เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดยี่หวาก็รู้สึกตัวค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ พบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วย บนโซฟาข้างซ้ายเธอมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งหลับอยู่
ถ้าจำไม่ผิดคนคนนี้คือ…
“พี่วายุ?”
วายุลืมตาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กๆ ของหญิงสาวเรียกชื่อเขา อันที่จริงเขาไม่ได้หลับเพียงแค่นั่งพักสายตาเฉยๆ พอเห็นหญิงสาวตื่นแล้ว เขาก็ลุกจากโซฟาแล้วเดินมาที่เตียงทันที
“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอ่อนโยนมาก จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้แล้วเธอจะปลอดภัย
“ดีขึ้นแล้วค่ะ เพียงแค่ยังรู้สึกมึนๆ อยู่บ้าง แล้วพี่วายุได้กลับบ้านหรือยังคะ ไม่ใช่ว่าเฝ้าหนูทั้งคืนเลยนะ” ยี่หวาถามออกไปอย่างนั้น ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าตัวเธอนั้นกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่
“กลับไปแล้ว” ที่ไหนล่ะ เขาต้องให้เลขาเอาเสื้อผ้ามาให้สำหรับอาบน้ำที่นี่ “วันนี้ก็นอนพักที่โรงพยาบาลสักหน่อย โดนเย็บไปหกเข็มอย่าเพิ่งกลับบ้าน” วายุพูดขึ้นเพราะเขารู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะต้องขอกลับบ้านแน่ๆ
“โดนเย็บด้วยเหรอคะ”
“ใช่”
งั้นก็แปลว่าค่ารักษาจะต้องแพงมากแน่ๆ แถมห้องที่เธอนอนอยู่ก็หรูมากเกินกว่าจะเป็นห้องพักผู้ป่วยด้วยซ้ำ นี่เขาไม่เสียเงินกับเธอไปเป็นหมื่นแล้วเหรอ
“หนูขอกลับบ้านดีกว่าค่ะ เมื่อวานขาดเรียนไปแล้ววันนี้หนูไม่อยากขาดเรียนอีก” ถ้าเธอเอาเรื่องเรียนมาอ้าง เขาอาจจะยอมให้เธอกลับก็ได้ “อีกอย่างแค่คืนเดียวหนูก็จะไม่มีปัญญาใช้เงินคืนพี่แล้วค่ะ”
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา อีกอย่างชีวิตคนสำคัญกว่า”
เอ๊ะ?…คำพูดคุ้นๆ
“งั้นไว้เดี๋ยวหนูจะรีบหาเงินมาคืนพี่นะ”
“ถ้าเธอหาเงินมาคืน แสดงว่าฉันต้องไปเรียนแทนเธอใช่ไหม” ความหมายก็คือเมื่อวานเขาทำให้เธอขาดเรียนแปลว่าเขาจะต้องไปเรียนแทนเธอ
ทั้งๆ ที่เขาใช้คำพูดสบายๆ แต่ทำไมยี่หวาถึงได้รู้สึกกดดันขนาดนี้ โอเคเธอยอมแพ้ผู้ชายคนนี้ “งั้นถ้าพี่ต้องการให้หนูช่วยอะไรก็บอกได้เลยนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ช่วยนอนพักที่นี่อีกสักคืนก่อนค่อยกลับ” มันไม่ใช่เรื่องที่ช่วยกันได้เลยนะ
“แต่วันนี้หนูมีสอบย่อย หนูไม่อยากขาดจริงๆ ค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม