไปตีหน้าซื่อใส่ดนัยณัฐทันที “ยี่หวานับวันยิ่งนิสัยไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะคะคุณ” ญาณิศาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล แต่สีหน้าไม่เห็นจะเป็นกังวลเลยสักนิด
“ทำไมพี่สาวต้องทำแบบนั้นด้วยคะ หรือว่าเงินที่คุณพ่อให้จะไม่พอใช้ ไม่อย่างงั้นเอาเงินของหนูแบ่งไปให้พี่ดีไหม”
“เอาไปทำอะไรมากกว่ามั้ง เพราะพ่อก็ให้เธอเท่ากับลูกเลย แต่ลูกของแม่ก็มีเก็บทุกวัน แต่ดูเธอสิแม้แต่ข้าวเที่ยงก็ไม่ยอมกิน ไม่รู้ว่าเอาเงินไปใช้อะไรหมด” ญาณิศาพูดด้วยสีหน้าเยินยอลูกสาวตัวเอง
“ไม่ถามตัวคุณเองล่ะคะ ว่าเอาเงินไปใช้อะไรหมด” ยี่หวาตอบกลับไปก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ เพราะพี่วายุยังรออยู่ข้างหน้า
เมื่อยี่หวาอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัว ใส่สร้อยคอแล้วเดินออกมาจากห้อง แต่ก็พบกับญาณิศาที่ยืนดักรอเธอตรงหน้าห้องเสียก่อน
“เมื่อกี้เธอจะพูดอะไร” น้ำเสียงญาณิศาฟังดูก็รู้ว่ากำลังข่มขู่ยี่หวาอยู่
“คุณรู้ดี” แต่ยี่หวาก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่สนใจ
“เธอคงลืมไปแล้วสินะ ว่าเงินเจ็ดพันของเธอแต่ละอาทิตย์ตอนนี้ก็คือเงินเดือนแม่นมของเธอ”
“แต่แม่นมได้แค่เดือนละเก้าพันไม่ทราบว่าอีกหมื่นเก้าไปอยู่ไหน”
ตอนที่ยี่หวาเริ่มเข้ามัธยมต้นเงินของเธอดนัยณัฐจะให้ไว้เป็นอาทิตย์ที่ญาณิศา แต่ตอนนั้นญาณิศาก็ยื่นข้อเสนอกับเธอว่าถ้าไม่อยากให้ไล่แม่นมออก เธอต้องห้ามเอาเงินส่วนนี้ไปใช้ ซึ่งต้องแรกเธอคิดว่าได้แค่วันละร้อย ก็เลยรับข้อเสนอนี้ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าจริงๆ แล้วเธอได้วันละพัน
“ก็ถือซะว่าเป็นข้าวเช้าของเธอไง คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอแอบกินข้าวตอนเช้ากับแม่นม แล้วอีกอย่างถ้าไม่อยากให้เอาเรื่องที่เธอทำเลวๆ ในโรงเรียนไปบอกพ่อของเธอก็เงียบไว้ซะ”
“คุณมันเลว”
“งั้นการที่เธอจะฆ่าลูกฉันนั้นเรียกว่าไม่เลวเหรอ”
“วันนี้ตื่นสายเหรอ...ว้าย! ตายแล้ว หัวหนูไปโดนอะไรลูก” ประภาพิศที่หันมาก็ทำหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าบนศีรษะของหญิงสาวมีผ้าพันเป็นมัมมี่อยู่
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
“เกี่ยวกับคุณท่านใช่ไหม” ประภาพิศพูดด้วยเสียงเบา ส่วนยี่หวาก็ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ประภาพิศถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ทำแผลกินยาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม เงินพอใช้ไหม ขอโทษนะที่แม่ให้หนูได้แค่วันละยี่สิบ”
“แม่นมไม่ต้องห่วง แผลนี้มีคนใจดีจ่ายค่ารักษาให้หนู พี่เขาใจดีมาก เป็นคนที่สองเลยที่เป็นห่วงหนู นี่เขาให้เครื่องรางหนูมาด้วย ตอนนี้พี่เขาก็จอดรถรอไปส่งหนูอยู่หน้าบ้าน” ยี่หวาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แม่ค่อยสบายใจหน่อยที่เห็นหนูมีความสุข งั้นก็ทำตัวดีๆ กับเขาแล้วก็อย่าดื้อละ” ประภาพิศถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวหญิงสาวเบาๆ
“ค่ะ งั้นหนูไปเรียนก่อนนะ”
ประภาพิศสอดมือเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับหยิบแบงก์ยี่สิบออกมาสองใบ “วันนี้แม่ให้สี่สิบบาทนะ เผื่อไว้กินข้าวเพราะวันนี้ตอนเช้าลูกคงกินข้าวไม่ทันแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่นม หนูเอายี่สิบเหมือนเดิมดีกว่า เดี๋ยวหนูซื้อข้าวต้มหน้าหมู่บ้านกินก็ได้ ส่วนตอนเที่ยงค่อยทนกลับมากินน้ำที่บ้านตอนเย็นเอา”
สีหน้าแม่นมดูเป็นกังวลมาก แค่นี้หญิงสาวตรงหน้าเธอก็ผอมจนจะเหลือแต่กระดูกแล้ว “แต่ว่า…”
“หนูโอเคจริงๆ งั้นหนูไปก่อนนะพี่เขารอนานแล้ว” ยี่หวาพูดจบก็เขย่งเท้าและโน้มตัวไปหอมแก้มของประภาพิศก่อนจะวิ่งออกไป
ในเวลาเดียวกันนั้นพอวายุรู้ว่าหญิงสาวกำลังเดินมาที่รถ เขาก็รีบเก็บโทรศัพท์ทันที ตอนนี้เขาก็หายห่วงไปนิดหน่อยแล้ว อย่างน้อยในบ้านนี้ก็ยังมีคนที่เป็นห่วงเธอจากใจจริงตั้งหนึ่งคน
ทันทีที่ยี่หวาขึ้นมาบนรถก็หันไปพูดกับวายุด้วยสีหน้าร้อนรนและน้ำเสียงเร่งรีบว่า “พี่วายุรีบออกรถเลยค่ะ”
วายุที่รู้อยู่ก่อนแล้วก็รีบเหยียบคันเร่งทันที...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม