[ตอนที่ 99 แต่พ่อเป็นพ่อได้ก็เพราะผม] – ตอนที่ต้องอ่านของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม
ตอนนี้ของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER- ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง [ตอนที่ 99 แต่พ่อเป็นพ่อได้ก็เพราะผม] จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตั้งแต่ยี่หวากลับมาถึงที่บ้าน เรนจิก็ทำตัวเหมือนเงาตามติดยี่หวาไม่ยอมห่าง เธอที่เพิ่งคั้นน้ำผลไม้เสร็จก็ส่งให้เรนจิ “เดี๋ยวเรนเอาแก้วนี้ไปให้พ่อเรนที่โซฟาหน่อยนะ”
จากที่ปกติวายุมักจะนั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากเรนจิเปลี่ยนมานั่งทำงานที่ห้องรับแขกแทน เพื่อที่ยี่หวาจะได้อยู่ในขอบเขตสายตาของเขา
เรนจิยื่นมือไปรับแก้วน้ำผลไม้จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มเอง ยี่หวาที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่ทำหน้ามึนงง “อันนี้ของพ่อหนูนะ”
“แต่ที่พ่อเป็นพ่อได้ก็เพราะผมนะ”
“…” ยี่หวาถึงกับพูดไม่ออก ส่วนวายุที่ได้ยินก็น้ำตาเกือบไหลออกมา นับวันทำไมลูกของเขาถึงได้เจ้าเล่ห์แบบนี้
วายุที่รู้ว่าเรนจิคงไม่มีทางเดินเอาน้ำมาให้เขาแน่ จึงลุกขึ้นเดินมาเอาเอง “ขอบคุณ”
“จริงสิฉันซื้อพายมาด้วยค่ะ ทานคู่น้ำผลไม้ก็อร่อยไปอีกแบบ” ยี่หวาเดินไปหยิบพายในถุงแล้วหยิบใส่จานให้วายุและเรนจิ
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะซื้อพายมาน้อยไป เพราะไม่คิดว่าเรนจิจะชอบขนาดนี้ ซึ่งพอเจ้าตัวน้อยเห็นว่าพายในจานหมดแล้วก็หันไปพูดกับวายุ “ขอบคุณที่ซื้อพายมาให้ผม”
วายุคิ้วขมวด “หม่ามี๊ของลูกเป็นคนซื้อมา” ไม่ใช่เขา
“ขอบคุณที่พ่อจะกลับไปที่ร้านแล้วซื้อพายมาให้ผม”
ยี่หวาที่ได้ยินถึงกับหลุดขำออกมา ทำไมคนเก่งของเธอแสบได้ขนาดนี้ ทำเอาวายุพูดไม่ออกยอมขับรถออกไปซื้อพายให้เรนจิแต่โดยดี
พอวายุกลับมาถึงบ้านบนโซฟาขนาดใหญ่ในห้องรับแขกกลับเห็นยี่หวาและเรนจิกำลังนอนกอดกันอยู่ คิดถูกจริงๆ ที่เขาซื้อข้าวเข้ามาด้วย วายุเดินเอาของไปเก็บไว้ในตู้กับข้าวก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาเพื่อทำงานต่อ ยี่หวาที่รู้สึกตัวลืมตาอย่างสะลึมสะลือเห็นวายุนั่งทำงานอยู่อีกฝั่งของโซฟาก็ลุกขึ้นอุ้มเรนจิแล้วเดินไปหาวายุ พร้อมกับนอนลงบนโซฟาอีกครั้งแต่คราวนี้หัวของเธอกลับอยู่บนตักของเขา
กลายเป็นว่าตอนนี้ตักของวายุกลายเป็นหมอนให้หญิงสาวที่กำลังหลับโดยมีเด็กน้อยอยู่ในอ้อมกอดด้วย วายุลูบหัวยี่หวาเบาๆ อีกมือก็พิมพ์งานไปด้วย ถ้าเวลาหยุดอยู่แค่นี้ก็คงจะดี…
เช้าวันต่อมายี่หวามาส่งเรนจิที่โรงเรียนกับวายุด้วย จากนั้นทั้งสองคนก็ตรงไปยังโรงพยาบาลซึ่งวายุได้นัดหมอเอาไว้แล้ว
“สวัสดีค่ะ” ยี่หวายกมือไหว้รชานนท์ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องตรวจ
“สวัสดีครับ นี่เป็นครั้งแรกที่หมอเจอคุณตอนตื่น” เพราะทุกครั้งหญิงสาวตรงหน้ามักจะหลับอยู่ตลอด “คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม”
เพราะวายุได้คุยกับรชานนท์ก่อนหน้านี้แล้วว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมเข้ารับการรักษาตั้งแต่แรก
“แน่ใจค่ะ ฉันอยากจำได้”
“งั้นเดี๋ยวคุณตามพยาบาลไปเปลี่ยนชุดได้เลย จะได้เริ่มตรวจสมองด้วยซีทีสแกน*”
“ค่ะ”
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จยี่หวาก็นอนราบลงบนเตียงของเครื่องสแกน จากนั้นเตียงก็ค่อยๆ ถูกเคลื่อนเข้าไปภายในเครื่อง พอบริเวณสมองอยู่ตรงกับวงแหวนสแกน เครื่องก็เริ่มทำการหมุนเพื่อฉายรังสีเอกซเรย์ไปรอบๆ
เวลาผ่านไปยี่สิบนาทีก็สิ้นสุดการตรวจ ก่อนจะกลับยี่หวาก็เข้าไปคุยกับหมอเพื่อนัดมาตรวจอีกครั้ง
[จะเป็นแฟนคลับของพี่ตลอดไป พอเจอแบบนี้หลงรักพี่มากกว่าเดิมอีก]
[ฉันคือคนท้องคนนั้น ถ้าคุณยี่หวาเห็นข้อความนี้ฉันอยากจะขอบคุณค่ะ ตอนนั้นคุณรีบเดินไปขึ้นรถจนฉันยังไม่ได้ขอบคุณเลย]
[ยี่หวา : ไม่เป็นไรค่ะ ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะคะ]
เหล่าแฟนคลับที่เห็นคอมเมนต์ยี่หวาก็แทบจะกรี๊ดออกมา [โอ๊ย!!! ฉันรักผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ จะให้ฉันหลงจนตายเลยใช่ไหม]
[เมื่อไหร่ยี่หวาจะแสดงหนังอีก จะเหมาโรงหนังให้ดูเลย]
“มีแฟนคลับเพิ่มอีกแล้วนะ” ควิลเลอร์เอ่ยแซวยี่หวาที่กำลังนั่งอ่านคอมเมนต์อยู่ ไหนตอนแรกบอกไม่สนใจเดี๋ยวนี้ถ้าเขาไม่ห้ามไว้เธอคงตอบกลับทุกคอมเมนต์แล้ว
“ไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายคลิปเอาไว้ เขารู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”
“เป็นฉันแค่เห็นข้างหลังเธอก็รู้แล้ว แล้วนี่เธอจะเอายังไง รายการอาหารนี้สนใจไหม”
เป็นอย่างที่พีรพัฒน์เคยบอกจริงๆ เพราะตอนนี้รายการที่เกี่ยวกับอาหารต่างก็เชิญเธอไปออก “ก็ได้ค่ะ”
*ซีทีสแกน คือ การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะฉายรังสีเอกซเรย์ตามร่างกายในบริเวณที่ต้องการตรวจ แล้วใช้คอมพิวเตอร์สร้างเป็นภาพฉายลักษณะและอวัยวะภายในร่างกาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม