ตอนนี้ยี่หวาและเรนจิกำลังยืนอยู่หน้าบ้านพิทวัสชญวงศ์ เพราะสองชั่วโมงก่อนหน้านี้หลังจากที่ทั้งสามคนทานข้าวเสร็จพีรพัฒน์ก็ขอตัวไปทำงาน ส่วนยี่หวาก็ได้รับสายจากวายุว่าแม่ของเขาต้องการเจอเรนจิ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ดาหลาที่มาที่บ้านต้องการเจอหน้าลูก ซึ่งมันอยู่ในข้อตกลงของพวกเขา ทำให้วายุที่ตั้งใจจะมารับเรนจิไปส่งบ้างก็ถูกยี่หวาปฏิเสธโดยการที่เธอจะเป็นคนพาเรนจิไปส่งที่บ้านแทน
เพราะยี่หวาตัดสินใจแล้วว่านับตั้งแต่นี้ไปเธอจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของเธอ เธอจะไม่หนีทั้งๆ ที่เธอไม่เคยทำอะไรผิด อีกอย่างเธอรู้ตัวดีว่าอยู่ในสถานะไหน ซึ่งเมื่อถึงเวลาเธอจะเป็นคนเดินออกมาเอง
“หม่ามี๊โอเคไหม เรนเข้าไปคนเดียวก็ได้ เรนโอเค” ซะที่ไหนล่ะ เขาไม่โอเคมากๆ ที่อยู่ๆ ก็ต้องมาเจอหน้าแม่ตัวเอง แต่ให้ทำยังไงได้ก็นี่มันเป็นคำสั่งของคุณย่า
“หม่ามี๊โอเค เราเข้าบ้านกันเถอะจะได้เอาของฝากไปให้คุณย่ากับคุณปู่ของเรนด้วย” อันที่จริงวายุกับเรนจิก็ไม่ได้ตั้งใจซื้อของฝากอะไรให้คนที่บ้านนี้หรอก แต่เป็นเพราะโดนยี่หวาบังคับแถมเธอยังเป็นคนเลือกของฝากทุกชิ้นเองกับมือด้วย
“คุณย่า! คุณปู่! สวัสดีครับ” เรนจิรีบสวัสดีพิชญ์สิณีกับธวัฒน์ทันทีที่เดินมาถึงห้องรับแขก และดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะมองข้ามคนคนหนึ่งไปอย่างเคยชิน
“แม่ยังอยู่” ดาหลาพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน แต่สีหน้าดูไม่สบอารมณ์มากที่ถูกลูกของตัวเองเมิน
ยี่หวาที่ยืนอยู่ข้างหลังเรนจิก็ไม่รอช้ารีบกล่าวทักทายสองผู้เฒ่าอย่างมีมารยาททันที “คุณหญิง คุณท่าน สวัสดีค่ะ”
พิชญ์สิณีขมวดคิ้วก่อนจะตะโกนออกมา “ใครให้เธอเข้ามา!”
เรนจิที่เห็นท่าทีไม่ค่อยจะดีก็รีบวิ่งไปเอาอกเอาใจพิชญ์สิณี “ที่ผมไปฝรั่งเศสกับพ่อมา ผมซื้อของมาฝากคุณปู่คุณย่าเต็มเลย”
ยี่หวาเห็นสายตาของเรนจิที่หันมามองเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ต้องการอะไร เธอเดินเข้าไปยังโต๊ะรับแขกที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆ วางถุงของฝากลงบนโต๊ะเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องถอยหลังออกมาอย่างมีมารยาท
ธวัฒน์ที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกอดสงสารไม่ได้จึงพูดขึ้น “แม่หนูเชิญนั่งก่อน นั่งข้างหนูดาก็ได้ที่ยังว่างอยู่”
“ขอบคุณค่ะ” ในเมื่ออีกฝ่ายชวนเธอนั่ง เธอก็ย่อมที่จะไม่ปฏิเสธ แถมยังได้นั่งข้างน้องสาวอีก อยากรู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะเล่นละครอย่างไร
ธวัฒน์ที่เห็นสีหน้าพิชญ์สิณีดูไม่ค่อยดีนักก็รีบพูดขึ้น “เรนไปเที่ยวฝรั่งเศสมาเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม ไหนเล่าให้ปู่ฟังหน่อยสิ”
“สนุกมากเลยครับ หม่ามี๊พาผมกับพ่อไปเที่ยวหลายที่มากไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พระราชวังชองบอร์ ปราสาทฟัวซ์…”
“เดี๋ยวนะ!” เรนจิที่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนพิชญ์สิณีแทรกขึ้นมาเสียก่อน “หลานว่าใครพาเที่ยวนะ?”
“ก็หม่ามี๊ไงครับ พอดีหม่ามี๊ต้องไปทำงาน ผมกับพ่อก็เลยแอบซื้อตั๋วตามไป”
ขณะที่เรนจิพูดยี่หวาก็พยายามสังเกตคนด้านข้างไปด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายกำมือแน่นจนเล็บจะจิกเข้าไปในเนื้ออยู่แล้ว ซึ่งพอเห็นปฏิกิริยาของดาหลา ยี่หวาก็ตัดสินใจไม่ห้ามเรนจิ ดีเสียอีกที่ให้อีกฝ่ายรู้จะได้รู้ว่าเธอนั้นไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ
ธวัฒน์รู้สึกถึงความไม่พอใจของพิชญ์สิณีก็พูดขึ้นมาอย่างหยอกล้อ “พ่อหลานเป็นคนมีเวลาว่างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ใช่ว่างานยุ่งมากเหรอ”
“นั่นสิครับ” เรนจิหัวเราะออกมาเบาๆ อันที่จริงเขาอยากจะตอบว่าตั้งแต่เจอหม่ามี๊ แต่เดี๋ยวจะทำให้คุณย่าไม่พอใจเข้าไปใหญ่
“จริงสิหนูดา! เรื่องงานแต่งของหนูสรุปจัดอีกสองเดือนข้างหน้าแล้วกันนะ” พิชญ์สิณีพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก พลางเหลือบสายตาไปทางยี่หวา
แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว เพราะว่าอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ผิดกับธวัฒน์และเรนจิที่มีสีหน้าตกตะลึงที่อยู่ๆ พิชญ์สิณีก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“ได้ค่ะคุณแม่ ดาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ติดเพียงว่าคุณวายุเขาจะยอมเหรอคะ”
“แม่คุยกับวายุแล้ว เขาตกลงไม่มีปัญหาอะไร”
ธวัฒน์ได้แต่คิดในใจว่า วายุที่เธอพูดถึงนั้นใช่คนเดียวกับวายุลูกชายเขาแน่เหรอ สงสัยถ้าเจ้าตัวรู้บางทีอาจจะมีปัญหาตามมาทีหลังเป็นแน่
“จริงเหรอคะ”
“คนเราก็ต้องมีใจอ่อนกันบ้าง หนูดาเองก็รู้จักกับวายุมาเกือบหกปี แถมลูกก็โตขนาดนี้แล้วด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม