ตั้งแต่ที่วายุรู้ว่ายี่หวาจะเป็นคนพาเรนจิมาที่บ้านเอง เขาก็รีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วขับรถออกมาจากบริษัททันที เพราะเขาไม่ไว้ใจคนที่บ้านเท่าไหร่ แต่พอขับมาถึงหน้าทางเข้าซอย เขาก็เห็นรถตู้สีดำจอดขวางทางอีกเลนอยู่ ในตอนแรกเขาไม่ได้สนใจอะไรกำลังจะขับผ่านไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นยี่หวายืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายสองคน วายุรีบลงจากรถซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ยี่หวาเดินไปทางรถตู้ ทำให้เขาเข้าไปจัดการผู้ชายสองคนนั้นได้สะดวก
“ว่าแต่คุณมาเร็วมากเลย ฉันเพิ่งส่งข้อความไปหาคุณเองนะ” ยี่หวาถามขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปก็รู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไร “ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงฉัน”
“อืม”
แม้จะแค่คำเดียวแต่ยี่หวาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของอีกฝ่าย การที่มีคนปกป้องย่อมดีกว่าลงมือเองจริงๆ “งั้นคุณเข้าไปรับเรนเถอะ เดี๋ยวฉันไปรอที่บ้าน”
“ไม่วางใจ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวก็ออกถนนใหญ่แล้ว” ยี่หวาพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องเป็นกังวล แต่สีหน้าวายุก็ดูเหมือนว่าจะไม่วางใจให้เธอกลับบ้านคนเดียวอยู่ดี “อีกอย่างยังไงฉันก็ต้องขับรถฉันกลับค่ะ”
“กลับพร้อมกัน”
ความหมายของวายุก็คือให้เธอขับรถกลับพร้อมกับเขา ซึ่งยี่หวาเองก็เข้าใจได้ทันที “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันรอคุณหน้าบ้านนะ ฉันไม่อยากเข้าไปข้างในแล้ว”
“อืม แล้วคนพวกนี้?”
“ปล่อยพวกเขาไปได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันเพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียง ยังไม่อยากให้มีข่าวอะไรแบบนี้ค่ะ” อีกอย่างเธอก็ยังไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนของใคร ถ้าจับส่งตำรวจ มีหวังพวกเขาได้สืบหาข้อมูลลึกกว่านี้แน่ ซึ่งมันไม่ปลอดภัยกับเธอเองด้วย แต่ดูเหมือนว่าวายุจะทำหน้าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ยี่หวาจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยจัดการให้ฉันได้ไหมคะ”
เพราะเธอรู้ว่าเบื้องหลังวายุอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เหตุการณ์แบบนี้เขาอาจจะเจอมาเยอะแล้วก็ได้ ดังนั้นเขาน่าจะสามารถจัดการให้เธอได้โดยไม่ส่งผลถึงเธอแน่
วายุพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะโทรหาคนของเขาให้มาจัดการคนพวกนี้ ส่วนยี่หวาและวายุก็ขับรถกลับบ้านกันคนละคัน โดยมีเรนจินั่งรถยี่หวากลับมาด้วย
“เรนคิดว่าหม่ามี๊จะปล่อยให้เรนอยู่ที่นั่นแล้วครับ” เมื่อกลับมาถึงบ้านเรนจิก็เข้าไปออดอ้อนยี่หวา เพื่อให้เธอช่วยปลอบเขาที่ต้องทนเล่นละครอยู่นานหลายนาที
“หม่ามี๊จะทิ้งเรนได้ยังไง ก็เรนน่ารักซะขนาดนี้” ยี่หวาพูดพร้อมกับก้มหน้าลงไปหอมแก้มเรนจิอย่างมันเขี้ยว
วายุกำลังยืนมองเรนจิและยี่หวาแสดงความรักต่อกันด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแท้ที่จริงแล้วเขาจะกลายเป็นคนขี้อิจฉาได้มากขนาดนี้
อิจฉาแม้กระทั่งลูกชายตัวเอง...
ตอนที่วายุคบกับยี่หวา เขาทำมากสุดก็แค่จับมือกับกอดเธอเท่านั้น แล้วดูลูกชายเขาสิ โดนเธอหอมแก้มด้วย…
อีกด้านหนึ่งญาณิศาที่เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากคนคนหนึ่งว่าคนของเขาทำงานพลาด แถมยังโทรมาขอเงินค่าทำขวัญอย่างหน้าด้านๆ ก็ทำเอาญาณิศาปรี๊ดแตกถึงกับต้องปาโทรศัพท์ทิ้งลงที่พื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม