ฆ้องทองคำจูเคยได้ยินชื่อของเจ้าคนต่ำช้าผู้นี้ เจียงลวี่จงและหยางเยี่ยนทะเลาะกันก็เพราะเขา เป็นแค่ฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กลับสามารถทำร้ายลูกชายเขาได้เชียวหรือ
“ตอนรวมกลุ่มกัน ฆ้องทองแดงชั้นต่ำคนนั้นมาสาย ฆ้องเงินจูจึงสั่งสอนเขาไปครั้งหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าในใจจะมีความแค้น ยามที่ยึดทรัพย์ ฆ้องเงินจูเพียงลวนลามสตรีบ้านขุนนางต้องโทษผู้หนึ่ง แต่เขากลับชักดาบออกมาฟันคน”
ความจริงแล้วฆ้องเงินผู้นี้ก็ได้ยินมาจากฆ้องทองแดงที่มารายงานเช่นกัน เรื่องราวเป็นเช่นนี้จริงๆ เพียงแต่เมื่อผ่านการเสริมเติมแต่งจากเขา ลำดับความสำคัญจึงเลือนรางและแอบเปลี่ยนใจความหลักไป
เขาโยนต้นเหตุความขัดแย้งไปยังฆ้องทองแดงที่ชื่อสวี่ชีอันคนนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจพูดต่อหน้าบิดาของคนอื่นได้ว่า ‘ลูกชายเจ้าหยามเกียรติสตรีบ้านขุนนางต้องโทษจนถูกคนเขาฟันเอา’
มองเห็นฆ้องทองคำจูหน้าเขียวปั๊ด ฆ้องเงินก็พูดต่อ “สวี่ชีอันผู้นั้นกำลังอยู่ระหว่างทางคุมตัวกลับมา คาดว่าคงใกล้ถึงที่ทำการแล้วขอรับ”
เมื่อแน่ใจว่าคนชุดขาวของสำนักโหราจารย์ยังมีเวลามาเพียงพอ จูหยางจึงมองดูลูกชายคนเล็กที่หมดสติอยู่อย่างล้ำลึก แล้วหายวับออกจากห้องโถงราวกับลมแรง
ฆ้องทองคำจูเพิ่งจะพุ่งออกมาจากที่ทำการ เขาก็จ้องมองไปยังทิศทางของถนนสายยาว แลเห็นม้าหกตัวค่อยๆ เข้ามาใกล้ หนึ่งตัวในนั้นมีสวี่ชีอันนั่งอยู่ สองมือถูกมัดเอาไว้แน่น
รอบตัวเขามีม้าห้าตัวล้อมอยู่เพื่อคุมตัวเขากลับมายังที่ทำการ หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคนที่เหลือยังคงค้นบ้านและตรวจนับทรัพย์สินกันอยู่
ฆ้องทองคำจูจดจ้องฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ ที่อยู่บนหลังม้า ไม่มีความโกรธเกรี้ยวและไม่มีจิตสังหาร นิ้วมือชี้นำพลังปราณ ‘ชิ้ง’ ดาบพกของจูกว่างเสี้ยวถูกชักออกมาเอง แล้วฟันไปยังสวี่ชีอันตามการควบคุมพลังปราณนี้
ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว รวมไปถึงสวี่ต้าหลางที่ถูกมัดมือไว้ด้วย
ตึง
ดาบพกของฆ้องทองแดงอีกคนเคลื่อนออกจากฝักแล้วขวางกั้นคมดาบที่จะฟาดฟันสวี่ชีอันเอาไว้
ดาบพกมาตรฐานสองเล่มตกลงพื้นพร้อมกันจนเกิดเสียง ‘เคร้ง’ สองครั้งดังขึ้นมา
สวี่ชีอันได้สติก่อน แผ่นหลังยังคงหลั่งเหงื่อเย็น
จูหยางที่มองอารมณ์ความรู้สึกไม่ออกเหมือนกับบดขยี้มดแมลง ในที่สุดสีหน้าของเขาก็มืดครึ้ม หันหน้าไปจ้องชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอัมพาตข้างหลังเขม็ง เขาระงับไฟโทสะแล้วกล่าวขึ้นว่า
“พยายามฆ่าเจ้านาย ใช้กฎหมายมาตัดสิน เจ้าปกป้องเขาไม่ได้”
“จะตัดสินก็ต้องให้บิดาข้าตัดสิน” หยางเยี่ยนผู้มีใบหน้าอัมพาตจ้องรับดวงตาโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “มีที่ให้เจ้ามาแตะต้องคนของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ได้ เช่นนั้นเรื่องนี้ให้เว่ยกงตัดสิน”
ทั้งสองไปที่หอเฮ่าชี่ทันที ให้เว่ยเยวียนเป็นผู้มอบความยุติธรรม
หลังจากได้รับอนุญาตให้ผ่าน หยางเยี่ยนผู้มีใบหน้าไร้อารมณ์และจูหยางผู้เปี่ยมไฟโทสะยากจะสงบก็ขึ้นบันไดไปพบเว่ยเยวียนที่ชั้นเจ็ด
เว่ยเยวียนยืนอยู่ในโถงสังเกตการณ์ หันหลังให้กับห้องชา
หนานกงเชี่ยนโหรวยืนอยู่ที่ส่วนเชื่อมระหว่างโถงสังเกตการณ์กับห้องชา เอนตัวพิงผนัง ใบหน้ายิ้มเย็นระคนสนุกสนาน
“เว่ยกง!” จูหยางกอบหมัดเอ่ยเสียงขรึม “บุตรชายของข้าจูเฉิงจู้ถูกฆ้องทองแดงสวี่ชีอันฟันจนบาดเจ็บสาหัส ความเป็นความตายอยู่บนเส้นด้าย ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายขอรับ หวังว่าเว่ยกงจะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้น้อย ลงโทษฆ้องทองแดงสวี่ชีอันสถานหนัก”
เขาเงยหน้ามองร่างของเว่ยเยวียน เมื่อเห็นเขาหันกลับมาก็กล่าวต่อ “เว่ยกง เรื่องนี้…”
จูหยางอธิบายความออกไปตั้งแต่ต้นจนจบ
เว่ยเยวียนจึงหันหน้า ก้าวกลับมายังห้องชาแล้วนั่งลงที่โต๊ะ
หยางเยี่ยนกล่าว “ท่านพ่อบุญธรรม ข้ามีข้อโต้แย้งที่แตกต่างกัน จูเฉิงจู้ฉวยโอกาสจากการยึดทรัพย์มาหยามเกียรติสตรีบ้านขุนนางต้องโทษแล้วถูกฆ้องทองแดงสวี่ชีอันขัดขวางไว้ แทนที่จูเฉิงจู้จะกลับใจ กลับโยนสตรีบ้านขุนนางต้องโทษมายังลานบ้าน ทำให้เสื่อมเสียเกียรติในที่สาธารณะ สวี่ชีอันห้ามปรามไม่เป็นผล จึงลงมือเพราะความโกรธ”
ลำบากฆ้องทองคำหยางแล้ว เขาเอ่ยคำพูดสำหรับวันทั้งวันจนจบภายในลมหายใจเดียว
“เหลวไหล!” จูหยางโมโหมาก “เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฆ้องทองแดงสวี่ชีอันแก้แค้นเรื่องส่วนตัว”
เว่ยเยวียนวางถ้วยชาและต้มชาราวกับอยู่เพียงลำพัง รอจนฆ้องทองคำทั้งสองทะเลาะกันเสร็จ หลักๆ จะเป็นจูหยางที่ตะโกนก่นด่า ส่วนหยางเยี่ยนคร้านจะสนใจ
“ในเมื่อมีความแตกต่าง เช่นนั้นก็มาเผชิญหน้ากันเถอะ” เว่ยเยวียนกล่าว
ไม่นาน ซ่งถิงเฟิง จูกว่างเสี้ยว และฆ้องทองแดงคนอื่นที่กลับมาก่อนก็ถูกเรียกตัวขึ้นไป รวมถึงสวี่ชีอันด้วย
เขาถูกทุกคนคุมไว้ตรงกลาง ที่มือมีเชือกมัดอยู่
“พูดมาให้กระจ่าง!” เว่ยเยวียนกวาดตามองทุกคนแล้วเอ่ยอย่างโอนอ่อน
ฆ้องทองแดงทุกคนก้มหน้าลงพร้อมกัน กลับไม่กล้ามองสบตาเขา แม้ว่าขันทีใหญ่ผู้นี้จะแสดงภาพลักษณ์อ่อนโยนน่าเคารพมาโดยตลอดก็ตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง