วันต่อมายี่หวาต้องเข้าไปดูสถานที่จัดแฟชั่นโชว์จึงไม่ได้พาวายุกับเรนจิไปด้วย เพราะเธอต้องทำงานทั้งวันไม่มีเวลาว่างเหมือนวันก่อนหน้า สองพ่อลูกก็เลยต้องออกไปเที่ยวกันเพียงแค่สองคน
จนในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้าย หรือก็คือวันที่ต้องเดินทางกลับ ยี่หวาขอเข้าไปในเมืองเพราะตั้งใจว่าจะไปซื้อของฝากให้พี่ชาย ผู้จัดการ และก็เดวิล ไหนๆ เครื่องที่เธอจองไว้ก็ออกตอนบ่ายสองสี่สิบอยู่แล้ว จึงไม่ต้องรีบร้อนมาก
บางทีเธอก็คิดว่าวายุน่ากลัวเกินไป เพราะเขาสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ตรงกับรอบของเธอเลย แถมที่นั่งยังใกล้เธออีก แม้ว่าเธอจะมีเงินแต่เธอก็ไม่อำนาจอะไร เพราะงั้นคนที่มีอำนาจนี่น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละ
เที่ยงของวันต่อมาเครื่องที่บินจากปารีสก็ลงจอดเทียบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์วายุจึงต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อ ส่วนเรนจิที่ไปเรียนไม่ทันอยู่แล้วจึงตามยี่หวาไปที่สำนักงานเฮอเซนด้วย อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันที่หนังเรื่องแรกที่ยี่หวาเล่นฉายด้วย ทำให้ทั้งพีรพัฒน์และเดวิลต่างก็ทักมาหาเธอ
[พีรพัฒน์ : วันนี้ไปดูหนังกันรอบห้าทุ่ม ที่บีเค]
[เดวิล : วันนี้ไปดูหนังไหม]
สรุปตอนเย็นยี่หวาก็ต้องไปส่งเรนจิที่บริษัทของวายุ แล้วมาหาพีรพัฒน์ที่คอนโดเพื่อจะได้ไปดูหนังพร้อมกัน โดยชวนเดวิลให้มากับเธอด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้พีรพัฒน์กับเดวิลเป็นคนที่ไม่ถูกกันมากที่สุด แต่เพราะยี่หวาทำให้พวกเขาลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปจนหมด
ทั้งสามคนเดินเข้ามาในโรงหนังด้วยสภาพอย่างกับโจร เพราะทั้งสามคนใส่แว่นแถมยังมีผ้าปิดปากและหมวกอีก แต่เนื่องจากพวกเขาจองแถวบนสุดไว้ทั้งแถวและยังเข้ามาตอนหนังกำลังเริ่มพอดีจึงไม่มีใครสังเกตเห็น อีกอย่างเพราะเป็นรอบห้าทุ่มคนจึงไม่แน่นเท่าที่ควรนัก ผู้ชมในโรงหนังนั่งดูเงียบๆ จนมาถึงฉากปรากฏตัวของยี่หวา
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอเป็นนักแสดงด้วยเหรอ แล้วทำไมถึงได้สวยมากแบบนี้ ขนาดแต่งหน้าแค่อ่อนๆ เองนะ” เสียงผู้ชมคนหนึ่งที่นั่งแถวหน้าของทั้งสามคนดังขึ้น
“ฉันรู้จักๆ เธอชื่อยี่หวา ฉันเคยเห็นเธอในโฆษณาคอนแทคเลนส์ที่ฉันใส่อยู่ เอ่อ…อันที่จริงฉันซื้อใส่ก็เพราะเธอนั่นแหละ ฮ่าๆ” เสียงผู้หญิงที่นั่งข้างๆ คนเมื่อกี้ดังขึ้นตามมาติดๆ สงสัยทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกัน
ผู้หญิงที่นั่งแถวถัดไปหันไปพูดกับแฟนหนุ่มด้านข้าง “แน่ใจนะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่นางเอก เพราะเอาจริงๆ เธอดูสวยกว่านางเอกมากเลยนะ”
“เหมือนว่านี่จะเป็นหนังเรื่องแรกของเธอ ฝีมือการแสดงอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควรก็ได้” แฟนหนุ่มคนนั้นพูดกับแฟนสาวด้านข้าง แต่สายตาไม่ได้ละจากหน้าจอเลย เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้จากในโฆษณาเหมือนกันจึงทำการหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นเธอในหนังเรื่องนี้อีก โชคดีจริงๆ ที่วันนี้แฟนเขาลากมาดูหนังด้วย
“รู้ดีจังนะ!” แฟนสาวคนนั้นเริ่มไม่สบอารมณ์ ที่แฟนของตัวเองดูสนใจผู้หญิงคนอื่นขนาดนี้
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นดาราก็ไม่ได้!
ยี่หวาที่กำลังนั่งดูหนังได้ยินดังนั้นจึงพึมพำออกมาเบาๆ “อยู่เฉยๆ ก็รู้สึกผิด” เหมือนเธอจะทำให้คู่รักคู่นั้นทะเลาะกันเลย
“น้องสาวพี่ร้ายกาจจริงๆ” พีรพัฒน์พูดขึ้นอย่างขำขัน จะทะเลาะกันก็ไม่แปลก เพราะน้องสาวของเขาสวยขนาดนี้ แถมฝีมือการแสดงของเธอก็ไม่ได้มือใหม่อย่างที่คิดด้วย
จากนั้นผู้ชมต่างก็ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ภาพยนตร์อีกครั้ง เรื่องราวดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงฉากย้อนอดีตที่เวนิสได้ช่วยทราฟฟิคจากการถูกรถชน ทำเอาผู้ชมในที่นี้ต่างก็เริ่มน้ำตาไหลออกมา จนเกิดเสียงสะอึกสะอื้นไปทั่วโรงหนัง
“โอ๊ะ! ฉันไม่คิดว่านายจะเล่นฉากเศร้าได้ดีขนาดนี้” ยี่หวาหันไปแซวคนด้านข้าง ถึงว่าทำไมตอนนั้นไม่ยอมให้เธอดู ที่แท้ก็เล่นดีจนอายเองสินะ
“ดูหนังไป ไม่ต้องพูดมาก” เดวิลบอกปัดไปอย่างรำคาญ ทั้งที่ข้างในก็ตกใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเล่นดีขนาดนี้เหมือนกัน รู้แค่ว่าตอนนั้นอารมณ์มันพาไปล้วนๆ
จนในที่สุดหนังก็ดำเนินมาจนถึงฉากสุดท้ายที่ทุกคนรู้ความจริง ทำให้ผู้ชมในโรงร้องไห้หนักกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก แถมพอถึงฉากที่เวนิสหายไปแล้วทราฟฟิคยังมาตายอีกหนังก็ตัดจบได้แบบหนังไทยมาก ทำเอาผู้ชมถึงกับลืมพระเอกนางเอกแล้วหันมาสนใจตัวร้ายกับตัวประกอบแทน
“ทำไมเวนิสต้องหายไปด้วย ไม่หายไปไม่ได้เหรอ แล้วทำไมทราฟฟิคต้องตายด้วยทั้งที่สองคนนี้ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลย”
“เป็นตัวร้ายแล้วไง ทำไมตัวร้ายต้องตายด้วย”
“ใช่ๆ เป็นตัวประกอบแล้วไง ทำไมตัวประกอบต้องหายไปด้วย”
แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ร้องไห้หนักกว่านี้หลังจบเอนเครดิต*ก็มีฉากที่กอหญ้าและเวกัสกำลังโชว์สวีทใส่ทราฟฟิคที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่ในขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเวกัสก็ดังขึ้นซึ่งปลายสายโชว์รายชื่อว่า
[เวนิส]
จากนั้นผู้ชมต่างก็กรีดร้องออกมาอย่างดีใจที่ทราฟฟิคและเวนิสต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้พวกเขาเดาไม่ยากเลยว่าบางทีอาจจะมีภาคต่อก็ได้ แถมพระเอกกับนางเอกก็คือทราฟฟิคและเวนิสด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม